หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องสั้นกรุงเทพเมืองซอมบี้ ตอนที่ 6 ความสิ้นหวัง

เนื้อหาโดย yongyee

ภายในรถอาสากู้ภัยที่จอดทิ้งเอาไว้ใจกลางเมือง บนถนนที่คราคล่ำไปด้วยรถที่จอดทิ้งเอาไว้เต็มท้องถนน คนขับรถที่สวมชุดอาสากู้ภัยนั่งเอนตัวพิงพวงมาลัยรถในสภาพไม่มีหัว ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองที่กลายเป็นนรกบนดิน "โปรดทราบ โปรดทราบ ใครได้ยินบ้างไหมเปลี่ยน ตอนนี้เราต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน มีผู้บาดเจ็บผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในทุกที่ของกรุงเทพ ใครได้ยินบ้างเปลี่ยน" เสียงวิทยุสื่อสารที่เปิดอยู่ในรถอาสากู้ภัยยังคงดังอยู่ต่อเนื่อง ท่ามกลางความวุ่นวายตามที่ต่างๆ ในกรุงเทพ

 

"เหตุด่วน เหตุด่วน มีกลุ่มคนคลุ้มคลั่งเป็นจำนวนมากที่สยาม ส่งตำรวจทุกนายไปที่นั่นเพื่อระงับเหตุด่วน ที่นั่นมีทั้งผู้บาดเจ็บผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รถพยาบาลรถอาสากู้ภัยถ้าได้ยินก็ขอกำลังมาช่วยทางนี้ด้วยด่วน!!!! " เสียงขอความช่วยเหลือดังขึ้นไม่ขาดสาย

 

"อาสาท่านใดที่อยู่ในเขตบางแค ใครว่างพอจะมาช่วยอพยพคนแก่จากบ้านพักคนชราบ้าง ตอนนี้กลุ่มคนบ้าเต็มถนนไปหมด เราไม่มีรถเพียงพอจะช่วยคนแก่ออกไปจากที่นี่ เปลี่ยน" เสียงอาสากู้ภัยเขตบางแคขอความช่วยเหลืออาสาคนอื่น

 

"เกิดเหตุรถชนกันหลายสิบคันบนถนน มีผู้บาดเจ็บหลายสิบคนที่ย่านอโศก ส่งรถพยาบาลที่ใกล้ที่สุดมาด่วน" เสียงวิทยุขอความช่วยเหลือดังแทรกขึ้นมา

 

"ไม่มีรถพยาบาลว่างเลย เกิดเหตุวุ่นวายไปทุกที่ คนบ้าไล่ทำร้ายผู้คนมาจากคนที่ป่วยจากโรคประหลาด ใครที่ถูกกัดจะติดเชื้อบ้าไปด้วย ข้อย้ำว่าใครที่ถูกกัดจะติดเชื้อบ้า ยังไม่มียารักษาคนที่ป่วยด้วยโรคนี้ ย้ำว่ายังไม่มียารักษา" เสียงวิทยุอีกเสียงดังต่อมา

 

"โปรดทราบ โปรดทราบ อาสากู้ภัยทุกคน ห้ามนำคนเจ็บไปที่โรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด ย้ำว่าห้ามไปที่โรงพยาบาลอย่างเด็ดขาด ที่นั่นมีคนบ้าที่ติดเชื้อยึดโรงพยาบาลทุกแห่งไปแล้ว ถ้ามีคนเจ็บที่ถูกกัดให้ทิ้งไปทันที ย้ำว่าห้ามช่วยเหลืออย่างเด็ดขาด" เสียงวิทยุดังเตือนอาสาทุกคัน

 

"ส่งรถดับเพลิงมาด่วนเกิดไฟไหม้ที่ย่านรัชดาด้วย และที่ถนนข้าวสารมีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บจำนวนมาก เราต้องการหมอและเลือดเป็นจำนวนมาก เราหลบอยู่ในโกดังเก็บของ ผมคนบ้าที่คลุ้งคลั่งไล่ทำร้ายทุกคน ใครได้ยินวิทยุนี้บ้างเปลี่ยน " เสียงหญิงสาวในวิทยุสื่อสารดังขึ้นมาเพื่อขอความช่วยเหลือ

