รีวิวหนังดัง TOP GUN MAVERICK ท็อปกัน มาเวอริค
กัปตันพีท มาเวอริค มิทเชลล์ หรือสมญานาม มาเวอริค (Maverick) สุดยอดนักบินขับไล่จากโรงเรียน TOP GUN ปี 1986 กลับมาสานตำนานภาคต่อ หลังจากห่างหายไปนานเกือบ 40 ปี นักเรียนที่จบจากโรงเรียน TOP GUN ที่ขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการบินตัวฉกาจ ถูกเรียกตัวมาทำภารกิจที่โหดหิน ภารกิจที่ขึ้นชื่อว่ายากที่จะมีใครทำได้ TOP GUN MAVERICK จะไม่ได้พูดถึงชีวิตการเรียนในโรงเรียนฝึกสอนการบินอย่างภาคแรกอีกแล้ว แต่จะเป็นการปฏิบัติในสมรภูมิจริง เป็นการรบเพื่อความมั่นคงของชาติที่เข้มข้นภาคแรกหลายเท่า
เรื่องย่อ
มาเวอริค ถูกกองทัพเรียกตัวให้มาเป็นครูฝึกสอนการบินเพื่อรับมือการภารกิจการยิงลูกระเบิดในฐานทัพนิรนามที่เป็นปรปักษ์ของชาติ มาเวอริคเป็นเซียนยอดนักบิน แต่เขาทำภารกิจเองคนเดียวไม่ได้ จึงต้องเกณฑ์นักเรียนจาก TOP GUN ที่ขึ้นชื่อว่าโคตรเก่งให้มารับมือกับภารกิจที่ว่านี้ฟ้าเหนือฟ้า คือคติของครูฝึกอย่างมาเวอริค การฝึกสอนการบินเต็มไปด้วยความท้าทาย แรงกดดัน และความระหองระแหงกับลูกศิษย์ที่ชื่อรูสท์เตอร์ เนื่องจากพ่อของรูสท์เตอร์เคยเป็นผู้ช่วยนักบินให้มาเวอริคจนครั้งหนึ่งเครื่องยนต์ขัดข้อง ทำให้พ่อของรูสท์เตอร์ถึงแก่ความตาย นี่คืออุปสรรคสำคัญที่มาเวอริคจะต้องจัดการให้ได้ เพื่อให้ทั้งทีมร่วมมือกันทำภารกิจให้สำเร็จและกลับมาได้อย่างปลอดภัย
นักแสดงนำ
- Tom Cruise รับบทเป็น Captain Pete 'Maverick' Mitchell
- Jennifer Connelly รับบทเป็น Penny Benjamin
- Miles Teller รับบทเป็น Bradley 'Rooster' Bradshaw
- Jon Hamm รับบทเป็น Beau 'Cyclone' Simpson
- Charles Parnell รับบทเป็น Solomon 'Warlock' Bates
- Bashir Salahuddin รับบทเป็น Bernie 'Hondo' Coleman
- Monica Barbaro รับบทเป็น Natasha 'Phoenix' Trace
- Glen Powell รับบทเป็น Jake 'Hangman' Seresin
- Val Kilmer รับบทเป็น Tom 'Iceman' Kazansky
กำกับการแสดงโดย Joseph Kosinski
ความยาว 130 นาที
ความชื่นชอบของครีเอเตอร์
1.การนำเสนอของเรื่องมีความสนุกอยู่ตลอดเวลา ไม่น่าเบื่อ มีอะไรให้ต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา
2.หนังแสดงถึงความกดดันของการทำงานในการเป็นทหารได้เป็นอย่างดี รวมถึงเรื่องของขัดแย้งในทีมที่เกิดขึ้น มาเวอริคสามารถจัดการกับมันได้ แม้จะใช้เวลานานก็ตาม หนังถ่ายทอดประเด็นนี้ได้อย่างกลมกลืน มีเหตุผลที่ดูเป็นไปได้ในชีวิตจริง ไม่ฝืดฝืนเหมือนละครคุณธรรมที่ถ่ายทอดความสามัคคีแบบกำปั้นทุบดิน ไม่สมเหตุสมผล
3.การออกแบบฉากต่อสู้น่าประทับใจ ไม่มีการตัดภาพกลับไปกลับมาดูแล้วเวียนหัวเหมือนภาคแรก ด้วยเทคนิคที่ดีขึ้นตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ทำให้ฉากขับอากาศยานดูสมจริง บวกกับความทุ่มเทของทีมงานที่ให้นักแสดงขับเครื่องบินจริงในบางฉาก ก็นับว่าคุณภาพที่ออกมานั้นน่าชื่นชม
นับว่าหนังแบบนี้ให้ทั้งความสนุกแบบไม่ต้องแอ็กชันมากมายเหมือนอย่างหนังซูเปอร์ฮีโร่ อีกทั้งยังแฝงความโรแมนติกได้อย่างแนบเนียน แถมยังมีเสน่ห์จากนักแสดงปรากฏให้เราได้รู้สึกร่วมไปกับอารมณ์ของหนังได้ ทำให้ไม่เบื่อเลยตลอดทั้งเรื่อง