ขนมครก ขนมไทยโบราณ
ขนมครก ขนมไทยโบราณ
ขนมครก เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งน้ำตาลและกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลาจะรับประทานต้องแคะออกมาเป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันตอนรับประทาน เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ อาหารที่คล้ายกันนี้ยังพบในพม่า (เรียกว่า โมก หลีน-มะย้า แปลว่า ขนมผัว-เมีย), ลาว (เรียกว่า ขนมคก), บังคลาเทศ, อินเดียใต้ (เรียกว่า ปัดดูหรือปานิยาราม) และอินโดนีเซีย (เรียกว่า เซอราบี)
มีหลักฐานว่าขนมครกเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เข้าใจว่าจะเป็นแบบง่าย ๆ ไม่ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างปัจจุบัน กล่าวคือยังทำตามหลักขนมไทยโดยใช้ข้าวโม่ให้เป็นแป้ง แล้วนำไปผสมน้ำตาลกับมะพร้าว มีหลักฐานการทำเตาขนมครกบริเวณชุมชนบ้านหม้อย่านทุ่งขวัญด้านตะวันตกของคลองสระบัวในกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นแหล่งทำเครื่องปั้นดินเผา ปรากฏใน คำให้การขุนหลวงหาวัด ว่า บ้านหม้อ ปั้นหม้อข้าวหม้อแกงใหญ่เล็ก และกระทะเตาขนมครก ขนมเบื้อง
ขนมครกยังปรากฏในวรรณคดีไทย เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
ลาวทำขนมเบื้องผิดเมืองไทย | แผ่นผ้อยมันกะไรดังต้มกบ | |
แซะม้วนเข้ามาเท่าขาทบ | พลายชุมพลดิ้นหรบหัวร่อไป |
ฝ่ายนางศรีมาลาชายตาดู | ทั้งข้าไทยิ้มอยู่ไม่นิ่งได้ | |
อีไหมร้องว้ายข้อยอายใจ | ลืมไปคิดว่าทำขนมครก | |
ขุนช้างขุนแผน ตอนนางสร้อยฟ้าทำเสน่ห์
ขนมครกปรากฏในโคลงล้านนา (คร่าวซอ) เรื่อง คร่าวดอยสุเทพและคร่าวซอถนนในเมืองเชียงใหม่ ต้นฉบับจากใบลานจารด้วยอักษรธรรมล้านนา ประพันธ์โดยพญาพรหมโวหารระหว่างปี พ.ศ. 2420–30 เพื่อทูลถวายพระเจ้าอินทวิชยานนท์ และเจ้าทิพเกสร เป็นโคลงบรรยายเหตุการณ์ที่พญาพรหมโวหารได้รับความอุปถัมภ์จากพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ปรากฏในคำประพันธ์บทที่ ๒๙ ฉบับปริวรรตโดย บุญทา ศรีพิมพ์ชัย ว่าไส้กรอกหมูหยองห้องพะโลซ้อนหลายเยืองตอนของไทยของหวานอ่านนับเยื่องอันเย็นใจทอดเลี้ยงภายในประสุมเวียกสร้างหนมโก๋ทองหยิบฝอยทองเขาห้างการบัวบานหนมครก
ส่วนเตากระทะที่ใช้ทำขนมครกเชื่อว่าเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากการติดต่อค้าขายกับชาวโปรตุเกส และริเริ่มการใช้ไข่เป็นวัตถุดิบสำหรับทำขนมรวมทั้งยังคล้ายคลึงกับกระทะทำแพนเค้กพัฟสไตล์เดนมาร์ค (Aebelskiver)
ขนมครกแต่เดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำ โม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลงหน้าขนมครกให้แปลกไปอีก เช่น หน้ากุ้ง (แบบเดียวกับข้าวเหนียวหน้ากุ้ง) หน้าไข่ หน้าหมู (แบบเดียวกับไส้ปั้นสิบ) หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม
ประเภทของขนมครก
ขนมครกมอญ
เป็นขนมเก่าแก่ของชาวมอญ ปัจจุบันเหลือที่ชุมชนมอญตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีเพียงแห่งเดียว ใช้ข้าวเหนียวดิบแช่น้ำจนชุ่มมาละเลงในเบ้าขนมครก ไส้เป็นมะพร้าวทึนทึกขูด น้ำตาลทรายและงาคั่ว เคล้าให้เข้ากัน
ขนมครกชาววัง
เป็นขนมครกที่เทแป้งลงในเบ้าให้ติด ๆ กัน และมีหน้าหยอด หลากหลาย เช่น เผือก มัน ฝอยทอง ฯลฯ เวลาสุกจะร่อนออกมา แล้วจึงตัดแบ่งออกรับประทาน ขนมครกชาววังจะมีความพิเศษแตกต่างจากขนมครกชาวบ้าน คือ เน้นความสวยงาม ไม่มีขอบไหม้เกรียม และทำอย่างประณีต นอกจากมีรสชาติอร่อยแล้วยังต้องงามตาแตกต่างจากขนมชาวบ้านทั่วไป โดยหลังจากตักขนมครกขึ้นจากเบ้าแล้วจะมีการตัดริมขอบที่ไหม้เกรียมด้วยกรรไกรทิ้งให้หมดให้เหลือเฉพาะส่วนนิ่ม ๆ
ขนมครกแป้ง
ขนมครกที่ทำจากข้าวโม่ผสมแป้งแต่ไม่มีหน้าหยอด
ขนมครกประยุกต์
เป็นขนมครกสมัยปัจจุบันที่มีการประยุกต์สูตรโดยการเพิ่มส่วนผสมลงในแป้ง เช่น
ขนมครกไข่ ใส่ไข่ไก่ทั้งไข่ขาวและไข่แดงแต่ไม่มีหน้าหยอด เวลาสุกจะมีสีเหลืองนวล
ขนมครกกล้วย ใส่กล้วยหอมหรือกล้วยไข่ อาจใช้กล้วยเป็นหน้าหยอด
ขนมครกแป้งหน้ากะทิ ใช้กะทิเป็นหน้าหยอด รสออกหวานเค็ม
ขนมครกแป้งสีต่างๆ ใส่สีผสมอาหารหรือสีที่ได้จากธรรมชาติ
ขนมครก ไม่เพียงแค่เป็นชื่อขนมเท่านั้นแต่ยังหมายถึงการละเล่นของเด็ก ๆ ผู้หญิงของชาวภาคใต้ของไทย ที่เรียกว่า เคว็กหนมครก (ควักหนมครก) เป็นการละเล่นบนลานดินในที่ร่ม วิธีการเล่น คือ ตักดินผสมกับน้ำพอหมาด ๆ คนให้เข้ากันแล้วใช้ช้อนขุดบนลานดินให้เป็นหลุมคล้ายถาด หรือรางขนมครก แล้วนำดินที่ผสมน้ำไว้มาหยอดลงหลุมที่ขุดไว้เกือบเต็ม ทิ้งไว้สักพักดินจะแห้งแล้วใช้ช้อนควักออกจากหลุมก็จะได้ขนมครกตามต้องการ
อ้างอิงจาก: ขนมครก ขนมไทย