รีวิวหนังดัง BULLET TRAIN ระห่ำด่วนขบวนนักฆ่า
ขึ้นชื่อว่าหนังแอ็กชันถ้าจะหาจุดต่างที่โดดเด่น บอกเลยว่าหาได้ยากเต็มที เห็นจะมีก็แต่ฉากแอ็กชันเดิมๆกับการดำเนินเรื่องที่เดาทางได้ แต่บอกเลยว่าไม่ใช่กับ BULLET TRAIN ระห่ำด่วนขบวนนักฆ่า
หนังแอ็คชันคอมเมดี้กวนประสาท แต่แฝงด้วยความตลกร้ายแบบ โหด มัน ฮา ผลงานการกำกับของ David Leitch ที่เคยฝากผลงานอย่าง Deadpool 2 (2018) ซึ่งเป็นการการันตีสไตล์ของหนังเลยก็ว่าได้ หนังได้ Brad Pitt มารับบทนำเป็น Ladybug สลัดลุคเท่ มาดสุภาพบุรุษ เป็นคนใหม่ที่ไม่หวงลุคเดิมอีกต่อไป ลืมคาแรคเตอร์เก่าๆของเขาไปได้เลย
เรื่องย่อ
Ladybug นักฆ่ากลับใจ อยากเป็นคนดีเพื่อชีวิตนี้จะได้ไม่ต้องถูกไล่ล่า การรับงานครั้งล่าสุดจึงเป็นการรับพัสดุเป็นกระเป๋าใบหนึ่ง ขโมยออกมาแล้วลงสถานีหน้า ฟังดูง่าย ไม่ต้องสู้กับใคร แต่แท้จริงแล้วนี่คือแผนที่ถูกวางไว้อย่างแยบยล
Ladybug จะต้องเผชิญกับนักฆ่าที่ถูกว่าจ้างมากมายในแต่ละสถานีที่วิ่งผ่านไป ไม่ว่าจะเป็น....
- Lemon และ Tangerine
- The Prince
- The Wolf
- The Hornet
- The White Death
คนเหล่านี้ไม่ได้แค่ทำงานตามค่าจ้าง บางคนมาก็เพื่อล้างแค้นก็มี Ladybug จึงต้องงัดทุกกลยุทธ์ทั้งการต่อสู้และการตีฝีปากปะทะคารมเพื่อเอาตัวรอด
นักแสดงนำ
- Brad Pitt รับบทเป็น Ladybug
- Brian Tyree Henry รับบทเป็น Lemon
- Aaron Taylor-Johnson รับบทเป็น Tangerine
- Joey King รับบทเป็น Prince
- Andrew Koji รับบทเป็น Kimura
- Hiroyuki Sanada รับบทเป็น The Elder
- Michael Shannon รับบทเป็น White Death
- Benito A Martínez Ocasio รับบทเป็น Wolf
- Zazie Beetz รับบทเป็น The Hornet
ความยาว 127 นาที
ความชื่นชอบและความประทับใจจากครีเอเตอร์
1.การแสดงของ Brad Pitt ถือว่าโดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นการแสดงแบบคนขี้เล่นท่ามกลางสถานการณ์เฉียดเป็นเฉียดตายได้อย่างลงตัว ชวนหัวเราะแบบอมยิ้มเป็นระยะ หลังจากเฉิดฉายในเวทีออสการ์จากเรื่อง ONCE APON A TIME IN HOLLYWOOD (2019) ด้วยรางวัลสมทบชายยอดเยี่ยม กลับมาคราวนี้เป็นพระเอกเต็มตัวก็ประจักษ์ชัดว่าเขาคู่ควรแค่ไหน
2.การดำเนินเรื่องเนิ่นช้าไปบ้างในช่วงแรก แต่พอเข้าเรื่องแล้วก็เหมือนกับจุดไฟติด มีเท่าไหร่ใส่มาให้หมด ส่วนหนึ่งมาจากการอารัมภบทที่มาที่ไปของแต่ละตัวละคร ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ก็ไม่น่าเบื่อ ชวนติดตามอยู่ตลอด ต่างจากเรื่องอื่นที่อารัมภบทยืดเยื้อเกินควร
3.ฉากแอ็คชันแม้จะไม่ได้มีมาก แต่ถ้ามีขึ้นมาก็ดูสนุก ถึงจะดูเว่อร์แหกกฎฟิสิกส์ขั้นสูงสุดก็ยังดูสนุกอยู่ดี ไม่ได้รู้สึกขัดตาขัดใจแต่อย่างใด
4.ตัวละครดูมีเสน่ห์ทั้งตัวดีและตัวร้าย ความเท่ของแต่ละตัวละครคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้ใส่ใจในองค์ประกอบเป็นอย่างดี
5.การดำเนินเรื่องคาดเดายาก ถือเป็นการวางบทภาพยนตร์อย่างชาญฉลาดที่ทำให้คนดูชวนติดตามลุ้นไปทั้งเรื่องว่ามันจะลงเอยที่ตรงไหน
6.จุดอ่อนของหนังเรื่องนี้คือมุกชวนฮาบางฉาก อิงกับ Pop culture (วัฒนธรรมที่นิยมในสมัยนั้น) ทำให้คนบางช่วงอายุไม่เข้าใจกับมุกตลกบางอย่าง
7.ครีเอเตอร์ชอบจุดแข็งของเรื่องมีการขยี้ปมความโชคดี-โชคร้าย โชคชะตาลิขิตให้ดวงดีอย่างเหลือเชื่อ รวมถึงการแค้นและการปล่อยวาง ทุกอย่างถือว่าออกมาได้อย่างลงตัว
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้ BULLET TRAIN ระห่ำด่วนขบวนนักฆ่ามีความบันเทิงในแบบเฉพาะของตัวเองและไม่เหมือนใครอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนังแอ็กชันที่เป็น Blockbuster ในดวงใจของใครหลายคน