"สุดยอดปราสาท" ที่สวยราวเทพนิยาย
1. ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein) ประเทศเยอรมันนี ซึ่งเป็นปราสาทต้นแบบในการ์ตูนของวอลล์ดิสนีย์
ปราสาทนอยชวานชไตน์ ต้นแบบปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงในดิสนีย์แลนด์
ปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) เป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์แถบแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 ถือเป็นเป็น?ปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก และเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์และโตเกียวดิสนีย์แลนด์รวมไปถึงที่แดนเนรมิตของไทยเราอีกด้วย
ปราสาทนอยชวานชไตน์ มีความโดดเด่นในรูปแบบและที่ตั้ง ที่สร้างจินตนาการได้มากกว่าปราสาทอื่นใดเนื่องจากตัวปราสาทมีที่ตั้งอันน่าทึ่งบนหินผาขนาดใหญ่ยักษ์สูงกว่า 200 เมตร เหนือออบแก่งของแม่น้ำพอลลัท นอกจากนี้ยังมีแวดล้อมด้วยธรรมชาติและทิวทัศน์ของป่าเขาลำเนาไพรที่สวยงามและมีสีสันแปรเปลี่ยนแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล เมื่อมองจากสะพานมาเรียนที่ทอดข้ามสายน้ำเชี่ยวกรากในลำธารเบื้องล่าง
พระเจ้าลุดวิกที่ 2 กษัตริย์หนุ่มแห่งแคว้นบาวาเรีย ที่มีฉายาว่า ราชันหงส์ขาว มีพระประสงค์ให้จัดสร้างเพื่อเป็นที่ประทับอย่างสันโดษห่างจากผู้คนและเพื่ออุทิศให้แก่กวี ริชาร์ด วากเนอร์ ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างให้เป็นไปตามบทประพันธ์เรื่อง อัศวินหงษ์ (Swan Knight Lohengrin) แรงบันดาลใจจากความหลงใหล ในการชมอุปรากรและบทละคร ที่พระองค์ทรงโปรด จึงทำให้เป็นปราสาทที่วิจิตรอลังการ ภายในได้รับการตกแต่ง ตามฉากของละครตอนต่างๆ ใครที่ชื่นชอบภาพวาดฝาผนังชิ้นเอก ของริชาร์ด วากเนอร์ งานประติมากร และช่างแกะสลักไม้ฝีมือเยี่ยม ที่นี่น่าจะเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ทำให้คุณเพลิดเพลิน แถมยังมีห้องบัลลังก์ ห้องบรรทม ห้องทรงดนตรี โอเปร่า ท้องพระโรง และห้องครัวที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น เอาไว้ให้ชมกันด้วย?ดังนั้นปราสาทแห่งนี้จึงได้รับการตกแต่งตามเรื่องราวในบทประพันธ์ดังกล่าว
ปราสาทแห่งนี้ สถาปัตยกรรม สถาปัตยกรรมฟื้นฟูกอธิคผสมยุคกลาง ได้รับการออกแบบโดย?คริสเตียน แยงค์ (Christian Jank) ซึ่งเป็นนักออกแบบทางการละครมากกว่าที่จะเป็นสถาปนิก มันถูกสร้างขึ้นด้วยเงินทุนมหาศาลแต่ทว่าปราสาทหลังนี้เพิ่งได้รับขนานนามว่า “นอยชวานสไตน์” ก็ต่อเมื่อหลังจากที่กษัตริย์ลุดวิกที่ 2 ได้เสด็จสวรรคตแล้วในปี 1886
การสร้างปราสาทแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากในสมัยนั้นปราศจากเทคโนโลยีและเครื่องมือก่อสร้างแบบพิเศษใดๆ วัสดุอุปกรณ์ที่นำมาบรรจงสร้างสรรค์ล้วนมีน้ำหนักและปริมาณมากมายมหาศาลและต้องลำเลียงเคลื่อนย้ายไปสู่สถานที่ก่อสร้างปราสาทบนยอดเขาอันไกลโพ้น
วัสดุก่อสร้างหนักๆ เช่น หินอ่อน 465 ตัน หินทราย 4,550 ตัน อิฐ 400,000 ก้อน ทราย 3,600 ลูกบาศก์เมตร ซีเมนต์ 600 ตัน และสิ่งสำคัญคือการใช้ไม้เพื่อแกะสลักทั้งสิ้น 2,050 ลูกบาศก์เมตร ต้องใช้กำลังสติปัญญา แรงงานจากช่างผู้ชำนาญ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมากมายโดยใช้เวลาทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 17 ปี
