เรื่องสั้นหลอนหักมุม ตอน แต่งหน้าให้สวย
แต่งหน้าให้สวย
คุณว่าโลกใบนี้มันยุติธรรมไม๊ ทำไมคนสวยหล่อถึงได้สิทธิพิเศษมากกว่าคนปกติ และคนขี้เหร่ถ้าไม่เป็นตัวประกอบยืนเชียร์นางร้ายที่ก็สวยพริ้ง ก็คงจะเป็นแค่คนใช้หรือเป็นตัวตลก มันไม่ยุติธรรมเลยว่าไม๊ แต่ถึงแบบนั้นชั้นก็คงจะไปเรียกร้องอะไรไม่ได้ เพราะถึงจะพูดไปก็คงไม่มีใครสนใจอยู่ดี แต่อย่างน้อยพระเจ้าก็ไม่ทอดทิ้งคนขี้เหร่แต่อยากสวยแบบพวกเรา ด้วยการทำแอพแต่งรูปบนมือถือมาให้ทุกคนที่อยากสวยหล่อได้สมใจ ที่แม้การทำให้ตัวเองสวยหล่อนั้นจะเป็นแค่มโนคติบนที่เราอาจจะสวยแค่บนอินเตอร์เน็ต แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมา
“ขะขอตัวก่อนนะครับพอดีว่าหมาที่บ้านป่วย” ชายหนุ่มมีท่าทางลุกลี้ลุกลนเมื่อนัดมาเจอกันครั้งแรก หลังจากที่ได้พูดคุยทำความรู้จักและตกลงเป็นแฟนกันทางอินเตอร์เน็ต เราสองคนคุยกันยันเช้าบอกกล่าวเล่าเรื่องต่างๆ เหมือนคนรู้ใจ จนชั้นวาดฝันตัวเองในชุดแต่งงานเลย แต่พอมาเจอตัวแล้วหนุ่มคนนั้นก็มีท่าทางเปลี่ยนไปและแทบไม่สบตาชั้นเลย ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของชั้นที่เจอแบบนี้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้ชายอ้างว่าหมาป่วย บางคนเคยอ้างว่าลืมถอดปลั๊กไฟเตารีดก่อนออกมาก็มี ทั้งที่ตอนมาจีบตอนคุยโทรศัพท์ตอนแชทก็พูดจากันอย่างหวาน แต่พอเจอหน้าที่ต่างกับตัวจริงหน่อยเดียวก็รับไม่ได้
ชั้นเดินกลับบ้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยวเบื่อหน่าย แต่อย่างน้อยรูปของชั้นบนโซเชียลก็มีคนมากดไลค์กดติดตามมากมาย เห็นแบบนี้ชั้นเองก็ฮอตเหมือนกันนะ และในระหว่างที่กำลังแต่งรูปหน้าตัวเองที่กำลังเศร้าเพื่อเอาไปลงบนโซเชียล ก็มีแอพอะไรไม่รู้เด้งขึ้นมา มันเป็นแอฟรูปวาดของผู้หญิงกำลังยิ้ม เมื่อชั้นกดเข้าไปก็พบกับโฆษณาแบบปกติที่เคยเห็นในแอพ ก่อนจะมีเมนูการปรับแต่งรูปเหมือนแอพอื่นๆ แต่ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญการแต่งรูปย่อมต้องไม่พลาดการทดลองแอพใหม่ๆ อยู่แล้ว “ไหนลองซิ อุ๊ยปรับโครงหน้าได้เหมือนแอพนั้นเลย อันนั้นก็ปรับตาแต่งริ้วรอยเหมือนกับแอพนี้ เอ๋มีเปลี่ยนทรงผมสีผิวได้ด้วยแจ๋วแฮะ เอาละแต่งเรียบร้อย โอเคโพสละ” ชั้นพูดกับตัวเองระหว่างเดินทางกลับและโพสลงบนโซเชียล และในระหว่างที่กำลังเดินโพสรูปชั้นก็เจอกับเมกุมิเพื่อนในที่ทำงานเลยเข้าไปทักทาย
