เรื่องสั้นหลอนหักมุม ตอน ความรักของแม่
ความรักของแม่
“รายงานข่าวภาคค่ำค่ะ เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งสีขาวเสียหลักตกข้างทางที่จังหวัดนางาโนะเมืองนาริอิ จากข้อมูลรายงานว่ารถเกิดยางแตกระหว่างวิ่งมาด้วยความเร็ว ก่อนจะเสียหลักตกลงข้างทาง จากข้อมูลทราบว่าบนรถคือครอบครัวมินาตาริยะที่ผู้เป็นพ่อและแม่ถูกกิ่งไม้ข้างทางแทงเข้าโดนจุดสำคัญจนเสียชีวิต แต่เมื่อตำรวจไปในที่เกิดเหตุกลับพบเพียงศพของสองสามีภรรยาเท่านั้นส่วนลูกชายอายุสามเดือนที่มาด้วยได้หายตัวไป ทางตำรวจจึงออกค้นหาในทันที แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบร่องรอยของเด็กชายที่ว่า คาดว่าร่างของเด็กชายคนจะกระเด็นออกมาจากนอกตัวรถและถูกสัตว์ป่าคาบไปแล้ว แต่ทางครอบครัวของผู้เสียหายก็ยังคงมีความหวังในการตามหาตัวเด็กชายคนดังกล่าว” เสียงรายงานข่าวจากผู้ประกาศหญิงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะของเด็กชายวัยสิบหกปี ที่กำลังนั่งประกอบโดรนหรือเครื่องบินบังคับอยู่ ซึ่งนั่นคืองานอดิเรกของเขา
ตี๊ด ตี๊ด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ระหว่างที่ทางข่าวกำลังรายเรื่องอื่นแล้ว เด็กชายปิดเสียงข่าวก่อนจะรับสายเพื่อนสาวที่โทรมา “ว่าไงเต่าน้อย” เด็กชายทักเพื่อนสาว โดยที่สายตาของเขายังคงประกอบโดรนอยู่
“คามิโกะต่างหากเรียกให้มันถูกๆ หน่อยซิย่ะ” เด็กสาวบ่นเสียงดังผ่านปลายสาย “นายได้ดูข่าวป่ะเรื่องเด็กที่หายไปมันเกิดขึ้นในป่าตรงนี้เอง เราน่าจะไปช่วยเขาหาเด็กนะ นายเองก็มีโดรนนี่นาน่าจะช่วยตำรวจได้เยอะเลย” คามิโกะบอกเด็กชาย
“ก็น่าสนใจแต่ทำไปแล้วจะได้อะไร เด็กนั่นอาจจะตายไปแล้ว ป่านี้คงถูกหมาป่าไม่ก็หมีเอาซากไปแล้ว ข่าวว่าเด็กทะลุกระจกออกมาจากเบาะหลัง สภาพนั้นไม่น่าจะรอดได้หรอกเสียเวลาหา”
คามิโกะที่ฟังเสียงเพื่อนจากปลายสายพยักหน้าด้วยความหงุดหงิด “มันก็ถูกของนาย แต่เมื่อกี้ชั้นดูข่าวเขาว่าทางญาติมีรางวัลให้สำหรับคนที่มีเบาะแสด้วย ต่อให้เจอศพก็ยังได้เงินนะ นายน่าจะลองดู ตอนนี้ก็ว่างๆ อยู่ไม่ใช่หรอ หารายได้กันหน่อยก็ดีเดี๋ยวชั้นให้ยืมแบตเตอร์รี่กับกล้องเอง ถ้าได้รางวัลก็มาแบ่งกันโอเคไม๊โทวมะ”
“จริงดิ เธอสัญญาแล้วนะยัยเต่าน้อย” โทวมะรับคำในทันทีเมื่อถูกยื่นข้อเสนอ
รุ่งขึ้นโทวมะและคามิโกะก็มาที่ป่าตรงจุดเกิดเหตุ ที่ตอนนี้ทางตำรวจและหน่วยกู้ภัยได้เลิกตามหาไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะตามหายังไงก็ไม่พบร่องรอย เหลือไว้เพียงเส้นเหลืองที่กั้นในที่เกิดเหตุ
