เรื่องสั้นกรุงเทพเมืองซอมบี้ ตอนที่ 7 ความหวังที่เหลืออยู่
ตอนที่ 7 ความหวัง
เวลา 9.44 นาที ทำเนียบรัฐบาล
"ประกาศภาวะฉุกเฉิน ประกาศภาวะฉุกเฉิน เกิดเหตุความวุ่นโดยไม่ทราบสาเหตุที่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล ขอให้ทุกท่านที่ได้ยินประกาศนี้ หลบหนีไปที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด ประกาศอีกครั้ง ขณะนี้เกิดภาวะฉุกเฉินขอให้ทุกท่านที่ได้ยินเสียงนี้หลบหาที่ปลอดภัยที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง" เสียงโฆษกสาวประกาศผ่านทางเสียงตามสาย เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในทำเนียบรัฐบาลหนีเอาตัวรอด เมื่อเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้นทั่วทั้งกรุงเทพอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แต่ก่อนที่เสียงประกาศจะดัง ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นทั่วทำเนียบรัฐบาลไปก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่หลายคนที่ป่วยด้วยอาการไอ เริ่มแสดงอาการคลุ้งคลั่งและเข้าทำร้ายคนที่ไม่ได้เป็นอะไรเหมือนที่อื่นๆ ท่ามกลางความตกใจของทุกคนที่ไม่ทันตั้งตัวกับเรื่องนี้
ที่ลานจอดรถแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่หนีตายมายังรถส่วนตัวของตน จนรถจอดติดกันยาวตั้งแต่ลานจอดรถหน้าทำเนียบรัฐบาล ไปจนถึงอาคารจอดรถด้านในสุด คนที่อยู่ในรถต่างถูกเหล่าผีดิบทุบกระจกด้วยหัวและกำปั้น ลากคนที่อยู่ในรถออกมากินอย่างบ้าคลั่งไม่กลัวตาย หลายคนที่วิ่งออกมาจากรถต่างผลักดันยื้อแย่งเพื่อหาทางออกจนเหยียบกันตาย แต่ในกลุ่มคนที่พากันหนีก็มีเหล่าผู้ที่ติดเชื้อปะปนไปด้วย ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นทุกที่ จนมีแต่กลิ่นคาวเลือดของความตายไปทั่วทำเนียบรัฐบาล
อีกด้านหนึ่งรถของทหารหลายสิบคัน พร้อมรถถัง M60 และเฮลิคอปเตอร์ ขับฝ่ารถที่ติดแน่นขนัดบนท้องถนนอย่างไม่สนใจใยดี เพื่อมาปกป้องทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นแหล่งสูญรวมการควบคุมและปกครองประเทศ และเป็นหนึ่งในหลายที่สำคัญที่ทางกองทัพต้องมาปกป้องจากเหล่าผีดิบ
นายทหารหลายนายโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ ลงมาที่ด้านบนของทำเนียบรัฐบาล ขณะที่นายทหารที่มากับรถและรถถังต่างก็รีบเคลื่อนพลเข้าไปปิดล้อมทำเนียบด้วยอาวุธปืนอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านั้นที่กรมทหารแห่งหนึ่ง "ตอนนี้ทางเราได้รับอนุญาตจากท่านผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้ใช้กระสุนจริงกับเหล่าพลเรือนที่ติดเชื้อโรค จุดตายที่เราควรยิงคือที่หัวเท่านั้น ห้ามถูกกัดเพราะถ้าถูกกัดเราจะติดเชื้อเหมือนกับคนเหล่านั้น" หัวหน้าหมู่กองทหารที่13 สั่งการลูกน้องของตนด้วยสีหน้าเข้มขรึมจริงจัง "เราคงได้เห็นกันไปแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมรบของเรา พวกเขาเหล่านั้นติดเชื้อโรคประหลาดและทำร้ายคนของเราไปเป็นจำนวนมาก แต่เราก็สามารถควบคุมสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็ว แม้จะสูญเสียกำลังพลไปบ้างก็ตาม" นายทหารหลายนายยังคงเลือดเปื้อนมือ หลายคนยังคงสั่นผวากับการฆ่าเพื่อนร่วมกองทัพตนเองในตอนเช้าที่โรคระบาดกำเริบ "และตอนนี้สิ่งที่เราควรทำเป็นอันดับต่อมาไม่ใช่เพื่อรักษาชีวิตตัวเองให้อยู่รอด แต่เราจะต้องเสียสละชีวิตตนเองในฐานะรั้วของชาติ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศนั่นคือทำเนียบรัฐบาล เพราะตอนนี้ที่นั่นกำลังถูกบุกไปด้วยเหล่าคนตายที่ฟื้นคืนชีพ ที่เราเรียกพวกมันว่า "ศพ" เพราะคนเหล่านั้นคือคนที่ตายไปแล้วแต่ไม่ยอมตาย จึงไม่ต่างอะไรกับศพนั่นเอง" หัวหน้าหมู่กองทหารที่ 13 มองเลยไปที่กองซากศพทหารที่ถูกเผา หลังจากถูกยิงเพราะติดเชื้อโรคประหลาด "และในฐานะทหารเราจึงจำเป็นต้องปกป้องที่แห่งนั้นไม่ให้ตกอยู่น้ำมือของเหล่าคนตาย เพราะถ้าไม่มีทำเนียบรัฐบาล เราก็ไม่อาจจะเรียกตนเองว่าประเทศได้ เข้าใจกันไหมทุกคน" หัวหน้าหมู่นายทหารกองร้อยที่ 13 ตะโกนเสียงดังบอกลูกน้องทุกคน
"ท่านครับ แล้วเราจะแยกระหว่างผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อได้อย่างไรครับ" นายทหารสมปองหัวหน้าหน่วยกองร้อยที่ 13 ยกมือถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
"นายก็เห็นแล้วไม่ใช่รึว่าคนที่ติดเชื้อเป็นยังไง" หัวหน้าหมู่กองร้อยที่ 13 มองหน้านายทหารสมปองด้วยแววตาที่จริงจัง "คนเหล่านั้นไม่มีสติความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้ว แม้จะถูกยิงไปหลายนัดที่จุดตายก็ไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวลงได้นอกจากยิงที่หัว" หัวหน้าหมู่กองร้อยที่ 13 ชี้นิ้วมาที่หัวระหว่างพูดกับนายทหารสมปอง "และที่สำคัญที่สุดพวกศพมันพูดไม่ได้ มันมีดวงตาที่ขาวขุ่น และคิดแต่จะมากินพวกเรา อย่างที่ทุกคนเพิ่งเจอมาเมื่อครู่ก็เป็นสิ่งยืนยันได้ แค่นี้เราก็น่าจะแยกความแตกต่างระหว่างพวกศพกับคนเป็นได้ไม่ยาก"
ปัจจุบัน....นายทหารที่โรยตัวลงมาใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ที่ติดเชื้ออย่างรวดเร็วแม่นยำ เพราะหน่วยทหารที่โรงตัวลงมาคือหน่วยจู่โจมพิเศษที่ 13 เป็นหน่วยบุกชั้นแนวหน้าของกองทัพไทย
"มีใครอยู่ไหม!!! เราเป็นหน่วยทหารมาช่วยเหลือทุกคน" นายทหารทุบประตูห้องทีละห้องเพื่อตะโกนบอกผู้รอดชีวิตในนั้นให้รู้ตัว ก่อนจะพังประตูเข้าไปเพื่อช่วยเหลือทุกคน
"อย่ายิงนะ!!!! " ในบางห้องก็มีผู้รอดชีวิตที่แอบอยู่ในห้องต่างๆ จึงช่วยเหลือมา
"คุณปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวทางกองทัพจะพาคุณไปหลบที่ปลอดภัย ตามทหารคนนั้นไปเลยครับ" นายทหารสมปองบอกกับผู้รอดชีวิตที่อยู่ในห้อง
"โย่ง ตรวจทุกคนให้แน่ใจก่อนปล่อยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ด้วย" นายทหารสมปองบอกนายทหารโย่งที่เป็นหน่วยพยาบาล
"ทราบแล้วครับ" นายทหารโย่งรับคำ
นายทหารสมปองกับลูกน้องไปกันต่อที่โรงจอดรถ ที่นั่นมีแต่พวกศพ (เหล่าผีดิบ) กำลังนั่งกินอาหารที่เป็นเนื้อมนุษย์กันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีใครสนใจพวกทหารที่ลงมาที่นี่เลย ตรงข้ามเหล่าทหารมากกว่าที่ต้องพากันตกใจจนผงะสุดตัว เมื่อต้องปะทะกับกลิ่นคาวเลือดของความตาย ที่ลอยฟุ้งทั่วลานจอดรถ
"รวบรวมสติ ยิงที่หัวเท่านั้น" นายทหารสมปองกลืนน้ำลายเบาๆ ก่อนสั่งการลูกน้องของตนให้เก็บพวกศพทีละตัว เพราะพวกมันกำลังง่วนอยู่กับอาหาร
"ก๊ากกกกก" พวกศพบางตัวที่กำลังกินเนื้อมนุษย์หันมาเห็นนายทหารจึงร้องออกมา แต่ก็ถูกยิงที่หัวในทีอย่างแม่นยำ ขณะที่บางจุดพวกศพรวมตัวกันเป็นกลุ่มหลายตัว นายทหารก็ใช้วิธีซุ่มยิงพร้อมกัน 1 คนต่อ 1 ตัวจนเก็บได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ เพียงไม่นานนายทหารทั้ง 6 คนก็สามารถเก็บพวกศพกว่า 40 ตัวได้จนหมดในเวลาอันรวดเร็ว
"ลานจอดรถเคลียร์เรียบร้อย ทางชั้น 2 เป็นอย่างไรบ้างรายงานด้วยเปลี่ยน" นายทหารสมปองวิทยุถามลูกน้องของตนที่ลงไปตรวจชั้นล่าง
"ปัง ปัง ปัง ปัง" มีแต่เสียงปืนแว่วมาจากชั้นล่าง นายทหารสมปองกับคนอื่นๆ จึงรีบลงไปช่วยเหลือพวกที่อยู่ชั้นล่างทันที
เมื่อลงมาถึงชั้นล่างนายทหารสมปองก็พบนายหารหลายคนกำลังเดินมาหาตน "เรียบร้อยครับหัวหน้า เคลียร์เรียบร้อยครับ" นายทหารหนึ่งบอกกับนายทหารสมปอง "เมื่อครู่ไข่น้อยกับบักจ้อนไปตรวจที่ห้องทำงานท่านนายกแล้วครับ" นายทหารหนึ่งบอกกับนายทหารสมปอง
"ในนี้เคลียร์ ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างไข่น้อยเปลี่ยน" นายทหารสมปองวิทยุถามนายทหารไข่น้อย
"ไข่น้อยรับทราบเปลี่ยน ในห้องทำงานท่านนายกไม่มีใครอยู่เลย คงจะหนีไปเรียบร้อยแล้วครับ เพราะที่นี่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใดเปลี่ยน" นายทหารไข่น้อยรายงาน
"ดี งั้นออกมาจากตรงนั้นเดี๋ยวเราจะจัดการกับศพที่นี่ออกไปให้หมดเปลี่ยน" นายทหารสมปองวิทยุบอกลูกน้องของตน
หน้าที่ของเหล่าทหารกลุ่มนี้ คือมาบุกยึดทวงคืนทำเนียบรัฐบาลช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐบาล เพื่อพาคนเหล่านั้นไปที่ปลอดภัย เช่นเดียวกับหน่วยพิเศษกองร้อยอื่นๆ ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือบุคลสำคัญของชาติ
"หน่วย 13 ได้ยินไหมเปลี่ยน!!! ใครได้ยินบ้างเปลี่ยน!!! " เสียงวิทยุสื่อสารของนายทหารสมปองดังขึ้นมา