“ไงเมกุมิ” ชั้นเดินไปจับไหลเพื่อนสาวคนสนิท แต่เธอกลับดูท่าทางตกใจเมื่อเห็นชั้น “คุณเป็นใคร” เมกุมิถามชั้น แถมเธอยังมองชั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความแปลกใจ ทั้งที่เราก็รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยทำงานใหม่ๆ “คุณเป็นใครคะ” เมกุมิถาม “ชั้นเองอายะกะไงจำไม่ได้หรอ” เมกุมิทำหน้างงกว่าเดิม “อายากะไหน คุณทักผิดคนแล้ว” เมกุมิพูดจบก็เดินจากไปด้วยท่าทางหัวเสีย ซึ่งน่าจะเป็นชั้นมากกว่าที่ต้องหัวเสีย เพราะเจอคนที่รู้จักสนิทกันแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้จักแบบนี้ จนชั้นมาถึงบ้านก็เข้าไปอาบน้ำและส่องกระจกก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใครก็ไม่รู้ในกระจก
“นี่มันชั้นเองหรอ” ในช่วงวินาทีนึงชั้นจำได้ว่าหน้าแบบนี้ มันคือหน้าของชั้นในโซเชียลที่เมื่อเอามาเทียบกันมันก็ใช่เลย ไม่แปลกที่ยัยเมกุมิจะจำชั้นไม่ได้เพราะขนาดชั้นเองยังจำตัวเองแทบไม่ได้เลย และด้วยความตกใจชั้นเลยรีบโทรไปหายัยเมกุมิเพื่อเล่าสิ่งที่เจอให้นางฟัง
“นั่นแกจริงๆ หรอไปทำศัลยกรรมที่ไหนมาทำไมถึงสวยแบบนี้” เมกุมิถามชั้นหลังจากที่เล่าเรื่องที่เจอกันตอนนั้นให้นางฟังจนเข้าใจ “ชั้นเองก็ไม่รู้ จู่ๆ แอพนี่ก็เด้งมา แกลองโหลดดูซิเพื่อจะสวยขึ้นมาบ้าง ชื่อแอพว่า monster and beauty เมกุมิพยายามหาก็ไม่เจอแอพนี้เลยจนยัยน่ะนบอกว่าบางทีมันอาจจะปล่อยจากระบบบลูทูธก็ได้ แล้วแกก็บังเอิญไปอยู่ตรงจุดที่ปล่อยมาพอดีเมกุมิบอกมาแบบนั้น หลังจากวางสายสิ่งแรกที่ชั้นจะทำเลยก็คือการข้อความไปหาเหล่าผู้ชายที่เคยบอกเลิกชั้น พร้อมกับส่งรูปตัวเองและขอนัดเจอ ซึ่งเกือบทุกคนไม่มีใครเชื่อว่าชั้นคนนี้สวยขึ้นแล้ว จนเมื่อชั้นเปิดวิดีโอคอลให้ดูว่าชั้นสวยขึ้นขนาดไหน จนผู้ชายหลายคนต่างพากันมาขอนัดเจอชั้นอีกครั้ง แต่อย่าหวังเลยเพราะชั้นตอนนี้สวยแล้ว และสวยเลือกได้นะจ๊ะจะบอกให้
หลังจากวันนั้นชั้นก็พยายามแต่งรูปตัวเองให้สวยขึ้นไปอีก นี่ยังไม่นับพวกที่ทำงานต่างพากันงงตอนที่ชั้นเดินมาทำงาน เพราะชั้นแทบจะเป็นคนใหม่ในสายตาของทุกคนเลยทีเดียว ซึ่งถ้าไม่ได้เมกุมิมาช่วยยืนยันทุกคนก็คงคิดว่ามันคือรายการล้อกันเล่นอยู่แน่ๆ และเมื่อมีเวลาว่างชั้นก็จะการปรับรูปเปลี่ยนตัวเองให้สวยขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเพิ่มจมูกตรงนี้เพิ่มใส่ความขาวลงไปอีกเปลี่ยนทรงผม ที่ชั้นเองก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดจากเวทมนตร์หรือพระเจ้าประทานมาให้ก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่ชั้นชอบก็คือชั้นสามารถสวยขึ้นมาได้อีก และชั้นก็แบ่งปันความสวยนี้ให้กับยัยเมกุมิด้วย
