นิทานสอนใจ: เวลาที่มีค่าของร้านขายหนังสือ
นานมาแล้ว มีร้านหนังสือแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในเมืองที่คับคั่ง มีผู้คนมากมายเดินทางมาซื้อหนังสือจำนวนมากมาย เจ้าของร้านหนังสือนั้นเป็นคนใจดี แต่ก็มักจะมีกลยุทธ์และพยายามหาวิธีสร้างประสิทธิภาพในการขายหนังสือของตนเสมอๆ
ช่วงนี้ ลูกค้าในร้านหนังสือมีจำนวนมากขึ้น คงเพราะมีนักเขียนและสำนักพิมพ์ชื่อดังหลายจ้าวส่งหนังสือมาขายให้เขานำขึ้นแผงขายที่ร้าน เขาก็ไม่รอช้ารีบดำเนินงานในแต่ละวัน เมื่อมีเงินก็จ้างพนักงานมาช่วยบ้างอะไรบ้าง และบางวันเขาจะลงมาเก็บเงินเองด้วย
วันหนึ่ง มีลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามาซื้อหนังสือ หนังสือที่เขาซื้อมีราคาถึง 60 บาท ชายคนนั้นรีบเข้ามาต่อแถวในทันทีเป็นคนแรกหวังจะเป็นหัวแถว เมื่อมองดูข้างหลังแคชเชียร์เห็นว่าไม่มีคนต่อคิวจากเขา และด้วยนิสัยติดเล่น เขาเลยคิดว่าจะคุยกับเจ้าของร้านสักหน่อยดีกว่า
"สวัสดีครับ คุณเจ้าของร้าน ผมขอซื้อหนังสือเรื่อง "สุดยอดวิธีการบริหารเวลา" หน่อยครับ "ลูกค้าคนนี้พูดขึ้น
"ได้ครับ ทั้งหมด 60 บาทครับ" ยังไม่ทันที่เจ้าของร้านจะนำหนังสือไปวางบนแคชเชียร์ ชายคนนั้นก็พูดพล่ามต่อพร้อมยังไม่ยื่นหนังสือให้อีก
"คุณรู้ไหมว่า พนักงานในร้านของคุณนี่บริการดีมากเลยนะ ผมถามหาหนังสือแปบเดียวก็ชี้ให้เลย" เจ้าของร้านฟังแล้วพยักหน้าพลางยิ้มออกมา ชายคนนั้นเลยพูดต่ออีก
"และหนังสือของร้านนี้นี่ ผมชอบมากเลย มีทุกเรื่องทุกแนว ผมเลยคิดว่าวันนี้จะอ่านเล่มนี้ เล่มนี้น่ะ หาซื้อยากมากๆ แล้วที่ร้านอื่นๆ" ขณะที่ลูกค้าจอมฝอยเอาแต่พูด มีลูกค้าคนอื่นจำนวนมากเข้ามาและเริ่มต่อคิวตามหลังชายคนนั้น แต่ชายขี้ฝอยก็ไม่ยอมหยุดคุยสักกะทีพลางส่งหนังสือให้อย่างช้าๆ
"อ่า... ทั้งหมด 90 บาทครับ" เมื่อได้ยินราคาที่เจ้าของร้านพูด ชายขี้โม้ชะงักและเริ่มตกใจที่ราคามันขึ้นมาเยอะขนาดนี้ เขาจึงเริ่มต่อว่าเจ้าของร้าน
"อะไรกันเนี่ย คุณขึ้นราคาแบบนี้ได้ยังไงกัน?! ไหนบอกไว้ตอนแรกว่า 60 บาทไง?!" เขาขึ้นเสียง แต่เจ้าของร้านนิ่งเฉย
"อืม คุณลูกค้าครับ คุณดูหางแถวก่อนสิ..." เจ้าของร้านชี้ให้ดูลูกค้าท่านอื่นที่ยืนรอออกันข้างหลังยาวเป็นหางว่าว บางคนเริ่มไม่พอใจที่ไม่ได้จ่ายเงินแล้ว
"อะไรกัน ฉันไม่สนที่พวกเขามายืนออข้างหลังฉันหรอก 90 บาทใช่ไหมครับ?"