"เราได้ยินแล้วเปลี่ยน ว่ามาเลยครับ" นายทหารสมปองรับคำ
"ที่หน้าทำเนียบรัฐบาลตอนนี้มีพวกศพบุกเข้ามาเต็มไปหมด!!! เราจะตรึงกำลังไม่อยู่แล้วรีบมาช่วยกันด่วน!!! " เสียงขอความช่วยเหลือดังมาจากหน้าทำเนียบ
"เชี้ย!!! มันมากันเพียบเลย" นายทหารหนึ่งอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเขาไปดูที่หน้าต่างชั้น 2 ก็เห็นเหล่าทหารที่เหลือไม่ถึง 20 นายกำลังระดมยิงใส่เหล่าผู้ที่ติดเชื้อที่วิ่งกรูกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสายเพราะเสียงปืน ที่สนามด้านหน้าทำเนียบเต็มไปด้วยซากศพของคนตายที่ถูกยิงและเหล่าทหารที่ถูกทำร้าย ขณะที่รถถัง M60 ทำได้แค่เพียงเป็นโล่กั้นที่ประตูใหญ่เพื่อให้ทหารตั้งหลักยิงได้เท่านั้น เพราะเหล่าศพจะต้องปีนข้ามรถถังมาจึงเป็นจังหวะที่จะยิงได้ง่าย
"ทำไมไม่ใช้รถถังยิงปืนใหญ่ใส่ไปเลยล่ะ!!! " นายทหารไข่น้อยที่เพิ่งมาสมทบตะโกนออกมาระหว่างวิ่งลงไปช่วยกลุ่มทหารที่ลานหน้าทำเนียบ
"ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก มันจะเสี่ยงกับการทำลายสถานที่มากเกินไป มันไม่คุ้มเสียที่จะทำแบบนั้น" นายทหารสมปองบอกกับลูกน้องตนอย่างสุขุมสมเป็นหัวหน้า
แม้จะมีรถถัง M60 บังประตูทางเข้าออก แต่จำนวนพวกศพที่วิ่งกรูเข้ามาเหมือนมีเทศกาลงานแจกของฟรีแบบไม่อั้น จำนวนพวกศพที่กรูเข้ามาจึงเบียดดันแย่งกรูกันเข้ามาเป็นร้อยๆ ตัวพร้อมๆ กัน จนศพ (ผีดิบ) ที่อยู่ตรงรถถังที่ไม่สามารถปีนขึ้นไปบนรถถังได้ ถูกพวกที่มาทีหลังดันบี้จนตัวเองเละคารถถังไปหลายสิบตัวอย่างน่าอนาถ ส่วนพวกที่ข้ามมาได้ก็จะเป็นพวกที่เหยียบมาบนพวกที่หกล้มทับกันจนเป็นเนินคน (ศพ) ขนาดย่อม จนเป็นทางเดินสามารถวิ่งมาที่รถถังมาได้ในที่สุด
"ตอนนี้เราไม่สามารถปิดประตูใหญ่ได้แล้ว เราจะกันเอาไว้ไม่อยู่" นายทหารสิริชัยที่เป็นหัวหน้าหน่วยทหารราบที่มีหน้าที่คุ้มกันรอบทำเนียบ บอกกับนายทหารสมปองที่ลงมาสมทบ
"ทำไมมันถึงมากันเยอะแบบนี้" นายทหารบักจ้อนยืนอึ้งพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นเหล่าศพวิ่งผ่านประตูใหญ่หน้าทำเนียบเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เหล่าทหารหลายนายที่ยังคงมีชีวิตต่างก็ยิงสกัดไม่ให้เหล่าศพวิ่งเข้ามา
"น่าจะเป็นเพราะเสียงปืนที่เรียกพวกมันมาทางนี้" นายทหารสมปองบอกความคิด
"เราคงจะตรึงกำลังเอาไว้ไม่อยู่แล้ว!!! ไม่นานกระสุนปืนก็จะหมด รีบหนีเข้ามาไปในทำเนียบก่อน รอเฮลิคอปเตอร์มารับเราออกไปจากที่นี่เท่านั้น!!! " นายทหารสมปองบอกกับหัวหน้าหน่วยที่รักษาการณ์ด้านหน้าทำเนียบ เมื่อไม่สามารถปิดประตูเพื่อรักษาทำเนียบเอาไว้ได้อย่างที่ต้องการ
"เป็นความคิดที่ดี!!! " นายทหารสิริชัยหัวหน้าหน่วยทหารราบบอกกับนายทหารสมปอง