“ชั้นขอแบบนี้เอาจมูกโด่งๆ แบบนี้เลยโอเค ชั้นสวยยัง” เมกุมิถามชั้นที่แค่แว๊บเดียวนางก็สวยขึ้นมาทันตาเหมือนมีเวทมนตร์ “สวยคะคุณพี่” ชั้นชื่นชมความสวยของเมกุมิ ก่อนที่เราสองคนจะคิดได้ว่าถ้าเราทำให้คนสวยได้ก็ทำให้คนไม่สวยได้ด้วยซิ เมื่อคิดได้แบบนั้นชั้นเลยแอบถ่ายรูปยัยอายานามิ แล้วปรับเปลี่ยนให้ตาของข้างไม่เท่ากันจมูกบานเป็นลิงกอลิล่า เปลี่ยนสีผิวให้ดำเป็นถ่าน ซึ่งก็ได้ผลยัยนั่นจากคนสวยก็กลายมาเป็นคนขี้เหร่จนทุกคนต่างตกใจ จะมีเพียงแค่ชั้นและยัยเมกุมิเท่านั้นที่รู้ และวันรุ่งขึ้นยังอายานามิก็ไม่มาทำงานอีกเลย
“แกแกล้งแรงไปป่ะ เอาหน้านางคือไปเถอะ” เมกุมิบอกกับชั้น “นั่นซิแกล้งแค่นี้ก็พอแล้ว” ชั้นเปิดมือถือเพื่อจะปรับหน้ายัยอายานามิให้กลับมา แต่ตอนนั้นเองก็มีใครไม่รู้มาแย่งมือถือไปจากชั้น ที่เมื่อดูแล้วน่าจะเป็นยัยอายานามิ “หยุดนะ” ชั้นกับเมกุมิที่วิ่งไล่ตามจู่ๆ หน้าของชั้นกับเมกุมิก็รู้สึกเหมือนมีอะไรเปลี่ยนไป จนคนแถวนั้นมองด้วยความตกใจ เพราะตอนนี้ตาซ้ายของชั้นไปอยู่ที่คางส่วนปากของชั้นมาอยู่ตรงมูกส่วนมูกนั้นก็ไปอยู่ที่ตาซ้ายจนกลายเป็นสัตว์ประหลาด ซึ่งเมกุมิก็โดนเหมือนกันเมื่อต่างฝ่ายต่างส่งกระจกให้ดู
“ต้องรีบหายัยนั่นให้เจอเร็วๆ “ ชั้นกับเมกุมิรีบวิ่งตามหายัยอายานามิ ระหว่างนั้นก็เจอร้านขายหน้ากากผีจึงหยิบมาใส่เพื่อไม่ให้คนตกใจกลัว และโชคดีที่โทรศัพท์ชั้นติดสัญญาณ GPS ไว้เลยพอจะรู้ว่าโทรศัพท์อยู่ที่ไหน จนเราสองคนจึงตามมาที่สะพานข้ามแม่น้ำที่ตอนนี้ยัยอายานามิก็กลับคืนคนเดิมแล้ว
“ขอมือถือคืนเถอะนะชั้นผิดไปแล้วขอโทษ” ชั้นกับเมกุมิอ้อนวอนจนแทบจะกราบเท้าของอายานามิ เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันคือหน้าของตัวประหลาด ที่อย่างว่าแต่เป็นคนเลยจะเป็นสัตว์ประหลาดยังเป็นไม่ได้ ยัยอายานามิยิ้มก่อนจะส่งโทรศัพท์มือถือคืนให้ชั้น แต่เมื่อชั้นเปิดดูในนั้นแอพที่สามารถทำให้เรากลับมาเป็นคนเดิมได้ถูกลบไปแล้ว “แกทำอะไรลงไปแกรู้ไม๊ว่าหน้าเราสองคนเป็นยิ่งกว่าผีอีก เราแค่แกล้งแกนิดเดียวเอง ทำไมถึงทำขนาดนี้” ชั้นกับเมกุมิโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเลยเผลอพลักยัยอายานามิตกลงไปจากสะพานจนยัยนั่นคอหักตาย
“บ้าเอ๊ย แล้วทีนี้เราจะกลับหน้าเดิมได้ไง” ชั้นที่ยังใส่หน้ากากผีร้องไห้ออกมาขณะที่เมกุมิก็ถอดหน้ากากร้องไห้ แต่หน้าของเธอนั้นกลับเป็นปกติ ซึ่งหน้าของชั้นก็เป็นปกติแล้วเหมือนกัน ดูเหมือนว่ายัยอายานามิจะแต่งหน้าเราสองคนให้กลับมาเป็นแบบเดิมก่อนจะลบแอพทิ้ง นี่เราสองคนทำอะไรลงไปเนี้ย....จบ