 

"เกิดเหตุปล้นสะดมไปทั่วทุกที่เปลี่ยน ร้านสะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าหลายที่ถูกผู้คนเข้าไปขโมยข้าวของ มีการทำร้ายทุบตีแย่งอาหารกันไปทุกที ส่งหน่วยสนับสนุนมาด่วน เปลี่ยน" เสียงวิทยุของตำรวจแทรกเข้ามา

 

"นายตำรวจทุกท่านโปรดทราบ ทางศูนย์รายงานให้ทราบว่า จุดตายของคนที่ติดเชื้อคือที่หัว ย้ำว่าต้องตีหรือยิงที่หัวเท่านั้นจึงสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของคนที่เป็นบ้าได้ เปลี่ยน" ตอนนี้ทางตำรวจเปลี่ยนมาใช้คลื่นวิทยุเดียวกับอาสากู้ภัย

 

"ใครก็ได้ช่วยด้วย ผมถูกคนบ้าทำร้าย ตอนนี้ผมหลบอยู่ในรถของตำรวจ คนพวกนั้นกำลังทุบรถอย่างบ้าคลั่ง ใครก็ได้ช่วยด้วย.....พรึบ.....ซ่า...ซ่า...ซ่า..." เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นมาในวิทยุ ก่อนจะดับลงไปโดยที่ไม่มีการติดต่อใดๆ กลับมาอีก

 

นั่นคือข้อความสุดท้ายที่วิทยุดังออกมาก่อนที่จะไม่มีใครคุยวิทยุอีกเลย

 

ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ในสถานที่แห่งหนึ่งในกรุงเทพ เหล่าคณะรัฐมนตรีพร้อมผู้ติดตาม กำลังนั่งฟังคลื่นวิทยุของอาสากู้ภัยและตำรวจรายงานสถานการด้านนอก เพราะการสื่อสารทุกอย่างตอนนี้ถูกตัดขาดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

"ระบบโทรศัพท์ล่มก่อนเป็นที่แรก ตามด้วยระบบอินเตอร์เน็ต จะมีก็เพียงวิทยุคลื่นสั้นที่ใช้อยู่ตอนนี้เท่านั้น คาดว่าอีกไม่นานไฟฟ้าก็คงจะใช้การไม่ได้เช่นกัน" รัฐมนตรีกระทรวงการสื่อสารบอกกับคณะรัฐมนตรีทุกคนด้วยท่าทางเข้มขรึมภายในห้องประชุม

 

"สถานการณ์ตอนนี้เราทำได้เพียงหลบในที่ปลอดภัยเพื่อประชุมหาทางออกจากเรื่องนี้เท่านั้นหรือนี่" นายกรัฐมนตรีหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยความสิ้นหวัง

 

"โชคยังดีที่เรายังรอดมาได้ แต่ครอบครัวของพวกเราไม่รู้ป่านี้จะเป็นยังไงกันบ้าง" รัฐมนตรีกระทวงคมนาคมเอามือซ้ายกุมขมัม นั่งก้มหน้าบนโต๊ะหมดอาลัยตายอยาก

 

"แทนที่จะห่วงเรื่องนั้น ห่วงพวกเราก่อนเถอะ ต่อจากนี้เราจะทำยังไงต่อไปกันดี อาหารและน้ำที่มีถึงจะพอเพียงอยู่ไปได้เป็นเดือน แต่เราก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะจบลงเมื่ิอไหร่" รัฐมาตรีสาวแก่ผู้ว่าการกระทวงศึกษาธิการพูดขึ้นมาท่ามกลางความกังวลใจของทุกคน

 