"ทุกหน่วย!! ทุกหน่วย!!! กลับเข้าไปในทำเนียบ!!! " สิ้นเสียงของนายทหารสิริชัย นายทหารทุกคนต่างก็รีบวิ่งเข้าไปในทำเนียบทันที
"หาอะไรมาปิดประตูหน้าต่าง!!! " นายทหารสมปองบอกกับทุกคนเมื่อเข้ามาด้านในได้
"ก๊ากกกกก!!! ก๊ากกกก!!! " ขณะที่พวกศพที่วิ่งมาถึงประตูต่างทุบประตูโห่ร้องเสียงดังจนแสบแก้วหู
"เกิดอะไรขึ้นครับหัวหน้า!! " นายทหารโย่งที่เป็นหน่วยพยาบาลถามนายทหารสมปองเมื่อเห็นพวกเขาเอาตู้โต๊ะมากั้นประตูเอาไว้
"เรากันเอาไว้ไม่อยู่แล้วตอนนี้!!! ทางนายเป็นอย่างไรบ้าง" นายทหารสมปองถามนายทหารโย่งในช่วงความวุ่นวาย
"เราติดต่อทางศูนย์บัญชาการกองทัพไม่ได้เลยครับ!!! ไม่มีใครติดต่อกลับมาเลย ตอนนี้ผู้รอดชีวิตทุกคนหลบอยู่ด้านบนดาดฟ้าครับ!! " นายทหารโย่งบอกนายทหารสมปอง
"อย่าบอกนะว่าตอนนี้ศูนย์บัญชาการกองทัพก็โดนเล่นงาน" นายทหารหนึ่งที่แบกโต๊ะมาขวางประตูตะโกนออกมาด้วยความโมโห
ความวุ่นวายเกิดขึ้นไม่นานนายทหารทุกคนก็สามารถปิดกั้นประตูหน้าต่างทางเข้าทำเนียบได้ในที่สุด
"กระสุนเราเหลือเท่าไหร่" นายทหารสิริชัยถามนายทหารสมปองเมื่อสามารถปิดกั้นประตูหน้าต่างได้
"ไม่มากพอที่จะฝ่าออกไปได้หรอก" นายทหารสมปองบอกระหว่างใส่แม็กกาซีนคืนในปืนด้วยท่าทางหงุดหงิด "เราคงทำได้แค่รอเท่านั้น รอจนกว่าทางกองทัพจะมาช่วย" นายทหารสมปองเอนตัวนั่งบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอย่างหมดแรง
"เชื่อไหมสมัยเด็กๆ ผมเคยมานั่งที่เก้าอี้ตัวนี้ด้วยเมื่องานวันเด็ก ตอนนั้นฝันอยากเป็นนายกอยากช่วยเหลือประเทศช่วยเหลือชาติ" นายทหารสิริชัยพูดยิ้มๆ "แต่พอโตกลับคิดตรงข้ามไปซะได้ เป็นนักการเมืองก็เอาแต่พูดว่าปกป้องชาติปกป้องประเทศ แต่ก็ทำได้แค่เถียงกันไม่รู้จบในสภา ต่างกับทหารที่ลงมือทำมากกว่าพูด แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่มีอะไรดีขึ้นอยู่ดีเพราะโลกก็ยังคงสกปรกอยู่"
"รบเพื่อชาติ" นายทหารสมปองพูดยิ้มๆ "ต่างกับผมที่พ่อแม่อยากให้เรียนสูงๆ จบมาจะได้ทำงานดีๆ แต่ตอนนั้นเกเรไปหน่อยพ่อเลยจับเข้าโรงเรียนทหาร พอมาเรียนก็ติดใจจนมาสมัครเข้าหน่วยจู่โจมพิเศษ ผ่านภารกิจเสี่ยงตายกับพวกบ้านี่มามากมายจนสุดท้ายก็มานั่นอยู่ตรงนี้ คงคิดว่าครั้งนี้คงเป็นภารกิจสุดท้ายในฐานะทหารแล้วละ" นายทหารสมบอกพูดยิ้มๆ ด้วยท่าทางประชด
"นับเป็นเกียรติที่ได้ร่วมรบกับท่านครับ" นายทหารหนึ่งทำท่าตะเบะเป็นเชิงประชดใส่นายทหารสมปอง
"เช่นกันทหาร" นายทหารสมปองตะเบะตอบ
"อ๊ากกกกก!!! " อีกด้านนึงของห้องมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของนายทหารคนหนึ่งที่บาดเจ็บจากการต่อสู้เมื่อครู่
"อาการเป็นอย่างไรบ้าง" นายทหารสิริชัยที่วิ่งมาถามนายทหารโย่งที่เป็นหน่วยพยาบาล
"เขาถูกกัดมารึเปล่า!!! " นายทหารโย่งหันมาถามเพื่อนทหารที่พาคนบาดเจ็บเข้ามาในนี้
