เรื่องสั้นหลอนหักมุม ตอน หญิงสาวผู้อ่านความทรงจำ
ทุกที่ล้วนมีความทรงจำที่ถูกเก็บเอาไว้ในพื้นดิน นั่นคือสิ่งที่คุณย่าของชั้นมักจะพูดเอาไว้ตั้งแต่เด็ก ท่านมักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับความทรงจำที่พื้นดินเก็บเอาไว้ มันเหมือนเป็นการบันทึกเรื่องราวความทรงจำและสิ่งที่เกิดขึ้นของผู้คนผ่านช่วงเวลาที่เกิดขึ้นบนผืนดินตรงนั้น คุณย่าบอกว่า “ทุกวินาทีพื้นดินก็จะเก็บความทรงจำเอาไว้ อย่างที่ย่ากำลังพูดกับหลานอยู่ตอนนี้พื้นดินก็กำลังบันทึกเหตุการณ์นี้เอาไว้ และสักวันนึงหลานก็อาจจะกลับมาอ่านความทรงจำนั้นได้เหมือนที่ย่าเคยทำ” นั่นคือสิ่งที่ย่าพูดกับชั้นเมื่อตอนยังเด็ก ที่เมื่อถึงช่วงหยุดหน้าร้อนคุณแม่มักจะพาชั้นมาหาคุณย่า ซึ่งชั้นที่เป็นเด็กก็ทำได้แค่นั่งมองตาใสฟังที่คุณย่าพูดโดยที่ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่นั่นบอกมันคืออะไร จนวันนึงชั้นก็เข้าใจสิ่งที่คุณย่าบอกและมันก็คือจุดเริ่มต้นของจุดจบที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชั้นในอีกหลายปีต่อมา “นายซินะที่เป็นคนทำ” ชั้นพูดกับชายคนนึงที่กำลังถือปืนเล็งมาทางชั้น ที่ตัวชั้นดันไปรู้เรื่องราวบางอย่างที่เขาปิดเอาไว้ โดยมีชั้นที่ใช้ความสามารถพิเศษในการอ่านความทรงจำจากฝืนดินจนรู้ความจริง ซึ่งถ้าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้หลายคนก็คงจะงงว่ามันคืออะไร ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเล่าย้อนกลับไปตอนที่ชั้นเริ่มทำงานให้กับตำรวจในฐานะฝ่ายสืบสวน ชั้นชื่อเรย์ชั้นเริ่มต้นเป็นตำรวจหลังจากที่พ่อของชั้นเสียชีวิตในหน้าที่ระหว่างจับคนร้ายที่ปล้นธนาคาร ในตอนนั้นพ่อเป็นเหมือนเสาหลักให้กับชีวิตชั้นเหมือนคุณย่า นี่เป็นครั้งที่สองที่ชั้นรู้สึกเหมือนตัวเองลอยในสายน้ำที่ไหลเชี่ยวโดยที่ไม่มีจุดยึดจับและกำลังจะจมไปกับความรู้สึกแย่นั้น จนตอนนั้นเองชั้นก็เห็นบางสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ ชั้นก็เห็นพ่อในร่างโปรงแสงสีฟ้าร่างๆ นั่งมองมาทางชั้น “ไงเรย์นี่พ่อเองนะพ่อคิดว่าวันนึงลูกจะต้องอ่านความทรงจำในฝืนดินได้แบบคุณย่า และนี่คือข้อความที่พ่อฝากถึงลูก จงใช้พลังนี้เพื่อผู้คนและความถูกต้อง”