ต้นไม้แขวนคอ
คุณเชื่อเรื่องการชวนมาตายในที่เดียวกันไม๊ ผมหมายถึงการที่สถานที่ตรงไหนสักแห่งก็ได้ ซึ่งที่ตรงนี้เคยมีคนตายมาก่อน พอเวลาผ่านไปก็จะมีคนมาตายตรงนี้ที่เดิมจุดเดิมเหมือนตั้งใจมาตาย ที่แบบนี้เขาเรียกว่าจุดมรณะหรือทางผีผ่าน ซึ่งส่วนมากจะเกิดกับถนนที่เรียกว่าโค้งร้อยศพหรือบ้านที่เคยมีคนตายมาก่อน พอมีคนเข้าไปอยู่ก็จะตายตามหรือเจอเรื่องแปลกๆ อย่างบ้านผีสิงอมิตี้วิลล์ของอเมริกา ที่แบบนั้นมักจะเป็นจุดสูญรวมของวิญญาณหรือตัวตายตัวแทน ซึ่งผมผู้ที่พยายามพิสูจน์เรื่องลี้ลับมานานก็พยายามหาคำตอบของเรื่องนี้ และทุกครั้งผมก็ได้คำตอบกลับมา เช่นโค้งร้อยศพที่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ฝีมือของวิญญาณหรือปีศาจอะไร แต่มันคือความผิดพลาดของการสร้างถนนที่ทำเป็นทางโค้ง บวกกับพื้นของถนนที่ไม่เรียบหรืออาจจะทำออกมาได้ไม่ดีจนทำให้ถนนลื่น จนสุดท้ายรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วหรือคนที่ไม่ชินกับเส้นทางจึงมาเกิดอุบัติเหตุ ผมหยุดอัดเสียงตัวเองด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เมื่อคาเอกะจังแฟนสาวของผมมาเคาะกระเจารถและโชว์พวงกุญแจตุ๊กตาหมีที่ได้จากตู้กาชาปองที่หยอดมาได้
“เดี๋ยวซิคาเอกะ เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผมกำลังอัดเสียงตัวเองอยู่คุณจะไม่มารบกวน งาน วิทยานิพนธ์ของผมเรื่องนี้สำคัญมากๆ เลยนะ เราจะทำเป็นเล่นๆ เหมือนคู่แฟนมาขับรถเล่นไม่ได้หรอกนะ” ผมดุแฟนสาวขณะที่เธอทำหน้าเสียใจก่อนจะแลบลิ้นใส่ผม ก่อนที่เธอจะเดินอ้อมมาเปิดประตูเข้ามาในรถ “รู้แบบนี้ไม่มาด้วยก็ดี ไอ้เราก็เห็นว่าจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองกับโคเฮคุงทั้งที ที่ไหนได้ต้องมานอนที่โรงแรมผีสิงเอย บ้านร้างเอย ไหนจะทางโค้งมรณะอีก” คาเอกะบ่นดังๆ เธอมักจะมีนิสัยเป็นเด็กแบบนี้เสมอ ซึ่งนั่นก็คือสิ่งดีๆ ที่ทำให้ผมชอบในตัวเธอ
“โอเคเอาแบบนี้นะ เราจะไปที่สุดท้ายกัน พอหาข้อมูลจนสามารถรู้ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไรคนถึงมาตายที่นี่เราก็จะกลับบ้านกัน ผมจะได้เอาข้อมูลที่มีมาเขียนเป็นวิทยานิพนธ์ คราวนี้ผมจะได้อยู่กับคุณตลอดไปโอเคไม๊” ผมที่ทนการบ่นของคาเอกะไม่ไหวจึงตัดบทแบบนี้ออกไป ซึ่งเอาจริงๆ ผมก็เริ่มเบื่อกับการเดินทางแบบนี้แล้วเหมือนกัน “แล้วที่สุดท้ายคือที่ไหนหรอ” คาเอกะถามผม “อืมน่าจะเป็นที่หมู่บ้านข้างหน้าที่นั่นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีตำนานต้นไม้แขวนคอตายอยู่ เขาว่ากันว่ามีคนต่างพื้นที่มาแอบแขวนคอตายเป็นประจำ เหมือนป่าอาโอกิกาฮาระป่าบริเวณเชิงภูเขาฟูจิด้านตะวันตกเฉียงเหนือ แต่ที่นี่ไม่ใช่ทั้งป่าแต่เป็นต้นไม้ต้นเดียวที่มักจะมีคนปีนไปแขวนคอตาย” ผมเล่าตำนานที่บังเอิญได้ยินมาจากคุณปู่ และด้วยสถานที่นี้อยู่ไกลที่สุดผมจึงเลือกมาเป็นที่สุดท้ายของการเดินทาง
“ป่านี้แล้วต้นไม้นั่นจะอยู่หรอ ถ้ามีคนไปตายเยอะขนาดนั้นก็ควรจะตัดทิ้งไปดีกว่า” คาเอกะถามผมระหว่างที่กำลังขับรถไป “เท่าที่รู้คุณปู่บอกว่านั่นเป็นต้นไม้เก่าแก่มีอายุเป็นร้อยปีแล้วคงไม่มีใครไปตัดหรอก” ผมอธิบายพร้อมกับขับรถตาม GPS ไปจนมาถึงหมู่บ้านดังกล่าว ที่ทางเข้าก็เป็นเพียงทางเล็กๆ ที่แยกมาจากถนนใหญ่ที่ถ้าไม่ตาม GPS มาหรืองมแผนที่คงจะต้องมีหลงแน่นอน เราสองคนขับรถบนถนนที่สองข้างทางเป็นป่ารถจนเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ยืนเด่นไกลออกไปอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็ทำให้เรารู้ว่าตอนนี้เราได้มาถูกทางแล้ว “เอ๋ มันดูแปลกๆ นะ” คาเอกะพูดขึ้นมาซึ่งผมก็สังเกตเห็นเหมือนกัน นั่นคือซากรถที่จอดทิ้งไว้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นทั้งรถเก่าและใหม่จอดทิ้งไว้ตามทางประปลาย จนเรามาถึงที่หมู่บ้านที่มีชายแก่หัวล้านยืนตอนรับเราอยู่ เหมือนกับรู้ว่าเราสองคนจะมา
“หมู่บ้านแขวนคอยินดีต้อนรับ” ชายแก่บอกกับเราสองคนด้วยรอยยิ้ม “ชื่อเป็นมงคลเชียว” คาเอกะกระซิบพูดเล่นกับผมก่อนจะเดินตามชายแก่เข้าไปยังโรงแรมเล็กๆ เพียงแห่งเดียวของที่นี่ ซึ่งระหว่างทางที่เรากำลังเดินไปนั้นสายตาของผมก็เห็นต้นไม้ต้นนั้นอยู่ไกลๆ “อย่าไปจ้องมองมันจะดีกว่านะครับคุณ เดี๋ยวจะถูกมนต์สะกดให้ไปแขวนคอตายเอา” ชายแก่บอกกับผมจนผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั้งตัว “คงแบบเดียวกับมนต์สื่อรักจากชั้นที่ทำให้โคเฮคุงมาหลงนั่นละ” คาเอกะพูดหยอกผม เมื่อเก็บของในห้องและเช็คอินผมก็เริ่มหาข้อมูลโดยเริ่มจากคนในหมู่บ้าน ที่เกือบทั้งหมดจะเป็นคนสูงอายุ
