น้ำผึ้งเดือนห้า
น้ำผึ้ง (Honey) เป็นผลิตผลน้ำหวานจากดอกไม้ และแหล่งน้ำหวานอื่น ๆ จากธรรมชาติที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ในรัง จากนั้นผึ้งจะกินน้ำหวานที่ได้มาเข้าไป และน้ำหวานที่ผ่านการย่อย ผ่านเอนไซม์ในท้องผึ้งจะกลายมาเป็นน้ำผึ้งอยู่ในรัง
น้ำผึ้งที่ได้มาจากแต่ละแห่งจะมีรสชาติ ความหอมหวาน สีแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ หรือ ชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งกินเข้าไป รวมถึงแหล่งของพืช และ พื้นดินบริเวณที่ผึ้งอาศัยอยู่ น้ำผึ้งที่ได้จากรังผึ้งในป่าใหญ่จะประกอบด้วยน้ำหวานจากดอกไม้นานาพันธุ์ ส่วนน้ำผึ้งจากผึ้งเลี้ยงอาจมีน้ำหวานจากดอกไม้ชนิดเดียว หรือ เพียงไม่กี่พันธุ์
น้ำผึ้งเดือนห้า คือ น้ำผึ้งที่มีการกล่าวถึงมากที่สุด อยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ถึง เดือนเมษายน เป็นการนับเดือนของไทยตามปฏิทินจันทรคติ ตรงกับฤดูร้อน เพราะมีสรรพคุณดี เนื่องจากในฤดูกาลนั้น อากาศแห้งแล้งที่สุดทำให้ความชื้นต่ำ ความชื้นในชั้นบรรยากาศที่มีน้อย จะทำให้น้ำผึ้งในเดือนห้า ไม่มีน้ำมาเจือปน น้ำผึ้งเดือนห้าจึงข้น หอม มีความหวานกว่าน้ำผึ้งทุกเดือน น้ำผึ้งจะมีความเข้มข้นสูง เก็บไว้ใช้ได้นาน จัดเป็นน้ำผึ้งคุณภาพชั้นหนึ่ง
คุณค่าทางโภชนาการ
น้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 303 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
- น้ำ ประมาณ 20%
- น้ำตาลชนิดต่าง ๆ เช่น กลูโคส ฟรักโทส ประมาณ 79%
- กรดชนิดต่าง ๆ ประมาณ 0.5 %
- วิตามิน เอนไซม์ แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินซี ประมาณ 0.5 %
จะเห็นได้ว่า องค์ประกอบหลักของน้ำผึ้งคือ น้ำตาล เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดียวเป็นส่วนมาก สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย
สรรพคุณของน้ำผึ้ง
1.ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ หนึ่งในนั้น คือ สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการอักเสบทั้งแบบปกติ และ แบบเรื้อรัง
การดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่นจะช่วยกำจัด สารโพรสตาแกลนดินส์ (Prostaglandins) ที่ร่างกายหลั่งออกมาเพื่อตอบสนองต่อการบาดเจ็บหรือติดเชื้อ ส่งผลให้เกิดกระบวนการอักเสบ ซึ่งในบางครั้งก็มีการหลั่งสารชนิดนี้ออกมามากกว่าปริมาณที่ต้องการ จึงทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย
2.ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น เพราะมีกรดที่สำคัญอย่างกรดเดซิโนอิค (Decenoic acid) คุณสมบัติช่วยคลายเครียด ทำให้อารมณ์ดี ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ โดยกินก่อนนอนหนึ่งช้อนชา หรือผสมน้ำอุ่นดื่ม
3.ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งช่วยเพิ่มความกระจ่างใสบริเวณใบหน้า สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดสิวได้
4.ช่วยในการขับถ่าย เอนไซม์ในน้ำผึ้งมีประโยชน์ในการช่วยย่อยคาร์โบไฮเดรต มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้อาการท้องผูกในเด็กและคนชราได้
การดื่มน้ำผึ้งผสม กับ มะนาว และ น้ำอุ่น ช่วยกระตุ้นให้เกิดการผลิตเมือกในลำไส้ ซึ่งจะช่วยในการกำจัดสารพิษ สำหรับใครที่กำลังประสบกับปัญหาท้องผูก ดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้อาจช่วยให้ขับถ่ายสะดวกขึ้น
5.ช่วยบรรเทาอาการไอแห้ง แบบไม่มีเสมหะ และ อาการไอแบบเรื้อรัง
6.กำจัดแบคทีเรีย เนื่องจากมีสารที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียชนิดไม่ดีที่สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายได้ อีกทั้งมีกรดตามธรรมชาติที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรคที่จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้น
7.กระตุ้นภูมิคุ้มกัน น้ำผึ้งมีกลูโคสตามธรรมชาติที่มีส่วนช่วยให้เซลล์ในภูมิคุ้มกันร่างกายกำจัด หรือทำลายสิ่งแปลกปลอม ช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้ดียิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการใช้น้ำผึ้ง
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หากกินมากเกินพอดีจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
- คนที่มักมีอาการอาหารไม่ย่อย และอาเจียนบ่อย ๆ
- เด็กอายุน้อยกว่า 1 ขวบไม่ควรดื่ม เพราะในน้ำผึ้งอาจมีสปอร์ของเชื้อคลอสตริเดียมโบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งจะเจริญเติบโตได้ดีในระบบทางเดินอาหารของเด็กเล็ก ทำให้เกิดสารพิษที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ แต่เกิดขึ้นไม่บ่อย
- บางครั้งน้ำผึ้งอาจได้มาจากน้ำหวานของเกสรดอกไม้ที่เป็นพิษ เช่น น้ำหวานจากดอกต้นตาตุ่มทะเล ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะทำให้ท้องเดิน ควรสอบถามถึงแหล่งที่มาให้ละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงพิษภัยที่อาจเกิดขึ้นได้
อ้างอิงจาก: https://hdmall.co.th/blog/health/honey-reduce-stress-insomnia/
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/infographic/สรรพคุณไม่ลับ-ของน้ำผึ/
https://www.thaiherbinfo.com/th/article/ประโยชน์ของน้ำผึ้งทางการแพทย์แผนไทย
https://www.greenery.org/ไขความลับ-น้ำผึ้งเดือน/