แผ่เมตตาแล้วทำไมยิ่งแค้นหนักขึ้น ?
การแผ่เมตตาที่ถูก
คือการเอาความสุขที่คุณมีจริง
ไปให้คนอื่นเป็นสุขตาม
แต่ที่ทำๆกัน
มักแผ่ความทุกข์ ความเครียด
หรือความแค้นแน่นอก
ไปให้คู่อริมากกว่าอย่างอื่น
นั่นเพราะเราไม่เคยสำรวจใจตัวเองว่า
ขณะแผ่เมตตา ใจเป็นทุกข์หรือเป็นสุขกันแน่
พวกเรามักเข้าใจผิดๆว่า
แค่ท่องสัพเพสัตตา อเวรา โหนตุ
แล้วนึกถึงคนที่เป็นคู่แค้นของเรา
เท่านั้นก็เป็นอันจบหน้าที่
ทั้งที่จริงแล้ว ขณะท่องคาถา
แม้ปากสว่าง แต่ใจอาจยังมืดก็ได้ ไม่รู้ตัวเลย
หากแผ่เมตตาด้วยการเอาความเครียดก้อนเล็กๆ
ไปพอกให้เป็นความเครียดก้อนโตๆ
ก็ขอให้เร่งรู้ตัวว่าคุณสร้างขั้วลบขึ้นในจิต
ซึ่งพอเจอหน้าบุคคลอันเป็นเป้าหมายจริงๆ
ขั้วลบในคุณก็จะยิ่งไปกระตุ้นโทสะของเขา
แล้วย้อนกลับมาเร่งโทสะของคุณให้รุนแรงขึ้นไปอีก
วิธีง่ายๆที่จะทำให้ใจเบา ใจเป็นสุข
ตามที่พระพุทธเจ้าประทานไว้
คือ เฝ้าระลึกเรื่อยๆว่า
ขณะคุมแค้น แน่นอก คิดเอาคืน
เป็นขณะแห่งอาการป่วยทางจิต
เมื่อคุณรู้สึกถึงความจริงนั้นได้เรื่อยๆ
ใจจะฉลาดเห็นขึ้นมาเองว่า หายป่วยได้ก็ดี
จะได้กลับมาสดชื่น ปลอดโปร่ง มีกำลังวังชา
เมื่อคิดได้ ใจก็ฉลาดขึ้น
ฉลาดพอจะวาง แล้วว่างจากความโกรธแค้นไปเอง
ธรรมชาติของใจที่ว่าง ที่วาง
ย่อมเบา เป็นสุข สะอาด
ซึ่งก็ให้เอาความสุขอันเบานั่นแหละ เป็นตัวตั้ง
สำรวจดูว่า ยิ่งใจเบาเท่าไร
ใจยิ่งแผ่ขยายออกกว้างขึ้นเท่านั้น
มีแก่ใจไม่คิดอยากเบียดเบียนขึ้นเท่านั้น
เมื่อหมดความมีแก่ใจอยากเบียดเบียน
จะทำให้หายเครียด ผ่อนคลาย
มีจิตเป็นขั้วบวก
ซึ่งพอเจอหน้าบุคคลอันเคยเป็นอริ
ก็จะไปกระตุ้นให้เขารู้สึกดีขึ้น
ต่างฝ่ายต่างมีแก่ใจญาติดีต่อกันขึ้นมาจริงๆ
นี่แหละ! ผลแห่งการแผ่เมตตาที่แท้!