“ต้นไม้แห่งนี้ท่านโชกุนได้ปลูกเอาไว้ตอนมาเที่ยวที่นี่ พอต้นไม้เริ่มโตก็มีหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่มาเที่ยวเล่นแถวนั้นก็มาแขวนคอตาย” ลุงคนที่พาเรามาที่โรงแรมเล่าเรื่องราวให้เราทั้งคู่ฟัง “ซึ่งสิ่งที่น่าแปลกก็คือทุกครั้งที่มีคนมาแขวนคอตายต้นไม้ก็จะสูงขึ้น ตอนนี้มันสูงจนสามารถเห็นได้จากนอกหมู่บ้าน แถมระหว่างต้นก็ไม่กิ่งเลยนอกจากยอดปลายบนสุด แต่ก็มีคนพยายามปีนไปจนไปแขวนคอได้ตลอด ทั้งที่ทางตำรวจนายอำเภอก็จัดคนมาดูแลสุดท้ายก็ยังมีคนมาตาย รถที่พวกเธอเห็นก็เป็นรถของคนที่มาตายที่นี่” ผมขนหัวลุกขึ้นมาทันที “เขาว่ากันว่าตรงจุดนั้นคือทางผ่านของประตูนรก ที่ปีศาจพยายามจะหาทางขึ้นไปบนสวรรค์ มันเลยพยายามหลอกล่อคนให้มาตายมากๆ เพื่อสังเวยวิญญาณ”
“แล้วถ้าปีศาจขึ้นไปถึงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นหรอคะ” คาเอกะถามลุงแกด้วยน้ำเสียงหวานหวั่น “ถ้าปีศาจขึ้นไปถึงสวรรค์พวกมันก็จะเจาะรูให้พวกเทวดาตกลงมา หลังจากนั้นพวกมันก็จะจับมนุษย์มากินเพราะไม่มีเหล่าเทวดามาคุ้มครองมนุษย์แล้ว” ลุงเจ้าของโรงแรมบอกกับคาเอกะจนเธอต้องมาแอบข้างหลังผม “เป็นตำนานที่น่ากลัวมากๆ เลยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปสำรวจและหาคำตอบให้เองครับ ว่าทำไมถึงมีคนมาผูกคอตายที่นี่” ผมบอกกับคุณลุงก่อนที่จะไปแช่น้ำพุร้อนและเข้านอนในห้องกับคาเอกะ ซึ่งตัวผมที่ได้ฟังตำนานแบบนี้มาเป็นร้อยๆ เรื่องจึงไม่รู้สึกอะไร ขณะที่คาเอกะมีท่าทางหวดกลัวไม่ร่าเริงเหมือนทุกที
คืนนั้นผมนอนหลับเพราะขับรถมาเป็นเวลานานซึ่งคาเอกะก็เช่นกัน จนรุ่งเช้าผมก็ไปสำรวจที่ต้นไม้นั้นพร้อมกับคาเอกะ “โห้ดูซิต้อนไม่ใหญ่มากๆ เลยน่าจะหลายคนโอบเลยนะเนี้ย” ผมสำรวจต้นไม้ทรงกลมเหมือนเสาขนาดใหญ่เพื่อหาจุดที่คนจะปืนขึ้นไป แต่ไม่ว่าจะดูหรือพยายามปีนอย่างไรผมก็ไม่สามารถปีนหรือเกาะต้นได้นี้ได้ ขณะที่คาเอกะที่ยืนเหม่อก็เห็นอะไรบางอย่างบนนั้น ก่อนที่เธอจะกรี๊ดออกมาเสียงดังเมื่อเห็นผู้ชายร่างอ้วนถูกแขวนคอห้อยอยู่บนยอดต้นไม้ “เป็นไปไม่ได้” ผมตะลึงจนพูดไม่ออก ชายร่างอ้วนที่น้ำหนักน่าจะเกือบ 100 กิโลสามารถปีนต้นไม้ที่แทบไม่มีจุดยึดซึ่งสูงเท่ากับตึกสิบชั้นได้อย่างไร
เมื่อตำรวจมาถึงเราก็ทราบว่าชายร่างอ้วนคนนี้คือคนที่แอบมาที่นี่ตอนกลางคืน โดยที่คนในหมู่บ้านก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร ผมทั้งอึ้งและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนเริ่มสนใจที่จะตรวจสอบอย่างจริงจัง ผมเอาดินและเอาเศษเนื้อไม้ไปให้ห้องแล็บที่มหาลัยตรวจสอบ และนอกนี้ผมก็ยังตรวจสอบวัดความสูงของต้นไม้นี้ ที่เริ่มจากความสูงหลังจากที่ชายร่างอ้วนมาตาย ซึ่งหลังจากนั้นก็มีคนมาแอบแขวนคอตายอีกเรื่อยๆ ที่แม้ผมจะพยายามตั้งกล้องหรือแอบดูเองแถวนั้นก็กลับไม่เห็นอะไรเลย แต่พอมารู้สึกตัวก็มีคนมาตายแล้วและต้นไม้ก็สูงขึ้นจริงๆ