"ไม่รู้ว่าตอนนี้ต่างประเทศจะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่รึยัง ไม่แน่อาจจะมีความช่วยเหลือมาจากอเมริกาก็ได้" ชายแก่หัวล้านรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง

 

"คงเป็นไปได้ยากครับท่าน ตอนนี้ทั่วโลกก็คงจะเป็นแบบเดียวกับเรา ไม่งั้นคงจะมีการติดต่อมาจากทางนั้นแล้ว" หัวหน้ารัฐมนตรีกระทรงการศึกษาธิการพูดขึ้นมาด้วยท่าทางสุขุม

 

"ตอนนี้เรารู้รึยังว่าโรคระบาดนี้มาจากที่ไหน" นายยกรัฐมนตรีถามรัฐมนตรีการะทรวงสาธารณะสุข

 

"ยังไม่ทราบครับ ตอนนี้เราทราบแต่เพียงว่า คนไข้ที่มีอาการคลุ้งคลั่งทั้งหมดมาจากผู้ที่ติดเชื้อบางอย่าง ซึ่งอาการเริ่มต้นจะแสดงอาการจากการไอออกมา อุณหภูมิร่างกายจะลดลงต่ำ ร่างกายจะขาดน้ำบางรายอาจจะอาเจียนและหมดแรง เมื่อเกิดคลุ้งคลั่งจะสามารถแพร่เชื้อให้กับผู้ที่ไม่ได้รับเชื้อผ่านทางน้ำลายหรือของเหลวในร่างกาย เท่าที่เรารู้มีเพียงเท่านี้ครับ" ชายแก่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขบอกกับนายกรัฐมนตรี

 

"รู้เพียงแค่นี้จะไปช่วยอะไรได้ เราต้องรีบหาทางยับยั้งก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป!!! " ชายแก่ร่างอ้วนรัฐมนตรีกระทวงการคลัง ตะโกนออกมาด้วยความโมโห

 

"ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างกระทันหันจนเราตั้งตัวไม่ทัน แค่เอาชีวิตรอดจนมาถึงที่นี่ได้คุณคิดว่าเราต้องสูญเสียคนไปเท่าไหร่กันครับ" รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ทางเราเองก็สูญเสียบุคลากรและสถานที่สำหรับค้นคว้าวิจัยไป รู้เพียงเท่านี้ก็ถือว่าดีมากมายแล้วครับท่าน"

 

"แล้วตอนนี้เราควรทำยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นล่ะครับ" รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศถามรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุข

 

"เราเพียงแต่ต้องรอเท่านั้น" นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอกกับทุกคน "ตอนนี้ทางทหารคงไม่อยู่นิ่งเฉย อาจจะส่งกองทัพมาช่วยเราแล้ว นั่นคือความหวังสุดท้ายที่เรามีอยู่ตอนนี้"

 

ทุกคนในห้องประชุมต่างพากันเงียบไม่มีใครพูดอะไร

 

"แค่ก แค่ก" จู่ๆ ก็มีเสียงไอดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน ทุกคนในห้องพากันหันไปที่รัฐมาตรีสาวแก่ ผู้ว่ากระทรวงศึกษาธิการที่กำลังไอเบาๆ อยู่ที่โต๊ะประชุม

 

"มองอะไรกัน ดิฉันไม่สบายมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องนานแล้วค่ะ" สาวแก่คิ้วขมวดจ้องด้วยสายตาไม่พอใจใส่ทุกคน

 

"ทุกท่านสบายใจได้ครับ ทางเราได้คัดกรองผู้ป่วยกับผู้ที่คิดว่าจะเป็นผู้ที่ติดเชื้อไปอยู่อีกห้องแล้วครับ" หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยบอกกับทุกคน ที่ความจริงตอนนี้ภายในห้องที่ว่ามีบางคนที่ไม่ได้ติดเชื้อถูกขังรวมกับผู้ที่ติดเชื้อ โดยที่ทางนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครติดไม่ติด ที่นี่เหลือไว้เพียงรัฐมนตรีคนสำคัญ

