วัฒนธรรมอาหารอีสาน พร้อมวิธีทำอาหารอีสานยอดนิยม
วัฒนธรรมอาหารอีสานมีความเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และสะท้อนถึงวิถีชีวิตของผู้คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย อาหารอีสานมักจะมีรสชาติที่จัดจ้าน โดยมีรสเผ็ด เปรี้ยว และเค็มเป็นหลัก ส่วนผสมที่นิยมใช้คือ ปลาร้า ข้าวเหนียว และสมุนไพรพื้นบ้าน เช่น พริก กระเทียม ตะไคร้ เป็นต้นอาหารหลักของคนอีสาน คือข้าวเหนียว ที่มักทานคู่กับส้มตำ ลาบ ก้อย และอาหารประเภทปิ้งย่าง เช่น ไก่ย่าง และปลาย่าง
1. ส้มตำ
เป็นวิธีทำอาหารไทยยอดนิยมที่ต้องใช้วัตถุดิบสดใหม่และปรุงรสให้
กลมกล่อม โดยมีขั้นตอนพื้นฐานดังนี้:
วัตถุดิบ
มะละกอดิบ (สับเป็นเส้น)
กระเทียม (2-3 กลีบ)
พริกขี้หนูสด (ตามชอบ)
มะเขือเทศ (หั่นเป็นชิ้น)
ถั่วฝักยาว (หั่นท่อนสั้น)
น้ำปลา
น้ำมะนาว
น้ำตาลปี๊บ
กุ้งแห้ง (หรือปูดองตามชอบ)
ถั่วลิสงคั่ว
มะขามเปียก (ถ้ามี)
ปลาร้า (ถ้าต้องการแบบส้มตำปลาร้า)
ขั้นตอนการทำ
โขลกกระเทียมกับพริก: ใส่กระเทียมและพริกลงในครก โขลกพอหยาบ ๆ ตามระดับความเผ็ดที่ต้องการ
ใส่ถั่วฝักยาวและมะเขือเทศ: ใส่ถั่วฝักยาวและมะเขือเทศลงไป แล้วโขลกให้เข้ากัน
ปรุงรส: ใส่น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำปลาร้าหรือมะขามเปียกตามความชอบ คนให้เข้ากัน
ใส่มะละกอ: ใส่มะละกอสับลงไปในครก แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงจนทั่ว
เพิ่มเครื่องเคียง: ใส่กุ้งแห้งและถั่วลิสงคั่ว คลุกเคล้าอีกครั้ง
เสิร์ฟ: ตักส้มตำใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียวและผักสด
เพียงเท่านี้ก็จะได้ส้มตำรสชาติจัดจ้านพร้อมรับประทาน!
2. ลาบ
เป็นอาหารอีสานยอดนิยม ส่วนผสมหลักคือเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัวหรือหมูผสมกับ
เครื่องปรุงต่างๆ รวมถึงข้าวคั่วเพื่อเพิ่มความหอม มาดูวิธีทำกัน
ส่วนผสมลาบ
เนื้อหมูสับหรือเนื้อวัวสับ (ตามชอบ) 300 กรัม
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนชา (ปรับตามระดับความเผ็ดที่ชอบ)
หอมแดงซอย 2-3 หัว
ต้นหอม ผักชีใบเลื่อย สะระแหน่ซอย สำหรับโรยหน้า
น้ำตาลทรายเล็กน้อย
ผักสด เช่น กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว สำหรับทานคู่
วิธีทำลาบ
ลวกเนื้อสับด้วยไฟกลางจนสุก ระวังอย่าให้เนื้อแห้งเกินไป
ปิดไฟ จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น และข้าวคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ใส่หอมแดงซอย ต้นหอม ผักชีใบเลื่อย และสะระแหน่ คลุกให้ทั่ว
ชิมรส ถ้าชอบหวานเล็กน้อยสามารถเติมน้ำตาลได้
ตักใส่จาน โรยด้วยผักที่เตรียมไว้ เสิร์ฟพร้อมผักสด
3. ซุปหน่อไม้
เป็นอาหารอีสานยอดนิยม ทำจากหน่อไม้ต้มและคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงและสมุนไพร
ที่ให้ความหอมอร่อย มาดูวิธีทำกัน
ส่วนผสม
หน่อไม้สด 500 กรัม
ใบย่านาง 10 ใบ (หรือน้ำใบย่านางสำเร็จรูป 1 ถ้วย)
ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 1 ช้อนชา (ปรับตามชอบ)
หอมแดงซอย 3 หัว
ต้นหอม ผักชีลาวซอย 1/4 ถ้วย
ใบแมงลัก 1 ถ้วย
ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า
ผักสด เช่น กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว สำหรับทานคู่
วิธีทำ
ต้มหน่อไม้: นำหน่อไม้ไปต้มในน้ำจนสุก จากนั้นเทน้ำทิ้งแล้วฉีกหน่อไม้เป็นเส้นๆ