“โดเฮคุงเรากลับกันเถอะ เราอยู่ที่นี่มาเดือนนึงแล้วนะ จนถึงตอนนี้เธอก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับต้นไม้นี่เลย ไหนจะเอาดินเอาเปลือกไปตรวจสอบแล้วก็ไม่เห็นมีอะไร ชั้นว่าที่นี่น่าจะเป็นของจริง” คาเอกะบอกกับผมที่ตอนนี้ในหัวของผมมีแต่เรื่องต้นไม้ ซึ่งตอนนี้ต้นไม้นั้นก็สูงจนสุดลูกหูลูกตา เพราะมีคนมาตายอยู่เรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่สามารถบันทึกภาพของคนที่จะปืนต้นไม้เพื่อไปแขวนคอตายได้เลย ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าผมไม่ได้อะไรเลยกับกับงานนี้
ผมมองมาทางคาเอกะเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยขึ้นหลังจากอยู่ที่นี่ และครั้งนี้ผมก็เผลอทำร้ายเธอจนคาเอกะขับรถหนีออกไปจากหมู่บ้าน ซึ่งผมที่ไม่มีรถหรือต่อให้มีก็ไม่คิดจะไปตามเธอจึงปล่อยเธอไป คาเอกะหายไปอยู่หลายวันจนวันนึงเธอก็กลับมาพร้อมกับคนงานเลื่อยยนต์และรถไถเพื่อมาทำลายต้นไม้ต้นนี้ ขณะที่คนแก่ในหมู่บ้านต่างก็พยายามห้ามปรามแต่ก็ถูกตำรวจที่เห็นด้วยกับการโค่นต้นไม่ทิ้งมาขวาง “อย่าทำนะ” ผมที่เป็นหนึ่งในคนที่ไม่เห็นด้วยก็ร้องตะโกนออกมา ก่อนที่ตอนนั้นเองคนงานกับตำรวจรวมถึงคาเอกะก็เหมือนถูกสะกดจิต ทุกคนยืนนิ่งและเงยหน้ามองไปยังต้นไม้ ก่อนที่ทุกคนจะเดินไปที่โคนต้นและตอนนั้นเองก็มีเชือกพร้อมบ่วงลงมาจากต้นไม้ เพื่อรัดคอทุกคนและดึงร่างเหล่านั้นรวมถึงคาเอกะไปแขวนบนนั้นเป็นสิบๆ ศพ ท่ามกลางสายตาของคนในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนั้นเองต้นไม้ก็มีความสูงอย่างรวดเร็วจนมันทะลุขึ้นไปบนก้อนเมฆ จนเกิดเป็นรูสีแดงขนาดใหญ่แผ่กว้างออกมาบนท้องฟ้า พร้อมกับสิ่งที่มีรูปร่างคล้ายนกขนาดใหญ่กำลังตกลงมาจากรู้นั้น
ตุบ...ร่างนกขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากบนท้องฟ้าตรงหน้าผม มันคือร่างของผู้หญิงที่มีปีกเหมือนนก แต่ปีกนั้นเป็นสีดำและร่างของคนที่มีปีกนั้นก็คอหักตายเมื่อตกลงมาบนพื้น ซึ่งท้องฟ้าสีแดงที่เกิดจากต้นไม้ก็แพร่ไปทั่ว จนปกคลุมทั่วท้องฟ้าพร้อมกับร่างของคนมีปีกที่ตกลงมาอย่างกับฝน หรือคำทำนายเกี่ยวกับปีศาจจะเป็นจริง ถ้าอย่างนั้นหลังจากที่เทวดาตายหมดแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาของปีศาจที่จะลงมาบนโลกเพื่อจับมนุษย์กิน โดยมีผมและคนในหมู่บ้านเป็นพยานในหายนะครั้งนี้..... จบ