รีวิวหนังดัง THE BOOK OF ELI คัมภีร์พลิกชะตาโลก
THE BOOK OF ELI ถูกฉายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2010 นับเป็นภาพยนตร์เก่าที่ชวนรำลึกในช่วงสมัยครั้งเก่าก่อนที่เคยได้ไปรับชมมาจากโรงภาพยนตร์ในตอนนั้น จากการกำกับของสองพี่น้อง Albert Hughes และ Allen Hughes กับการพูดถึงชายที่ชื่อว่าอีไล ที่มีภารกิจถือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางแดนคนเถื่อนเต็มไปด้วยความรุนแรง ซึ่งมีผู้นำคนเถื่อนแก๊งหนึ่งเล็งเห็นว่าหนังสือ (คัมภีร์) เล่มนั้นสามารถให้อำนาจแก่ตนได้ สงครามช่วงชิงหนังสือจึงอุบัติขึ้น
เรื่องย่อ
เรื่องราวของชายที่ชื่อว่าอีไล หลังช่วงที่เกิดวันสิ้นโลก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนปนเปื้อนกัมมันตรังสี เขาก็ตัดสินใจออกเดินทางไปพร้อมกับหนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่ง เพื่อนำหนังสือไปเผยแพร่ไปยังปลายทาง ที่ที่เขาเชื่อมั่นว่ายังมีผู้คนที่มีความดีคู่ควรกับความรู้ของหนังสือเล่มนี้ ตลอดทางที่เขาผ่านล้วนเต็มไปด้วยคนเถื่อนที่พร้อมจะเข่นฆ่าช่วงชิงทรัพย์สินสิ่งของแม้แต่สิ่งของเล็กๆน้อยๆ อีไลต้องคอยป้องกันตัวไม่ให้ตนต้องตกเป็นเหยื่อ โดยเฉพาะกับคาร์เนกี้ หัวหน้าแก๊งกองโจรผู้มีอิทธิพลในการปกครองเขตที่ดินและน้ำสะอาด
คาร์เนกี้อยากได้หนังสือของอีไลโดยยอมแลกกับการพักอาศัยในเขตของตน แต่อีไลปฏิเสธ การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้นอย่างดุเดือด โชคดีที่อีไลยังได้รับการช่วยเหลือจากโซลาราตลอดการเดินทางครั้งนี้ แม้ว่าโซลาราจะเป็นภาระมากกว่าให้ความช่วยเหลือก็ตาม
นักแสดงนำ
- Denzel Washington รับบทเป็น Eli
- Mila Kunis รับบทเป็น Solara
- Gary Oldman รับบทเป็น Carnegie
- Ray Stevenson รับบทเป็น Redridge
- Jennifer Beals รับบทเป็น Claudia
- Michael Gambon รับบทเป็น George
- Frances de la Tour รับบทเป็น Martha
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.หลังจากที่ได้รับชมจนจบแล้วรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกมาก เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานการแสดงของ Denzel Washington ที่มีฉากแอ็กชันมากเป็นอันดับต้นๆเลยทีเดียว บวกกับระบบเสียง DTS HD Master audio ด้วยแล้ว ก็ยิ่งช่วยเพิ่มอรรถรสได้เป็นอย่างดี
2.ภายในเรื่องมีการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดไปพร้อมกันกับการทำภารกิจนำหนังสือไปอยู่ในมือของคนที่คู่ควร แม้กระแสตอบรับสมัยที่ยังฉายในโรงภาพยนตร์จะไม่ดีเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะโทนของหนังที่มืดหม่นชวนหดหู่ในบรรยากาศของโลกหลังสงครามนิวเคลียร์ คุกรุ่นไปด้วยกัมมันตภาพรังสี
3.แต่ส่วนที่ชอบของเรื่องก็คือความมันและมุมมองของชีวิตความเป็นอยู่หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นจริง มันสะท้อนให้เห็นได้ชัดว่านอกจากน้ำและอาหารแล้ว สบู่ก็ยังมีค่าดั่งทอง มีค่ามากพอที่จะต่อสู้แย่งชิงมาได้
4.ฝีมือการแสดงของ Denzel Washington ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัด จากประสบการณ์การแสดงของเขาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี โดยเฉพาะการต่อสู้แบบประชิดตัวอย่างที่เราเคยเห็นใน Man on Fire (2004) มาแล้ว เพียงแต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เพิ่มฉากการต่อสู้ที่มากขึ้นไปอีก
5.Mila Kunis รับบทเป็นโซลารา แม้จะไม่ได้แอ็คชั่นอะไรมากนักภายในเรื่อง แต่การแสดงของเธอก็ช่วยคงอรรถรสสมกับบทบาทที่ได้รับเลยทีเดียว
6.ส่วนวายร้ายตัวฉกาจอย่างคาร์เนกี้ที่นำแสดงโดย Gary Oldman นั้น แม้จะไม่ค่อยได้เล่นเป็นตัวร้ายบ่อยเท่าไหร่นัก อย่างที่เราเคยได้เห็นใน AIR FORCE ONE (1997) และ The Hitman's Bodyguard (2017) แต่ความสามารถในการแสดงก็ถือว่าสมบทบาทตรงกับความคาดหวังจริงๆครับ
สรุปก็คือถ้าใครชอบภาพยนตร์แนวแอ็คชันโทนหม่นแนวนี้ ก็ถือว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