 

สภาพห้องขังที่เต็มไปด้วยผู้ที่ติดเชื้อและผู้ไม่ติดเชื้อฆ่ากันเอง จนเศษเนื้อและซากศพเละเต็มห้องขัง เป็นภาพที่สยดสยองจนใครๆ ก็คงทนดูไม่ได้

 

"มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ตอนที่เราหนีเข้ามามีคนที่หนีตามเรามาด้วยเป็นจำนวนมาก การคัดกรองคนที่ติดเชื้ออย่างเร่งรีบจึงทำให้มีการผิดพลาดกันได้" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขบอกกับทุกคน

 

"ตอนนี้ประตูทางเข้าสู่ห้องลับแห่งนี้ถูกปิดตาย ไม่มีใครสามารถเข้ามาจากด้านนอกได้อย่างแน่นอนครับท่าน" หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยบอกกับคณะรัฐมนตรีให้พวกเขาอุ่นใจ

 

"เลิกประชุม ถ้ามีอะไรคืบหน้าเราจะเรียกประชุมอีกครั้งครับ" นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอกกับทุกคนรัฐมตรีทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปตามห้องพักของตนโดยไม่มีใครพูดอะไร

 

"ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าที่ใต้รัฐสภาจะมีห้องใต้ดินลับแบบนี้อยู่ด้วย แถมยังมีอาหารแล้วก็น้ำครบครัน เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นเลยนะคะ" พนักงานฝึกงานสาวสวมแว่นพูดเบาๆ กับหนุ่มพนักงานทำความสะอาดที่เป็น 1 ในผู้ที่หนีเข้ามาในห้องนิรภัยแห่งนี้ได้

 

"ไม่หรอกครับ ที่นี่ถูกสร้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วครับ ที่นี่มีไว้ยามฉุกเฉินตอนเกิดสงคราม จะได้มีรัฐบาลคอยสั่งการทุกอย่างได้ครับ" ชายหนุ่มพนักงานทำความสะอาดบอกกับพนักงานฝึกงานสาว

 

"หรอ พี่เองไม่รู้มาก่อนเลย" พนักงานฝึกงานสาวมองไปรอบๆ ห้องใต้ดินขนาดใหญ่ ที่มีเนื้อที่กว้างขวางมีห้องประชุมและห้องพักสำหรับคณะรัฐมนตรีกับคนอื่นๆ อีกหลายห้อง

 

"พอดีผมชอบศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์ครับเลยพอรู้มาบ้าง" ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ "ผมว่าจริงๆ ถ้าทางรัฐบาลรู้เรื่่องนี้ก่อนจริงอย่างที่พี่ว่า ในนี้คงจะมีเครื่องมือสื่อสารที่พร้อมกว่านี้ไปแล้วครับ คงไม่มีแค่วิทยุเครื่องเดียวแบบนี้"

 

"นั่นซินะนายพูดถูก" พนักงานฝึกงานสาวตอบ "แล้วแบบนี้เราจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่กันนะ"

 

"ไม่ต้องห่วงครับ คงอีกไม่นานเรื่องทุกอย่างก็จะจบแล้ว" ชายหนุ่มตอบด้วยสีหน้าเข้มขรึมก่อนจะเดินจากไป

 

อีกด้านหนึ่งชายแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เดินกดโทรศัพท์ไปมาแถวห้องน้ำเพื่อติดต่อทางบ้านด้วยความเป็นห่วง

 

"สายโทรศัพท์ล่มเพราะทุกคนติดต่อพร้อมกันทั่วทั้งประเทศไทย มันเป็นเรื่องปกติเวลาเกิดเหตุวุ่นวายแบบนี้ครับท่านรัฐมนตรี" เสียงชายหนุ่มพนักงานทำความสะอาดพูดกับรัฐมนตรีชายแก่

 