“ตรงนี้หรอที่เกิดอุบัติเหตุ” คามิโกะกลืนน้ำลายเมื่อเห็นร่องรอยของรถที่ถไหลลงมาจากข้างทางลงมาใส่ต้นไม้ข้างล่าง ที่ตอนนี้รถได้ถูกย้ายออกไปแล้วเหลือเพียงซากของความเสียหาย
“ไปละนะ” โทวมะบ่อยโดรนของเขาบินขึ้นฟ้าโดยมีกล้องส่องที่ตัวเครื่องบินเพื่อถ่ายทอดภาพมายังคอมพิวเตอร์ที่คามิโกะดูอยู่
“จากร่องรอยชั้นว่าเราน่าจะเริ่มต่อจากที่หน่วยกู้ภัยค้นหาเป็นจุดสุดท้าย” คามิโกะเอาแผนที่ออกมากางข้างคอมพิวเตอร์ “พ่อเธอไม่ว่าหรอที่เอาแผนที่กับข้อมูลมาแบบนี้” โทวมะถามระหว่างควบคุมโดรน
“ไม่ว่าหรอกถ้าชั้นได้เงินมา อีกอย่างพวกพ่อที่เป็นหน่วยกู้ภัยก็เลิกค้นหาแล้ว เราก็แค่ทำต่อจากเขาเท่านั้น เอ๋นั่นอะไรน่ะ” ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันโดรนก็ไปจับภาพบางอย่างได้ มันคือร่างของใครบางคนในผ้าคลุมสีน้ำตาลเก่าๆ ทั้งตัว กำลังเดินหลังค่อมอย่างช้าๆ ในป่าลึกเข้าไปหลายสิบกิโลเมตรจากจุดที่หน่วยกูภัยค้นหาครั้งสุดท้าย
“ตามไปดูดีกว่าเพื่อจะได้อะไร” โทวมะพูดจบเขาก็พยายามใช้โดรนบินตามไปทันที
“จะบ้าหรอนั่นเป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าเขาได้ยินเสียงโดรนแล้วไปฟ้องพ่อชั้นตายแน่” คามิโกะบ่นออกมาดังๆ
“ไม่ได้ยินหรอกชั้นปรับเสียงใบพัดแล้วต่อให้บินไปจ่อข้างหลังก็ไม่รู้ อีกอย่างนะใครกันที่มาสร้างบ้านในป่าลึกแบบนี้เธอไม่อยากรู้หรอ” โทวมะถามออกมาขณะที่เด็กสาวก็พยักหน้าตอบ
ระหว่างที่โดรนกำลังบินเข้าไปใกล้ร่างที่สวมผ้าคลุม ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงเพลงดังออกมาเบาๆ
“นั่นมันเพลงกล่อมเด็กไม่ใช่หรอ ชั้นเคยได้ยินคนแก่ๆ ร้อง” คามิโกะหันมาพูดกับโทวมะด้วยความสงสัยระหว่างที่ทั้งคู่กำลังจ้องที่หน้าคอมพิวเตอร์
“เดี๋ยวนะ ชั้นได้ยินเสียงเด็กร้องด้วย” คามิโกะเร่งเสียงในคอมพิวเตอร์จนทั้งคู่ได้ยินจัดเจนว่าเป็นเสียงเด็กร้องจริงๆ ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความแปลกใจว่าจะเอาอย่างไรต่อไปดี
“เราควรไปบอกคุณพ่อให้มาดูดีกว่านะ” คามิโกะออกความเห็นขณะที่โทวมะสายหน้า
“ชั้นไม่เห็นด้วย เชื่อซิเดี๋ยวพอพวกผู้ใหญ่มาเดี๋ยวก็จะเครมว่าตัวเองเป็นคนเจอจนเราสองคนอดรางวัล เอางี้นะชั้นจะไปดูเองว่าเด็กคนนั้นปลอดภัยรึเปล่า และคนนั้นคือใคร ส่วนเธอก็ควบคุมโดรนอยู่ตรงนี้ถ้ามีอะไรก็วิทยุมา” โทวมะพูดจบก็รีบวิ่งเข้าไปในป่าทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของคามิโกะ
