รีวิวหนังสือ “เมตามอร์โฟซิส” นวนิยายเล่มบางแต่แฝงด้วยเรื่องราวสะท้อนสังคม
เมตามอร์โฟซิส (The Metamorphosis) หรือชื่อภาษาไทยคือ “กลาย” เขียนโดย ฟรันทซ์ คัฟคา (Franz Kafka) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1915 เป็นนิยายที่พูดถึง เกรกอร์ ชายคนหนึ่งที่ทำอาชีพนักขายผ้า ที่ตื่นมาพบว่าตัวเองได้กลายเป็นแมลง แขนขาเริ่มขยับไม่ได้ ทำให้เขาไม่สามารถไปทำงานได้ เกรกอร์ทำงานเป็นนักขายผ้ามาเป็นเวลานาน ต้องเดินทางบ่อย และต้องการที่จะนำเงินมาใช้หนีครอบครัวเพราะอยากได้คำชมเชยจากครอบครัวแม้ว่าเขาจะไม่ชอบอาชีพนั้นก็ตาม แต่เมื่อเขาได้กลายเป็นแมลง รายได้ในครอบครัวก็เริ่มหดหายไป เจ้านายที่ทำงานมาตามให้เขากลับไปทำงาน พอเขาเห็นเกรกอร์ก็ได้แต่วิ่งหนี นอกจากเจ้านาย พ่อของเขาเองก็ไล่และขู่ให้เกรกอร์กลับห้องไปเช่นกัน
เกรกอร์มีน้องสาวอยู่หนึ่งคน ก่อนหน้าเดิมทีเกรกอร์ตั้งใจที่จะส่งน้องสาวเรียนมหาวิทยาลัย แต่พอเกิดเรื่องขึ้น น้องสาวจึงต้องมาดูแลเขาแทน พอนานวันเกรกอร์เริ่มไม่เป็นตัวเอง ไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่เลย เขาปืนป่ายผนังบ้านได้ ทำให้น้องสาวกลัวเขาเป็นอย่างมาก และเธอก็เรียกพี่ชายที่เธอผูกพันว่า “มัน” เพราะเกรกอร์ไม่หลงเหลือความเป็นเกรกอร์อยู่เลย ครอบครัวของเขาเริ่มไม่สนใจ และเริ่มทิ้งให้ “มัน” แห้งเหี่ยวตายอยู่ในห้อง(ที่ตอนหลังได้กลายเป็นห้องเก็บของ)คนเดียว
นิยายเรื่องนี้เราให้คะแนน 8/10 เป็นนิยายเล่มบาง อ่านไม่ยาก แต่ก็สะท้อนให้เห็นมุมมองหลาย ๆ อย่างของสังคมผ่านตัวละครเกรกอร์ตามที่เราตีความ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกแปลกแยกจากมนุษย์กลายเป็นตัวอะไรบางอย่างที่เกรกอร์ต้องเผชิญ เขาต้องฝืนทำงานที่ไม่ได้ชอบซ้ำ ๆ ทุกวันเป็นเวลานานหลายปีอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันทำให้ดูเหมือนเขาเป็นเครื่องจักรในโรงงานอุสาหกรรมที่จะต้องทำงานแบบเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ทุกวัน มากกว่าการเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่สามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง เขาถูกลดทอนคุณค่าของตนเองในงานที่เขาทำ ความสัมพันธ์ระหว่างเกรกอร์กับเจ้านายก็เป็นความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับแรงงาน ไม่มีความเห็นอกเห็นใจกันแม้แต่น้อย อีกปัญหาหนึ่งที่น่าเห็นใจเกรกอร์คือการที่เขาโดนครอบครัวทิ้ง การกลายเป็นแมลงของเขาตีความได้ว่า เขาไม่เป็นที่ต้องการของคนในครอบครัวอีกต่อไป นอกจากจะน่าเกลียดย่ากลัวแล้ว เขายังเป็นภาระมากกว่าทำประโยชน์ให้กับครอบครัวอีกด้วย ความผูกพันของเขากับน้องสาวค่อย ๆ ขาดหายไป เขาได้กลายเป็นความแปลกแยกของคนในครอบครัว แปลกแยกไปจากความเป็นมนุษย์ และการปล่อยตัวเองให้แห้งเหี่ยวตายไป อาจจะสื่อถึงการยอมรับ และการหลุดพ้นจากสภาวะแปลกแยกที่เขาเผชิญก็เป็นได้