"ก๊ากกกกก!!!! " สิ้นเสียงนายทหารโย่งพูดจบ นายทหารที่บาดเจ็บก็เปลี่ยนร่างร้องเสียงดัง และกระโจนเข้ามากัดคอนายทหารโย่งจนเลือดพุ่งกระฉูดท่ามกลางความตกใจของทุกคน
"บ้าเอ๊ย!!! " นายทหารไข่น้อยยิงใส่นายทหารที่ติดเชื้อที่หัวจนตายคาที่ เหลือนายทหารโย่งที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น
"ยิงกูก่อนที่กูจะเปลี่ยน" นายทหารโย่งพูดทั้งที่สำลักเลือดเต็มปาก
"ไม่กูไม่ยิง" นายทหารไข่น้อยกอดเพื่อนในอ้อมกอดร้องไห้เสียใจ
"กูไม่อยากเป็นแบบพวกศพ กูขอตายแบบทหาร" นายทหารโย่งบอกกับเพื่อน เป็นคำขอสุดท้าย
นายทหารสมปองเดินถือปืนมาในห้องด้วยหน้าตาเข้มขรึม
"ผมขอตายในฐานะทหารนะครับหัวหน้า" นายทหารโย่งตะเบะพูดยิ้มๆ กับนายทหารสมปอง
"ได้ทหาร ขอไปจัดไปตามนั้น นายคือทหารคนหนึ่งที่ปกป้องชาติไทย นายตายอย่างสมเกียรติแล้วทหาร แล้วพบกันในนรกเพื่อน" นายทหารสมปองบอกกับนายทหารโย่งด้วยสีหน้าจริงจัง
"แล้วพบกันครับหัวหน้า" นายทหารโย่งตะเบะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกนายทหารสมปองยิงที่หัวตายคาที่
"บ้าเอ๊ย!!! " นายทหารสมปองตะโกนออกมาด้วยความเจ็บใจ เมื่อต้องสูญเสียลูกน้องของตนไป
"จะเอาอย่างไรต่อไปดีครับหัวหน้า" นายทหารหนึ่งถามนายทหารสมปอง
"ตรวจสอบทุกคนว่ามีใครถูกกัดรึเปล่า" นายทหารสมปองสั่งการลูกน้องของตนให้ตรวจทุกคนในนี้ที่มีประมาณเกือบ 20 ชีวิตซึ่งรวมกลุ่มพลเรือนด้วย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนถึงช่วงเย็นที่แสนยาวนาน ไม่มีการตอบกลับมาของกองทัพ ผู้รอดชีวิตทุกคนต่างพากันนั่นหมดอาลัยตายอยากตามห้องต่างๆ นายทหารหลายนายยังคงเดินทำหน้าที่ตรวจสอบรอบๆ ทำเนียบเท่าที่ทำได้ ที่นี่ตอนนี้มีแต่ความสิ้นหวังกับเสียงร้องโหยหวนของคนตายด้านนอกเท่านั้น
"หัวหน้า ผมเจอคนน่าสงสัยครับ" นายทหารหนึ่งพาชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานนายกรัฐมนตรีที่นายทหารสมปองอยู่ "เราไปเจอเขาที่แถวห้องน้ำครับ ไม่ใช่คนที่อยู่กับพวกเราในตอนแรก"
"คุณเป็นใครทำไมถึงโผล่ออกมาตอนนี้" นายทหารสมปองถามด้วยสีหน้าจริงจัง
"ผมเป็นรัฐมาตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข ผมไม่ถูกกัดไม่ติดเชื้อ" ชายแก่โชว์ร่างกายให้เหล่าทหารดูเพื่อยืนยัน
"ท่านไปอยู่ไหนมาถึงออกมาเอาตอนนี้" นายทหารบักจ้อนถามชายแก่รัฐมาตรีสาธารณะสุข
"ผมสลบไปที่ห้องน้ำ ตอนเกิดเรื่องผมเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ แล้วก็ถูกผลักจนสลบในห้องน้ำ ตื่นมาอีกทีก็เจอพวกคุณนี่ล่ะ" ชายแก่ตอบด้วยสีหน้าแตกตื่น
"แล้วท่านนายกล่ะท่านพอจะทราบไหมครับว่าท่านอยู่ที่ไหน ปลอดภัยรึเปล่า" นายทหารสิริชัยถามชายแก่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุข
"คิดว่าท่านคงจะปลอดภัยอยู่ที่ห้องใต้ดินกระมัง" ชายแก่บอกกับนายทหารทุกคน