โทวมะเดินกึ่งวิ่งอย่างรีบร้อนเพราะตอนนี้คือช่วงบ่ายอีกไม่นานก็จะมืดจนเป็นอันตราย
“ไปทางนี้ถูกใช่ไม๊เต่าน้อย” โทวมะถามคามิโกะระหว่างเดินกึ่งวิ่งไป
“ใช่ไปต่อเลยระวังๆ ด้วย” คามิโกะวิทยุบอกพร้อมกับดูแผนที่คู่ไปกับควบคุมโดรนให้ตามร่างนั้นไป จนร่างนั้นเดินไปถึงกระท่อมเก่าๆ กลางป่า “นี่ๆ คนนั้นไปถึงบ้านแล้ว มันเป็นกระท่อมเก่าๆ เดี๋ยวชั้นจะไปดูใกล้ๆ นะ” คามิโกะพูดกับโทวมะก่อนที่การสื่อสารจะขาดๆ หายๆ
“บ้าจริงในป่าไม่มีสัญญาณ” โทวมะบ่นออกมาด้วยความหงุดหงิดแต่โชคดีที่ข้างบนฟ้ายังเห็นโดรนบินอยู่ โทวมะจึงโบกมือเป็นสัญญาณให้คามิโกะนำทางเขาจนไปบ้านร้างกลางป่า
โทวมะพยักหน้าให้โดรนก่อนจะค่อยๆ แอบไปในกระท่อมนั้นอย่างเงียบๆ ซึ่งเมื่อเขาเข้าใกล้กระท่อมก็ได้ยินเสียงร้องเพลงกล่องเด็กและเสียงเด็กร้องดังออกมา โทวมะเดินไปที่ข้างบ้านเพื่อหาช่องที่จะมองเข้าไปข้างใน ซึ่งภายในนั้นเป็นเพียงกระท่องร้างโล่งๆ ที่เครื่องมือเครื่องใช้อะไรเลย ส่วนเด็กทารกคนนั้นก็นอนอยู่บนพื้นโดยมีร่างผ้าคลุมดูอยู่พร้อมเสียงเพลงกล่อมเด็กที่ร้องว่า
หิมะตกแล้วหนาห่มผ้าให้
ผ้าชุนไว้หยาบหยาบกลิ่นสาบบ้าง
แต่ก็ยัง อุ่นดี มิคลายจาง
แม่ยิ้มบางลูบหัวลูกชื่นใจ
นอนเถิดหนาลูกน้อยแม่คอยกล่อม
เฝ้าถนอมดูเจ้าให้หลับใหล
ร้องเพลงกล่อมให้เจ้า ได้ผ่อนคลาย
ทาเคดะ ลัลลาบาย ให้ฝันดี
เสียงในผ้าคลุมเก่าๆ ร้อนเพลงแบบนี้วนไปวนมาเพื่อกล่อมเด็กน้อยให้นอน ก่อนที่เด็กจะหยุดร้องและดึงผ้าคลุมนั้นลงมาด้วยความไร้เดียงสา จนเผยให้เห็นร่างของปีศาจหน้าตาน่ากลัว ที่ผิวของเธอคนนั้นจะปุ่มตะป่ำทั่วทั้งตัว ใบหน้าเหมือนคางคกปากกว้างจนเห็นเขี้ยวยาวๆ แถมยังหลังค่อมที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็ไม่ใช่มนุษย์ เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นใช่นิ้วมือที่ยาวและมีเพียงสามนิ้วอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาโอบกอด โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะทำร้าย แถมเด็กน้อยก็ยิ้มหัวเราะโดยที่ไม่กลัวสัตว์ประหลาดตัวนั้นเลย
โทวมะจับกล้องให้โดรนดูสิ่งที่อยู่ข้างใน จนคามิกุขนลุกอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“เราต้องช่วยเด็กออกมา” โทวมะขยับปากช้าๆ เพื่อพูดกับกล้อง “เธอไปล่อตัวประหลาดนั่นเดี๋ยวชั้นจะไปเอาเด็กออกมา” โทวมะขยับปากช้าๆ โดรนพยักเครื่องขึ้นลงเป็นการตอบรับ
“เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน” คามิโกะรวบรวมความกล้าก่อนจะบังคับโดรนให้บินเพื่อไปหน้าบ้านล่อปีศาจที่ประตู
ซึ่งก็ได้ผลปีศาจตัวนั้นหยุดร้องเพลง มันหันมาดูโดรนด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะรีบวางเด็กคนนั้นลงและวิ่งตามโดรนไปทันที
“เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน” โทวมะรวบรวมความกล้าใช้จังหวะนั้นรีบวิ่งเข้ามาในบ้านเพื่อเอาเด็กออกมา ซึ่งเด็กเมื่อโดนถูกอุ้มอย่างรุนแรงก็ตกใจร้องออกมา จนเจ้าปีศาจได้ยินเสียงร้องจึงรีบวิ่งกลับมาที่บ้านทันที ซึ่งเมื่อมันมาถึงก็เห็นโทวมะอุ้มเด็กวิ่งออกไปไกลแล้ว
“อ๊ากกกกก๊ายยยย” เจ้าสัตว์ประหลาดร้องอย่างโหยหวนวิ่งไล่ตามโทวมะวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
“ใครจะยอมให้เด็กกับแกไอ้ปีศาจ” โทวมะที่วิ่งมาก่อนจึงทิ้งห่างเจ้าปีศาจที่ดูท่าจะวิ่งตามไม่ทัน จนเขาสามารถออกมาจากป่ามาได้ โดยที่ปีศาจไม่กล้าตามมาเมื่อถึงถนนใหญ่
ทั้งสองคนรีบพาเด็กน้อยไปที่โรงพยาบาลและแจ้งหน่วยกู้ภัยในทันทีว่าพบตัวเด็กแล้ว
(เสียงเด็กร้อง) เด็กทารกร้องไม่หยุดตั้งแต่ที่โทวมะพาออกมาจากป่า จนเด็กมาถึงมือหมอที่โรงพยาบาล ขณะที่ทั้งคู่ก็บอกถึงสิ่งที่เจอในป่าทั้งเรื่องการออกค้นหากระท่อมร้างไปจนถึงสัตว์ประหลาด
“จริงๆ นะเราไปเจอตัวประหลาดมาจริงๆ” เด็กทั้งสองคนพยายามอธิบายแต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ฟัง จนทั้งคู่ต้องเอาภาพที่ถ่ายได้จากโดรนให้ทุกคนดู พวกหน่วยกู้ภัยที่เป็นพ่อของคามิโกะจึงเชื่อก่อนที่ทุกคนไปที่กระท่อมนั้น ทิ้งให้เด็กทั้งสองคนรออยู่ที่โรงพยาบาล
หลังจากนั้นไม่นานพ่อของคามิโกะก็โทรกลับมา “หรอคะ ค่ะได้ค่ะพ่อ” คามิโกะวางสาย “พ่อบอกว่าไม่เจออะไรเลยในกระท่อมร้าง ไอ้ตัวนั่นคงหนีไปแล้ว” คามิโกะบอกกับโทวมะที่กำลังนึกถึงเพลงกล่อมเด็กในตอนนั้น และสีหน้ายิ้มของเด็กน้อยที่มีความสุข ต่างกับตอนนี้ที่เด็กยังร้องไม่หยุดตั้งแต่ที่เขาอุ้มมา
“แกว่าเราทำถูกรึเปล่า” โทวมะถามคามิโกะไม่ทันจบ ระหว่างนั้นเองนางพยาบาลก็แตกตื่น เพราะจู่ๆ เด็กชายที่โทวมะนำมาก็หยุดหายใจ แม้หมอจะพยายามช่วยชีวิตก็ไม่ฟื้นกลับมา ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“เสียใจด้วยนะเด็กเสียชีวิตแล้ว เราโทรไปบอกญาติแล้วพรุ่งนี้เขาจะมารับศพ” หมอบอกกับโทวมะและคามิโกะ จนทั้งคู่กลับมาบ้านด้วยความรู้สึกเสียใจ