คั้นใบย่านาง: ถ้าใช้ใบย่านางสด ให้นำใบย่านางไปตำแล้วคั้นเอาน้ำ หรือใช้น้ำใบย่านางสำเร็จรูปก็ได้
ต้มหน่อไม้กับน้ำใบย่านาง: ใส่หน่อไม้ที่ฉีกแล้วลงในหม้อ ต้มพร้อมน้ำใบย่านางจนเดือด
ปรุงรส: ใส่น้ำปลาร้า น้ำปลา พริกป่น และข้าวคั่วลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไฟ
ใส่สมุนไพร: ใส่หอมแดงซอย ต้นหอม ผักชีลาว และใบแมงลัก คลุกเคล้าให้เข้ากัน
เสิร์ฟ: ตักใส่จาน โรยด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมผักสด
เคล็ดลับ: ถ้าชอบรสชาติที่จัดจ้านสามารถเพิ่มพริกป่นหรือน้ำปลาร้าได้ตามชอบ
4. แจ่วบอง หรือ น้ำพริกปลาร้า
เป็นน้ำพริกอีสานรสชาติจัดจ้าน หอมกลิ่นปลาร้าและสมุนไพร มักทานคู่กับผักสดหรือข้าวเหนียว
ส่วนผสม
ปลาร้าตัว 1 ถ้วย (ล้างสะอาดและต้มให้สุก)
ตะไคร้ซอย 2 ต้น
หอมแดง 4-5 หัว
กระเทียม 5 กลีบ
พริกแห้ง 10 เม็ด (หรือปรับตามความเผ็ดที่ชอบ)
ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดซอย 3 ใบ
ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาร้าต้มสุก 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามความเค็ม)
น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย (ไม่จำเป็น)
ผักสดตามชอบ เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี
วิธีทำ
เตรียมส่วนผสม: นำหอมแดง กระเทียม ข่า และพริกแห้งไปคั่วให้หอมและกรอบ จากนั้นพักไว้
โขลกเครื่องปรุง: โขลกพริกแห้งคั่ว ข่า หอมแดง กระเทียม และตะไคร้ ให้ละเอียดเข้ากัน
ใส่ปลาร้า: ใส่ปลาร้าต้มสุกลงในครก โขลกให้เข้ากันกับเครื่องที่โขลกไว้
ปรุงรส: เติมน้ำปลาร้าต้มสุกและข้าวคั่วลงไป โขลกให้ส่วนผสมเข้ากันดี ชิมรส หากต้องการเพิ่มความหวาน สามารถเติมน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย
เสิร์ฟ: ตักแจ่วบองใส่ถ้วย โรยด้วยใบมะกรูดซอย เสิร์ฟพร้อมผักสดหรือข้าวเหนียว
เคล็ดลับ: แจ่วบองควรมีรสเผ็ด เค็ม หอมกลิ่นสมุนไพรและปลาร้า ปรับรสชาติตามชอบได้
5. แกงอ่อม
เป็นอาหารอีสานที่นิยมทำจากเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ หมู หรือเนื้อวัว ผสมกับผัก
หลากหลายชนิด มีรสชาติกลมกล่อมหอมกลิ่นสมุนไพร
ส่วนผสม
เนื้อหมู (หรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ตามชอบ) 300 กรัม
ตะไคร้ซอย 2 ต้น
ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 3-4 หัว
พริกสด 5-6 เม็ด (หรือปรับตามความเผ็ด)
ใบมะกรูดฉีก 3-4 ใบ
น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ฟักทอง (หรือผักตามชอบ เช่น ผักชีลาว ผักบุ้ง บวบ ใบแมงลัก) 100 กรัม
ต้นหอม ผักชีลาว สำหรับโรยหน้า
น้ำซุปหรือน้ำเปล่า 2-3 ถ้วย
วิธีทำ
โขลกเครื่องแกง: โขลกตะไคร้ ข่า หอมแดง และพริกสดให้พอหยาบ เพื่อเป็นเครื่องแกง
ผัดเครื่องแกง: ตั้งหม้อใส่น้ำมันเล็กน้อย ผัดเครื่องแกงที่โขลกไว้จนหอม
ใส่เนื้อสัตว์: ใส่เนื้อหมู (หรือเนื้อสัตว์ที่เลือก) ลงไปผัดกับเครื่องแกงจนเนื้อเริ่มสุก
เติมน้ำซุป: เติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าลงไปพอท่วมเนื้อ รอให้น้ำเดือด
ใส่ผัก: ใส่ฟักทองหรือผักที่ต้องการลงไป เช่น ผักบุ้ง บวบ แล้วตามด้วยใบมะกรูด
ปรุงรส: ใส่น้ำปลาร้าและน้ำปลา ชิมรสให้กลมกล่อม
ใส่ผักโรยหน้า: เมื่อผักและเนื้อสุกดีแล้ว ใส่ต้นหอมและผักชีลาว ปิดไฟ
เสิร์ฟ: ตักแกงอ่อมใส่ถ้วย โรยใบแมงลักก่อนเสิร์ฟ
เคล็ดลับ: แกงอ่อมควรมีรสชาติเค็มนิดๆ หอมกลิ่นปลาร้าและสมุนไพร ปรับผักและเนื้อสัตว์ได้ตามชอบ