"เออรู้" ชายแก่พูดด้วยด้วยเสียงไม่พอใจก่อนจะเดินจากไปด้วยท่าทางหงุดหงิด

 

"มีใครได้ยินไหมเปลี่ยน ใครได้ยินเสียงวิทยุนี้บ้างเปลี่ยน" พนักงานฝ่ายเอกสารหนุ่มหมุนคลื่นวิทยุไปมาเพื่อขอความช่วยเหลือจากด้านนอก

 

ตอนนี้ภายในห้องใต้ดินมีแต่ความตึงเครียด วิทยุสื่อสารเพียงเครื่องเดียวที่มีก็ไม่มีใครติดต่อกลับมาอีกเลย

 

"เราทุกคนต้องตายอยู่ที่นี่ใช่ไหม" พนักงานฝ่ายเอกสารหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนพื้นอย่างหมดหวัง

 

"อย่างหมดหวังง่ายๆ แบบนั้นสิ" รัฐมนตรีกระทรวงการคลังพูดให้กำลังชายชายหนุ่ม

 

"ก๊ากกกกก ก๊ากกกกก!!!! " จู่ๆ ที่ทางด้านหนึ่งของห้องก็มีเสียงร้องแปลกๆ ดังขึ้นมา

 

"เกิดอะไรขึ้น!!!! " นายกรัฐมนตรีหนุ่มวิ่งออกมาจากห้องพักเมื่อได้ยินเสียงร้อง

 

"ก๊ากกกก ก๊ากกกกก!!! " เสียงร้องปรากฏพร้อมกับร่างของชายแก่รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมที่ตอนนี้กลายเป็นผีดิบไปแล้ว

 

"เป็นไปได้ยังไง!!! " นายกรัฐมนตรีหนุ่มอุทานออกมาด้วยความตกใจ

 

"ยิง!! ยิง!! ยิง!! " หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยยิงใส่ชายแกที่ตัวหลายนัด แต่กระสุนกลับทำอะไรไม่ได้เลย ชายแก่ยังคงวิ่งตรงเข้ามาทำร้ายคนที่เห็นตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง

 

"ยิงที่หัว!! ยิงที่หัว!!!! " รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขตะโกนบอกฝ่ายรักษาความปลอดภัย กระสุนเจาะเข้าที่หัวชายแก่อย่างจัง จนเขาล้มลงนอนจมกองเลือดอยู่พื้น

 

"เป็นไปได้ยังไงกัน!!! ก่อนหน้านี้ท่านยังปกติอยู่เลย ไม่มีอาการไออะไรด้วย" นายกรัฐมนตรีหนุ่มพูดด้วยท่าทางตกใจ

 

"เขาไปลงไปที่คุกมารึเปล่า ถ้าไปก็จะจะติดเชื้อมาได้" รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขถามหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย

 

"ไม่มีครับ ที่นั่นเป็นห้องปิดตาย เราไม่มีใครลงไปที่นั่นอย่างเด็ดขาด" หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยบอกกับนายกหนุ่ม

 

"แต่เมื่อกี้ผมเห็นท่านคุยกับพนักงานทำความสะอาดเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ท่านจะกลายเป็นแบบนี้ครับ" เสมียนชายที่เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตพูดขึ้นมา

 

"อ๋อ น้องคนนั้นหรอคะ เดี๋ยวดิฉันไปตามตัวมาให้คะ" พนักงานฝึกงานสาวบอกกับทุกคน

 

พนักงานฝึกงานสาวออกเดินตามหาพนักงานหนุ่มที่เป็นคนทำความสะอาดทุกห้องแต่ก็ไม่เจอ จนกระทั่งเธอไปเจอเขาออกมาจากห้องน้ำชายด้วยท่าทางอิดโรย

 

"น้องๆ ท่านนายกเรียกไปถามอะไรหน่อย" พนักงานฝึกงานสาวไปจับไหล่ชายหนุ่มเมื่อเรียกเขา

 