"ทีนี่มีห้องใต้ดินด้วย!! ไม่เคยรู้มาก่อน" นายทหารหนึ่งอุทานออกมา
"มันเป็นห้องลับที่สร้างขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่2 เป็นหลุมหลบภัยพิเศษที่มีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้" ชายแก่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขบอก
"ท่านพอจะรู้จักทางเข้าไหมครับ" นายทหารสมปองถามชายแก่
"รู้ เดี๋ยวผมจะพาไป" ชายแก่เดินนำมายังห้องรัฐสภาที่เป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ที่เคยเห็นในทีวี ที่นักการเมืองใช้ในการประชุมสภา แต่ตอนนี้มีแต่ซากศพคนตายเต็มไปหมด
"เคยเห็นแต่ในทีวีไม่คิดว่ามันจะใหญ่ขนาดนี้" นายทหารบักจ้อนอุทานออกมา
"ที่นี่ล่ะ" ชายแก่พามายังประตูๆ หนึ่งที่เป็นทางเข้าห้องลับ "ไม่รู้ว่าคนข้างในจะเป็นอะไรรึเปล่า" ชายแก่บอกกับนายทหารสิริชัยที่ยืนคุมเชิงหน้าประตู
"นับสามแล้วเปิดเลย เราจะเข้าไป" นายทหารสมปองบอกกับนายทหารสิริชัยที่ยืนคุมเชิงรอเปิดประตู
"หนึ่ง สอง" นายทหารสิริชัยไม่ทันนับถึงสาม แค่เปิดกลอนประตูเหล่าศพที่ออกันที่ประตูต่างก็วิ่งออกมาเป็นสิบๆ ตัวอย่างบ้าคลั่ง
"บ้าเอ็ย!!! " นายทหารสิริชัยกับนายทหารสมปองล่าถอยออกมาเมื่อถูกฝูงศพไล่ล่า นายทหารหลายนายที่อยู่ตรงนั้นพลาดท่าหนีไม่ทันถูกกินไปหลายคน หนึ่งในนั้นมีนายทหารบักจ้อนด้วย
"มันเป็นกับดัก!!! หนีเร็ว" นายทหารสมปองตะโกนออกมาระหว่างหนีจากเหล่าศพขึ้นมาที่ชั้น 2
"ก๊ากกกก ก๊ากกก!!!! " เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 2 พวกนายทหารสมปองก็เจอกลุ่มคนที่รอดชีวิตที่ตนเคยช่วยเอาไว้ ตอนนี้ได้กลายเป็นพวกศพไปแล้วอย่างไม่ทราบสาเหตุ
"ปัง ปัง ปัง!!! " นายทหารสมปองนายทหารสิริชัยนายทหารหนึ่งและนายทหารไข่น้อยกับคนอื่นๆ อีก 4 ถึง 5 คนพยายามวิ่งหนีขึ้นมาที่ดาดฟ้าของตึกรัฐสภาอย่างไม่มีทางเลือก ระหว่างทางก็ถูกเหล่าศพที่จู่ๆ ก็กลายร่างอย่างไม่ทราบสาเหตุเข้ามาทำร้าย จนสุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นที่สามารถหนีขึ้นมาที่ดาดฟ้าได้
นายทหารหนึ่งล็อคประตูดาดฟ้าได้ก่อนที่พวกศพจะตามมาได้อย่างเฉียดฉิว และที่นั่นทั้งสี่คนก็พบกับชายแก่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุข ที่ตอนนี้สวมหน้ากากกันแก๊สพิษแบบคลุมทั้งหัวยืนถือกระป๋องขนาดเท่ากระป๋องน้ำอัดลม มีควันสีเขียวพุ่งออกมาตลอดเวลา แรงลมบนดาดฟ้าพัดให้ควันในกระป๋องไปทางอื่นแทนที่จะมาหาคนทั้ง 4
"แกเป็นคนแพร่เชื้อโรคเองใช่ไหม" นายทหารสมปองเล็งปืนมาทางชายแก่
"ไม่ใช่แค่เราคนเดียวหรอก แต่เป็นสมาชิกทั้งโลกต่างหากที่ร่วมกับแพร่เชื้อ เพื่อโลกสีเขียวใบนี้ให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น" ชายแก่กางแขนตะโกนออกมาเสียงดัง "โลกนี้มันโสมมเกินไปแล้ว มนุษย์ทำลายโลกมาหลายทศวรรษแล้ว คราวนี้เราจะกอบกู้โลกโดยการคืนสมดุลให้กับธรรมชาติ มาเถอะพี่น้องเอ๋ย ถึงเวลาปรับสมดุลโลกใบนี้แล้ว!!! "