“แย่จังเลยนะที่เด็กนั่นต้องมาตายแบบนี้ เรารึช่วยมาจากสัตว์ประหลาดนั่นได้แล้วแท้ๆ” คามิโกะคุยโทรศัพท์กับโทวมะ ระหว่างที่เขากำลังดึงภาพจากกล้องมาดู จนได้เห็นสีหน้าแววตาของปีศาจและเด็กชายที่เป็นแววตาที่แสดงถึงความรัก จนแม้แต่โทวมะยังรู้สึกได้
“ปีศาจนั้นไม่ได้จะทำร้ายเด็กปีศาจนั้นแค่” โทวมะพูดไม่ทันจบคามิโกะก็ตะโกนขึ้นมา
“ว่าไงนะคะพ่อ ศพเด็กคนนั้นหายไปจากโรงพยาบาล จริงดิ” คามิโกะตะโกนคุยกับพ่อของเธอซึ่งโทวมะที่ยังไม่วางสายก็ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น
หิมะตกแล้วหนาห่มผ้าให้
ผ้าชุนไว้หยาบหยาบกลิ่นสาบบ้าง
แต่ก็ยัง อุ่นดี มิคลายจาง
แม่ยิ้มบางลูบหัวลูกชื่นใจ
นอนเถิดหนาลูกน้อยแม่คอยกล่อม
เฝ้าถนอมดูเจ้าให้หลับใหล
ร้องเพลงกล่อมให้เจ้า ได้ผ่อนคลาย
ทาเคดะ ลัลลาบาย ให้ฝันดี
ตอนนั้นเองโทวมะก็ได้ยินเสียงร้องเพลงกล่อมเด็กดังมาจากที่ไกลๆ จากหน้าต่างบ้าน เขาจึงใช้โดรนบินไปที่ป่าตามเสียงที่ได้ยิน ไม่นานเขาก็เจอปีศาจที่ยืนรอโดรนอยู่ในความมืด แสงจากไฟฉายของโดรนส่องให้เห็นปีศาจที่กำลังอุ้มศพเด็กทารกคนนั้น ก่อนที่ปีศาจจะใช้เลือดตัวเองหยดใส่ปากเด็กชาย จนเด็กทารกกลับมาร้องไห้อีกครั้งต่อหน้าต่อตาโทวมะ เจ้าปีศาจมองมาทางโดรนก่อนจะค่อยๆ เดินหายเข้าไปในป่าและไม่มีใครพบเห็นทั้งคู่อีกเลยนับจากนั้น....
หลายเดือนผ่านไปหลังจากที่ออกค้นหาสัตว์ประหลาดและเด็กน้อยอยู่นาน เรื่องนี้ก็กลายเป็นเรื่องเล่าที่หลายคนต่างพยายามหาคำตอบ ซึ่งโทวมะเองก็ไม่ยอมแพ้ตามหาเด็กคนนั้นตลอดแต่ก็ไม่เจอ ไม่มีใครพบร่องรอยของปีศาจตนนั้น จะมีแค่เรื่องเล่าที่พูดกันต่อมาซึ่งก็ไม่ใช่ความจริง
จนวันนึงในช่วงดึกสงัดระหว่างที่โทวมะกำลังนั่งทำโดรนในบ้านก็ได้ยินเสียงร้องเพลงกล่อมเด็กดังขึ้นมาที่หน้าบ้าน
หิมะตกแล้วหนาห่มผ้าให้
ผ้าชุนไว้หยาบหยาบกลิ่นสาบบ้าง
แต่ก็ยัง อุ่นดี มิคลายจาง
แม่ยิ้มบางลูบหัวลูกชื่นใจ
นอนเถิดหนาลูกน้อยแม่คอยกล่อม
เฝ้าถนอมดูเจ้าให้หลับใหล
ร้องเพลงกล่อมให้เจ้า ได้ผ่อนคลาย
ทาเคดะ ลัลลาบาย ให้ฝันดี
โทวมะที่ได้ยินก็วิ่งไปดูที่หน้าบ้านพร้อมไม้เบสบอลเพื่อเตรียมตัวจะเจอกับปีศาจ แต่สิ่งที่เขาเจอคือร่างของเด็กน้อยที่ถูกห่อด้วยใบ้ไม้ที่น่าจะเป็นสมุนไพรอยู่ที่หน้าบ้าน ขณะที่เด็กน้อยก็มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ และที่ไกลออกไปก็มีร่างปีศาจยืนโบกมือให้เด็กน้อย ก่อนที่ปีศาจตนนั้นจะค่อยๆ หายไปในความมืด ซึ่งสิ่งที่โทวมะเห็นก่อนที่ปีศาจตัวนั้นจะหายไปคือน้ำตาที่ไหลออกมา นั่นคือความรักของแม่......จบ