2. ปราสาทสตอลเกอร์ (Stalker Castle) ประเทศสก๊อตแลนด์
ปราสาทสตอลเกอร์ (Stalker Castle) ประเทศสก๊อตแลนด์
ปราสาทสตอลเกอร์มีลักษณะเป็นบ้านหอคอยสี่ชั้นที่ตั้งอยู่บนเกาะที่โผล่พ้นระดับน้ำในทะเลสาบ Loch Laich ภาพของปราสาทแห่งยุคกลางนี้มักพบเห็นได้บนไปรษณียบัตร ปฏิทิน และของที่ระลึกอื่นๆ ของสกอตแลนด์ สถานที่นี้ยังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักเนื่องจากปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง Monty Python and the Holy Grail ของปี 1975 ลงทะเบียนเพื่อไปเที่ยวชมปราสาทของเอกชนแห่งนี้ หรือเพียงแค่ยลโฉมห่างๆ จากระยะไกลในระหว่างการเดินเที่ยวชมธรรมชาติ
พื้นที่ของปราสาทนี้แต่เดิมเคยเป็นที่ตั้งของอาคารที่มีป้อมปราการปกป้องซึ่งเป็นของตระกูล MacDougall ชื่อของปราสาทนำมาจากคำในภาษาเกลิก “stalcaire” ซึ่งหมายถึง "ผู้ล่า" หรือ "คนฝึกเหยี่ยว" รูปลักษณ์ในปัจจุบันของปราสาทมีขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปี 1446 โดยในขณะนั้น ปราสาทได้ถูกใช้เป็นฐานที่มั่นของตระกูล Stewarts แห่ง Appin เชื่อกันว่า King James IV ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของตระกูล Stewarts มักจะออกเดินทางมายังปราสาทแห่งนี้เพื่อล่าสัตว์อยู่บ่อยๆ ผู้มาเยือนสามารถมองหาตราเครื่องหมายประจำตระกูลที่อยู่บริเวณเหนือประตูปราสาท ซึ่งมักจะถูกเข้าใจว่าเป็นตราเครื่องหมายของพระมหากษัตริย์
3. ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollern Castle) ประเทศเยอรมันนี ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollern)
ยอดแหลมของปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์นตั้งตระหง่านอยู่เหนือชนบทของ Zollemalb ที่ความสูง 855 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ปราสาทนี้เป็นบ้านของตระกูลโฮเฮนโซลเลิร์นมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างในศตวรรษที่สิบเอ็ด ต่อมาได้ถูกทำลายลงในปี 1423 และสร้างขึ้นใหม่ถึงสองครั้ง โดยรูปแบบปัจจุบันเป็นผลงานจากสมัยศตวรรษที่สิบเก้าตอนปลาย ปราสาทนี้เป็นที่พำนักประจำราชวงศ์ปรัสเซีย ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นที่ลี้ภัยของชาวคาทอลิกและเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์น ในปัจจุบันมีการปรับใช้ปราสาทให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเป็นทั้งโรงละครแบบเปิด สถานที่จัดคอนเสิร์ต และตลาดคริสต์มาสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางสังคมประจำปี ปราสาทเทพนิยายแห่งนี้ได้มอบโอกาสทางสังคมแก่เด็กผู้ด้อยโอกาสให้เข้าร่วมเทศกาลวันหยุดฟรีในทุกๆ ปี โดยเป็นโครงการส่วนหนึ่งของมูลนิธิเจ้าหญิงคีราแห่งปรัสเซีย burg-hohenzollern.com
ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น (Hohenzollern)
4. ปราสาทมองต์ เซนต์ มิเชล (Mont-Saint Michel) ประเทศฝรั่งเศส
5. ปราสาทโคเคห์ม (Cochem Castle) ประเทศเยอรมันนี
6. ปราสาทสวอลโล เนส (Swallow′s Nest In Yalta) เมืองยัลต้า บนคาบสมุทรไครเมีย ประเทศอูเครน
อ้างอิงจาก: รวมยอดปราสาทยุโรป