"แกมันโรคจิต!!! " แกคิดจะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์รึไง" นายทหารสมปองตะโกนถาม
"คงเป็นอย่างนั้น" ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
"งั้นก็ไปตายซะ!!! " นายทหารสมปองตะโกนออกมาเสียงดังพร้อมกับเล็งปืนมาทางชายแก่
"ปัง!!! " เสียงปืนดังขึ้น นายทหารสมปองกลับเป็นผู้ถูกยิงที่แขน โดยนายทหารสิริชัยจากข้างหลัง ก่อนที่นายทหารหนึ่งกับนายทหารไข่น้อยจะถูกยิงตามมาโดยไม่ตั้งตัว
"แกก็เป็นพวกเดียวกับมัน!! " นายทหารสมปองพูดด้วยท่าทางเจ็บใจ
"เพื่อโลกสีเขียวที่สะอาดต้องมีคนเสียสละ" นายทหารสิริชัยสวมหน้ากากกันแก๊สพิษแบบเดียวกับชายแก่ เขาเดินมาเตะปืนของทั้งสามให้ห่างจากตัว
เฮลิคอปเตอร์แล่นลงมารับชายทั้ง 2 คน ที่ข้างเฮลิคอปเตอร์เขียนว่า FOR GREEN WORLD ที่ข้างเฮลิคอปเตอร์
"นายเป็นคนดี แต่โลกนี้ไม่ต้องการมนุษย์อีกต่อไปแล้ว จงตายอย่างสมเกียรติในฐานะทหาร" นายทหารสิริชัยพูดก่อนจะเดินขึ้นไปที่เฮลิคอปเตอร์
เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นฟ้าอย่างช้าๆ ทิ้งร่างของนายทหารที่บาดเจ็บทั้งสามคนเอาไว้เบื้องล่าง
"จะตายทั้งทีดันมาตายเพราะถูกยิงจากข้างหลัง เสียชื่อที่สุด" นายทหารหนึ่งที่ถูกยิงที่ขาบ่นออกมาดังๆ
"ปากบอกว่าไม่ต้องการมนุษย์ แล้วพวกมันเป็นควายรึไง" นายทหารไข่น้อยที่ถูกยิงที่ไหล่นั่งบ่นดังๆ ก่อนจะเอาบุหรี่มาสูบ
"เพื่อโลกสีเขียวบ้านแกซิ!!! " นายทหารสมปองโยนสลักระเบิดในมือให้นายทหารหนึ่งด้วยรอยยิ้ม
"ตูม!!!! " เกิดเสียงระเบิดดังลั่นกลางอากาศท่ามกลางแสงยามเย็นที่ค่อยๆ มืดลง เฮลิคอปเตอร์ที่เคยบินอยู่เกิดการระเบิดและดิ่งพื้นส่งเสียงดังลั่นถนน ท่ามกลางความเงียบงันของเมืองอันรกร้าง
"ยังแม่นไม่เปลี่ยน" นายทหารหนึ่งชมหัวหน้าตนที่โยนระเบิดได้จังหวะพอดีที่เฮลิคอปเตอร์ขึ้นพอดี เสียงระเบิดดังกึกก้องทำให้พวกศพที่อยู่หน้าทำเนียบได้ยินเสียง จึงพากันเปลี่ยนทางไปที่ซากเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นแทนที่หน้าทำเนียบ
"พอมีทางรอดแล้วเจ้านาย" นายทหารไข่น้อยบอกกับนายทหารสมปอง เมื่อเห็นพวกศพเดินออกจากหน้าทำเนียบไปที่เฮลิคอปเตอร์ที่ระเบิดเสียงดัง
"เสียงดึงดูดพวกมันจริงๆ ด้วย" นายทหารสมปองยิ้มอย่างดีใจที่ตนพูดถูก
"รถถังยังว่างสนใจไหมลูกพี่ ผมยังพอขับเป็นบ้างงูๆ ปลาๆ จะไปด้วยกันไหม" นายทหารหนึ่งบอกกับนายทหารสมปองและนายทหารไข่น้อย
"เอาไงเอากัน ลองดู" นายทหารไข่น้อยลุกขึ้นยืนด้วยกำลังใจที่มีมากขึ้น
"ไปกันเถอะ ไปปกป้องผู้คนจากพวกบ้านี่กัน" นายทหารสมปองลุกขึ้นยืนบอกกับนายทหารทั้งสอง ก่อนจะฝ่าฟันออกไปสู่โลกอันโหดร้ายด้านนอก....