นับตั้งแต่วันนั้นชั้นก็มุ่งมั่นที่จะเป็นตำรวจและใช้ความสามารถนี้ให้เป็นประโยชน์ จนชั้นสามารถควบคุมพลังในการอ่านความทรงจำได้ ซึ่งแรกๆ ที่ชั้นอ่านความทรงจำมันจะเหมือนการเล่นวิดีโอเทปที่วิ่งไปมาอย่างรวดเร็วเพราะตรงจุดๆ เดียวก็มีความทรงจำมากมายของผู้คนที่อยู่ตรงนั้น ยิ่งเป็นสถานที่ที่มีคนเยอะยิ่งอ่านยากจนดูแทบไม่รู้เรื่อง และการย้อนความทรงจำของชั้นก็ทำได้อย่างมากก็แค่หลักอาทิตย์ไม่สามารถย้อนเวลาไปไกลกว่านั้นได้แล้ว นั่นคือข้อจำกัดของความสามารถของชั้นที่มี แต่มันก็ช่วยชั้นในการสืบสวนเป็นอย่างมาก และชั้นเองก็ไม่เคยบอกใครเรื่องนี้เพราะมันคือสิ่งที่พ่อของชั้นกำชับเอาไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นจะหาทางใช้ประโยชน์จากเรา
“คนร้ายคือสามีของเธอเองค่ะ เขาใช้เอามีดไปซ่อนที่บนเพดานหลังตู้” ชั้นบอกหัวหน้าฝ่ายสืบสวนเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งสิ่งที่ชั้นเห็นคือร่างของสามีที่กำลังแทงภรรยา ที่ทั้งคู่เป็นร่างสีฟ้าและสามีก็รีบเอามีดไปซ่อน ซึ่งเมื่อทุกคนถามชั้นว่ารู้ได้อย่างไรชั้นก็จะตอบไปแบบอ้อมๆ ว่าลางสังหรณ์บ้าง ใช้ความสามารถสืบสวนบ้างไม่ก็โกหกไปเรื่อย จนได้ฉายาเรย์จังยอดนักสืบ ไม่ก็เรย์จังผู้ใช้พลังจิต ที่คนในกรมจะเรียกกัน ที่แม้ชั้นจะไม่ชอบแต่ก็ต้องยอมรับมัน และถึงแม้ชั้นจะปิดมันขนาดไหนก็ยังมีคนที่สงสัยในสิ่งนี้ และพยายามตามสืบว่าชั้นทำแบบนี้ได้อย่างไร นั่นคือคิบุสึจิคุงนายตำรวจที่เข้ามาทำงานพร้อมกับชั้น และตั้งแต่ที่ชั้นแสดงความสามารถในการสืบสวนคิบุสึจิก็ไม่ค่อยจะชอบใจนักจนตามจับผิดชั้นตลอด “ชั้นต้องรู้ให้ได้ว่าเธอรู้เรื่องการฆาตกรรมเหล่านั้นได้อย่างไร” คิบุสึจิคุงพูดกับชั้น
จนวันนึงก็เกิดเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้นในเขตที่ชั้นอยู่จนกลายเป็นข่าวใหญ่ เพราะเหยื่อผู้เสียชีวิตก็คือชายหนุ่มหน้าตาดีหลายคนที่ถูกฆ่าตายในสภาพที่น่ากลัวตามซอยหรือบ้านร้าง จนชั้นได้รับหน้าที่ให้มาสืบสวนในครั้งนี้ร่วมกับคิบุสึจิคุง ที่แน่นอนว่ามันต้องน่าอึดอัดมากๆ ที่มีคนมาตามดูเราแบบนี้แต่ทำไงได้งานก็คืองาน ชั้นเพ่งสมาธิเพื่อย้อนภาพที่เกิดขึ้นในอดีตจนทำให้เห็นตัวฆาตกรที่เป็นบุคคลสวมหน้ากากดารุมะสีแดงที่บึ้งตึง ซึ่งสิ่งที่ทำให้ชั้นตกใจก็คือใบหน้านั้นจ้องมาทางชั้นหลังจากฆ่าเหยื่อเสร็จ พร้อมกับชูสามนิ้วให้ชั้นเหมือนคนร้ายจะรู้ว่าชั้นจ้องต้องมามองมันอยู่ ซึ่งนอกจากพ่อแม่กับคุณย่าแล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องความสามารถนี้ของชั้น “เจออะไรไม๊เรย์จังจิตสัมผัส” คิบุสึจิคุงถามชั้น “ไม่มีอะไรไปต่อกันเถอะ” ชั้นไปที่เกิดเหตุทุกแห่งตามที่รายงานก็จะเจอคนร้ายที่ชูเลขหนึ่งนิ้ว สองนิ้ว สี่นิ้ว ห้านิ้ว ซึ่งนั่นคือจำนวนเหยื่อที่มันฆ่าตาย “แม้แต่เรย์จังยังทำได้นี้เองหรือเนี้ย” หัวหน้าบ่นออกมาเมื่อชั้นทำได้แค่บอกรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายว่าเป็นชายหรือหญิงไม่รู้ที่สวมหน้ากากดารุมะเท่านั้น
“หัวหน้าหัวเสียใหญ่แล้วที่เธอไม่รู้อะไรอย่างที่ต้องการ เบื้องบนก็ถูกนักข่าวจี้ติดๆ เรื่องการฆาตกรรมครั้งนี้ ถ้าเธอรู้อะไรก็บอกกันได้เราจะได้ช่วยกันสืบคดีนี้” คิบุสึจิพูดกับชั้น เมื่อจนแต้มชั้นจึงเล่าทุกอย่างที่ชั้นรู้ให้เขาฟัง ว่าพลังของชั้นสามารถก่อเป็นรูปร่างของคนในอดีตที่อ่านจากความทรงจำบนฝืนดิน “แล้วเวลาในการอ่านนานแค่ไหน เธออ่านไปถึงยุคไดโนเสาร์เลยไม๊” แน่นอนคนอยากรู้อยากเห็นอย่างคิบุสึจิย่อมมีคำถามมากมายถามชั้น ซึ่งชั้นก็พยายามบอกทุกอย่างเพื่อให้เขาช่วยในการสืบสวน ”แล้วเธอเคยลองใช้แบบต่อเนื่องดูรึยัง แบบตามคนร้ายไปเรื่อยๆ “ คิบุสึจิถามชั้นที่พยักหน้า “เคยลองซิแต่พอไปอยู่ในสถานที่คนเยอะๆ ก็จะจับไม่ได้” ชั้นบอกไป “งั้นเธอก็ต้องมีสมาธิมากกว่านี้ ไปฝึกกัน” คิบุสึจิบอกกับชั้นก่อนที่เขาจะพาชั้นไปฝึกอ่านความทรงจำแถวสถานที่คนเยอะๆ ซึ่งการฝึกนั้นชั้นต้องพยายามอย่างหนักเพราะเวลาในการอ่านความทรงจำชั้นมีแค่อาทิตย์เดียว ยิ่งเวลานานชั้นก็จะอ่านไม่ได้ ด้วยใจที่มุ่งมั่นชั้นจึงพยายามฝึกสิ่งนี้จนสำเร็จ
“เอาละนะ” ชั้นพูดกับตัวเองก่อนจะใช้พลังในที่เกิดเหตุจนเห็นภาพคนร้ายฆ่าคนอีกครั้ง แต่คราวนี้ชั้นกดพลังให้เป็นต่อเนื่องจนชั้นเห็นคนร้ายเดินออกมาจากที่เกิดเหตุทั้งที่ยังสวมหน้ากาก “คนร้ายไม่ยอมถอดหน้ากาก” ชั้นบอกกับคิบุสึจิ “ตามต่อไปคนร้ายต้องถอดหน้ากากแน่ๆ “ คิบุสึจิบอกกับชั้น เราตามคนร้ายที่เดินผ่านความมืด มันรอจังหวะที่ไม่มีคนก่อนจะเดินทั้งที่สวมหน้ากากมายังโกดังร้างแห่งหนึ่งก่อนที่มันจะถอดหน้ากากและเห็นเป็นร่างของคิบุสึจิที่กำลังเล็งปืนมาทางชั้นจากด้านหลัง “นายซินะที่เป็นคนทำ” ชั้นพูดกับคิบุสึจิที่กำลังถือปืนเล็งมาทางชั้น “เก่งมากที่อ่านมาถึงตรงนี้” คิบุสึจิพูดยิ้มๆ กับชั้น “นายจงใจชั้นอ่านความทรงจำเพื่อให้ชั้นมาที่นี่ใช่ไม๊” ชั้นรู้สึกเจ็บใจที่ไม่เชื่อสิ่งที่พ่อบอกเรื่องการห้ามบอกเรื่องพลังนี้กับใคร “ใช่ เธอพูดถูก เธอรู้ไม๊ว่าชั้นน่ะตกใจมากที่รู้ว่าเธอมีความสามารถแบบนี้ มันแบบโกงกันชัดๆ เล่นดูก็รู้หมดแบบนี้มันจะไปน่าสนุกอะไร มันเหมือนพระเจ้าให้โปรแกรมโกงกับเธอในการไขคดี แล้วปีศาจละทำไมไม่มีแบบนี้บ้าง พอชั้นบ่นออกมาจู่ๆ ชั้นก็มีความสามารถในการพูดโน้มนาวใจคนขึ้นมา แบบแค่จ้องตาและพูดก็สามารถทำให้คนๆ นั้นยอมบอกสิ่งที่ชั้นอยากรู้ ที่เหมือนปีศาจจะมอบพลังนี้ให้ชั้นมาสู้กับเธอ จนชั้นเริ่มกลายเป็นฆาตกร ไม่ซิชั้นเป็นมานานแล้วแต่จะเป็นก็ต่อเมื่อต้องปิดปากหรือขู่คนร้ายเพื่อเรียกค่าปิดปาก แต่พอรู้ว่ามีคนแบบเธอชั้นก็เลยต้องมาตามดูเพราะวันนึงเธออาจจะมายุ่งงานชั้นได้ แต่พอชั้นได้พลังนี้ชั้นก็เริ่มฆ่าคนเพื่อล่อให้เธอมาติดกับจนมาถึงที่นี่” คิบุสึจิบอกในสิ่งที่น่าเจ็บใจให้มากขึ้น “ถ้าอย่างนั้นที่ชั้นบอกเรื่องพลังของชั้นก็มาจากพลังของนายซินะ แบบนี้ค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย” ชั้นหันมายืนประจันหน้ากับคิบุสึจิ “เธอหมายถึงอะไร จะขู่ชั้นรึไงว่าเธอยังมีเรื่องที่ชั้นไม่รู้อีก” คิบุสึจิจ้องตาและใช้พลังนั่นกับชั้น “ใช่ชั้นตอบโดยที่ไม่ต้องโดนพลังชั้นก็จะตอบอยู่แล้ว” ข้อเสียของพลังนายคือต้องถามจึงจะได้คำตอบซินะ และถ้าให้เดานายคงแค่ถามอีกฝ่ายตอบแต่ไม่สามารถบังคับใจคนได้ เป็นพลังที่ดีแต่ก็มีข้อเสียเยอะ” ชั้นถอนหายใจเบาๆ “แล้วพลังของเธอที่เหลือคืออะไร” คิบุสึจิตะโกนด้วยความโมโห “อยากรู้จริงหรอ” ชั้นพูดจบก็มีร่างเงาสีฟ้ายืนอยู่ข้างหลังของชั้น และมันก็ส่งหมัดต่อยเข้าที่หน้าของคิบุสึจิอย่างแรงทันทีหลายหมัด จนเขากระเด็นสลบลงไปคาพื้น “อย่างที่ชั้นบอกนายไงว่าชั้นจะเรียกอะไรบางอย่างสีฟ้าจากในตัว เพื่อมารวมกันจนเป็นภาพความทรงจำ แต่นายไม่ได้ถามนี่นาว่ามันทำอะไรได้อีกนอกจากอ่านความทรงจำ เพราะชั้นสามารถสั่งให้สิ่งสีฟ้านี้รวมตัวและขยับตามที่ชั้นคิดได้” ชั้นเตะปืนที่อยู่ในมือคิบุสึจิออก “นายถูกจับแล้ว” ชั้นบอกกับหมอนั่นขณะที่มีเงาควันลอยออกมาจากร่างของเขาก่อนจะสลายไป......จบ