ชั่วขณะสุดท้ายของชีวิต หากถูกประหารด้วยกิโยติน เราจะรู้สึกอย่างไร?
ชั่วขณะสุดท้ายของชีวิต หากถูกประหารด้วยกิโยติน เราจะรู้สึกอย่างไร?
ในประวัติศาสตร์การประหารชีวิตที่โหดเหี้ยม กิโยติน (guillotine) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความรุนแรงที่ถูกจดจำมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสที่อุปกรณ์นี้ถูกใช้เพื่อประหารชีวิตชนชั้นปกครองและผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าขัดต่อรัฐ กิโยตินถูกออกแบบมาเพื่อให้การประหารชีวิตเป็นไปอย่างรวดเร็วและ “ปราศจากความเจ็บปวด” แต่คำถามสำคัญที่ยังคงสร้างความสงสัยคือ หากเราถูกประหารด้วยกิโยตินจริงๆ เราจะรู้สึกอย่างไรในชั่วขณะที่ใบมีดตกลงมาจนถึงเสี้ยววินาทีสุดท้ายของชีวิต?
กิโยตินถูกออกแบบมาในศตวรรษที่ 18 โดยดร.โจเซฟ อิกนาซ์ กิโยติน (Joseph-Ignace Guillotin) นักการแพทย์ชาวฝรั่งเศสที่ตั้งใจสร้างเครื่องประหารที่มีมนุษยธรรมมากกว่าวิธีแบบเดิม เช่น การแขวนคอหรือการเผาทั้งเป็น อุปกรณ์นี้มีโครงสร้างที่เรียบง่าย ประกอบด้วยใบมีดเหล็กที่มีความคมมาก และปล่อยลงมาด้วยแรงโน้มถ่วงเพื่อตัดศีรษะผู้ถูกประหารในเสี้ยววินาที ความรวดเร็วของมันคือสิ่งที่ทำให้กิโยตินกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ความตายอย่างรวดเร็ว”
สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับกิโยติน ช่วงเวลาที่น่ากลัวที่สุดอาจไม่ใช่ตอนที่ใบมีดตกลงมา แต่เป็นช่วงที่ถูกนำตัวขึ้นไปยังแท่นประหาร เมื่อผู้ประหารมัดตัวและศีรษะของพวกเขาให้อยู่ในตำแหน่งที่แน่นอน เสียงลมหายใจที่ติดขัดและสายตาของฝูงชนที่มองมาอย่างไม่ละสายตา อาจสร้างความกดดันทางจิตใจอย่างมหาศาล
แม้การตัดศีรษะด้วยกิโยตินจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คำถามคือ “จิตสำนึก” ของผู้ถูกประหารจะดับลงทันทีหรือยังคงอยู่ในเสี้ยววินาทีหลังศีรษะถูกตัดขาดออกจากร่าง?
มีงานวิจัยและข้อสังเกตหลายชิ้นที่พยายามตอบคำถามนี้ หนึ่งในข้อสันนิษฐานมาจากบันทึกของแพทย์ในศตวรรษที่ 18 ที่เล่าว่าหลังการประหารด้วยกิโยติน ศีรษะของผู้ถูกประหารบางรายแสดงการกระพริบตา หรือการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อในใบหน้า ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สมัยนั้นเชื่อว่าเป็นการตอบสนองทางกลไกของร่างกาย
ดร. แซม ปาร์เนีย (Sam Parnia) นักวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการความตาย ระบุว่า เมื่อศีรษะถูกตัดขาดจากร่าง การไหลเวียนของเลือดไปยังสมองจะหยุดลงทันที อย่างไรก็ตาม สมองยังคงมีกระแสไฟฟ้าในเซลล์ประสาทอยู่ประมาณ 10-15 วินาทีก่อนที่จิตสำนึกจะดับลงอย่างสมบูรณ์ หากเป็นเช่นนั้น เป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ถูกประหารด้วยกิโยตินจะมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่พวกเขายังสามารถรับรู้ถึงการตายของตัวเอง?
มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ซึ่งมีการทดลองโดยการเรียกชื่อผู้ถูกประหารทันทีหลังศีรษะของพวกเขาถูกตัดออกจากร่าง และพบว่าบางคนสามารถกระพริบตาหรือแสดงสีหน้าตอบสนองได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่วินาที แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดคำถามเชิงจริยธรรมว่า กิโยติน “ปราศจากความเจ็บปวด” จริงหรือไม่
อีกมุมหนึ่ง บางคนมองว่าความตายด้วยกิโยตินเป็นวิธีการที่ “เมตตา” ในยุคนั้น เพราะไม่มีการทรมานผู้ถูกประหารในระยะเวลานานเหมือนวิธีอื่น เช่น การเผาหรือการแยกร่าง
แม้ว่าจะมีการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์หรือบันทึกประวัติศาสตร์มากมาย แต่ความรู้สึกแท้จริงของผู้ถูกประหารด้วยกิโยตินยังคงเป็นปริศนา เพราะไม่มีใครที่ถูกประหารสามารถเล่าถึงประสบการณ์ของพวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องความเจ็บปวดหรือการรู้สึกตัวหลังการประหารด้วยกิโยติน อาจไม่ได้สำคัญเท่ากับความกลัวและความทรมานทางจิตใจที่เกิดขึ้นก่อนจะถึงจุดนั้น การรอคอยความตาย การเห็นใบมีดคมกริบที่อยู่ตรงหน้า และการรู้ว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาเห็น เป็นสิ่งที่สร้างความกดดันอย่างมหาศาล
แม้กิโยตินจะถูกเลิกใช้ในหลายประเทศ แต่ประวัติศาสตร์ของมันยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงและความไร้มนุษยธรรมในอดีต การนำเรื่องราวของกิโยตินมาศึกษาไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อหวาดกลัวต่อความตาย แต่เพื่อให้เราเข้าใจและตั้งคำถามถึงการจัดการกับชีวิตมนุษย์ในระบบยุติธรรม
ในท้ายที่สุด ความตายด้วยกิโยตินยังคงเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ทำให้เราหวนนึกถึงความเปราะบางของชีวิต และความสำคัญของการเคารพในศักดิ์ศรีของมนุษย์ ไม่ว่าช่วงสุดท้ายของชีวิตนั้นจะเป็นอย่างไร การมีชีวิตอยู่และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ย่อมสำคัญยิ่งกว่าการวิเคราะห์ความตายในชั่วขณะนั้น