"ตอนนี้ราคามันอยู่ที่ 100 บาทแล้วครับ" ชายเจ้าของร้านกล่าวขึ้น ทำให้ลูกค้าท่านนั้นหัวเสียไปอีก
"หา?! ได้ไงกัน ทำไมถึงทำแบบนี้"
"คุณลูกค้าครับ คุณยืนพูดอยู่ตรงนี้ทำให้แถวอื่นๆ ช้าลง การบริการของผมก็ช้าลงไปด้วย แทนที่จะต้องรับเงินจากคุณในไม่กี่วินาที คุณกลับเลือกจะยืนคุยต่อไปทำให้เสียเวลา ธุรกิจของเราทำก็มีการแข่งกับเวลา คุณทำให้เราเสียเวลาไปหลายนาทีแล้ว และถ้าคุณไม่จ่าย ราคาคงขึ้นเยอะกว่านี้ คุณจะออกไปก็ได้นะ แค่คุณจะไม่ได้หนังสือนี้ไป"
"จ่ายก็ได้โว้ย!" ลูกค้าคนนั้นฟาดธนบัตรลงบนโต๊ะและมอบเงิน 100 บาทให้ เขาเองก็กลัวจะไม่ได้หนังสือเล่มนั้นไป และก็ได้หยิบหนังสือนั้นกลับมาเดินออกจากร้านไป ลูกค้นคนอื่นที่เห็นก็เหมือนจะเริ่มซุบซิบนินทา แต่ก็รีบจ่ายเงินรีบออกไป เจ้าของร้านก็ยังคงยิ้มดีใจและทำงานอย่างขยันขันแข็งอีกเช่นเดิม
เมื่อเสร็จงาน พนักงานได้เดินมาหาเจ้าของร้าน เพราะพวกเขาก็เห็นที่เจ้าของร้านทำกับชายคนนั้น
"เถ้าแก่ ทำไมถึงคิดเงินเกินจากราคาล่ะ? เราควรจะซื่อสัตย์คิดราคาให้ถูกต้องสิ" พนักงานทักท้วง
"ฉันซื่อสัตย์อยู่แล้ว แต่ลูกค้าคนนั้นควรจะต้องคิดราคาพิเศษน่ะ" ชายเจ้าของร้านพูดพลางรินน้ำลงแก้วน้ำและกระดกแก้วดื่มดับกระหาย
"ไม่ได้สิเถ้าแก่ เขาก็ลูกค้านะ ถ้าเขาไม่กลับมาซื้อหนังสือที่ร้านของเราอีกล่ะจะทำยังไง?" พนักงานถามต่อ
"จริงอยู่ ลูกค้าคือพระเจ้า แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขามีสิทธ์เหนือกว่าเรานี่ เราก็มีเวลาไม่เท่ากัน เราต้องทำการบริหารเวลาให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในงานของเรา เขาคนนั้นกำลังพยายามขัดขวางการทำให้เกิดประสิทธภาพนั้นอยู่"
"ยังไงนะ?" เหล่าพนักงานถามต่อพลางเลิกคิ้ว
"พวกเธอเห็นเขาเข้าร้านมากี่ครั้งล่ะ?" เถ้าแก่ถาม
"หนึ่งครั้งเอง พวกเราจำหน้าของลูกค้าประจำได้ พวกเราไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลย" เหล่าพนักงานตอบ ทำให้จุดที่พนักงานกังวลว่าเป็นการไล่ลูกค้าประจำจะหายไป
"อืม ใช่ แต่ว่า สิ่งที่เขาทำคือการยืนคุยเสียเวลาคอยท่า ส่งผลให้ลูกค้าคนอื่นที่อยากได้หนังสือไม่สามารถซื้อหนังสือให้สำเร็จได้ ถ้าฉันคิดราคาเท่าเดิม ก็คงเสียเวลาและขาดทุนมาก ไหนๆ เขาก็มายืนคุยแล้ว ก็บวกค่าบริการเพิ่มไปเลยดีกว่านะ กำไรมากขึ้นอีก แถมตอนนั้นเอง เรามีอำนาจต่อรองได้ เขาเลือกจะไม่ซื้อไม่เป็นไร แต่เขาก็ไม่สามารถถือหนังสือออกจากร้านได้ถ้าไม่จ่ายเงินอีกด้วย ยังไงซะ เขาก็ต้องจ่าย และจะได้เรียนรู้ว่าจะไม่ควรทำการเสียมารยาทยืนคุยในแถวอีก"
เหล่าพนักงานที่ได้ยินก็เข้าใจและยอมรับในที่สุด และหลังจากนั้น ทางร้านจึงออกกฏใหม่เพื่อความสะดวกรวดเร็ว เพิ่มแคชเชียร์อีกหนึ่งจุดเพื่อให้แถวมีจำนวนมากขึ้น และเพิ่มกฏคิดเงินขึ้นอีก 30 บาทต่อการก่อกวนและทำให้การจ่ายเงินล่าช้าในการต่อแถว ลูกค้าที่ทราบกฏก็เข้าใจดีและจะไม่คุยกันในแถวอีกเลย