ชายหนุ่มหันกลับมาพร้อมกับดวงตาที่ขาวขุ่น ตรงเข้าทำร้ายหญิงสาวพนักงานฝึกงานทันที

 

"กรี๊ดดดดดด!!! " เสียงร้องดังขึ้นมา ทุกคนจึงไปตามเสียงร้องนั้นทันที

 

เมื่อมาถึงทุกคนก็ต้องตกใจ เมื่อชายหนุ่มพนักงานทำความสะอาดกำลังควักเครื่องในของหญิงสาวมากินอย่างหิวโหย

 

"อะไรกันเนี้ย!!! " พนักงานรักษาความปลอดภัยอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ

 

"ปัง!! ปัง!! ปัง!! " เสียงปืนดังขึ้นมาอีกด้านหนึ่งของห้อง

 

"ก๊ากกกก ก๊ากกกกก!!! " ปรากฏร่างของรัฐมนตรีและผู้รอดชีวิตอีกหลายคนที่กลายเป็นผีดิบ วิ่งเข้ามาทำร้ายทุกคนที่หนีตายอย่างวุ่นวาย

 

"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมา!!! " นายกรัฐมนตรีอุทานออกมาด้วยความตกใจ

 

"ปังปังปัง" หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยยิงใส่ผีดิบพนักงานทำความสะอาดหนุ่มที่หัวจนล้มลง ก่อนจะคว้าตัวนายกรัฐมนตรีหนุ่มออกไปจากที่นี่ท่ามกลางความชุลมุน "มาทางนี้ครับท่าน" หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยพานายกรัฐมนตรีหนีมาที่ห้องประชุม ทั้งคู่ปิดประตูล็อคจากด้านใน ขณะที่ด้านนอกห้องมีแต่เสียงปืนและเสียงร้องของชายหญิงที่ร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน ปะปนไปกับเสียงร้องของผีดิบที่ร้องดังกึกก้องนอกห้อง

 

"บ้าไปแล้ว!!! " นายกรัฐมนตรีหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องประชุมอย่างหมดหวัง สภาพตอนนี้อย่าว่าแต่จะรักษาประเทศชาติเลย แค่จะรักษาชีวิตตนเองในวินาทีนี้ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

 

"แกเป็นใคร!!! " หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยเล็งปืนมาทางใครคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมชายคนนี้สวมหน้ากากกันแก๊สพิษ นั่งไขว่ห้างอยู่ที่หัวโต๊ะของที่ประชุม ซึ่งเป็นโต๊ะของนายกรัฐมาตรี

 

"ปัง" ไม่ทันที่ทั้งสองคนจะทำอะไร จู่ๆ ชายสวมหน้ากากก็ยิงปืนใส่กลางแสกหน้าหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยตายคาที่ทันที

 

"แกเป็นใคร!!! " นายกรัฐมนตรีถามชายคนนั้นด้วยท่าทางตกใจ แต่ชายคนนั้นไม่ตอบ เขาหันปลายกระบอกปืนมาทางนายกรัฐมนตรีหนุ่ม "คุณต้องการอะไร ทำไมต้องทำแบบนี้" นายกรัฐมนตรีหนุ่มถามด้วยสีหน้าหวาดกลัวและสิ้นหวัง

 

".............." ไม่มีคำตอบใดๆ จากชายสวมหน้ากากคนนั้น

 

"ทำไมกัน!!! ทำไมถึง แค่ก!! แค่ก!! ทำไมคุณถึงทำแบบนี้!!! " นายกรัฐมนตรีหนุ่มพูดไปไอไปด้วยความตกใจ ท่ามกลางกลุ่มควันประหลาดที่ลอยอยู่ในห้อง มีควันสีเขียวฟุ้งกระจายอยู่ทั่วห้องประชุมจนนายกหนุ่มสำลักควัน....

 

"แค๊ก!!! แค๊ก ช่วยด้วย!!! แค๊ก แค๊ก" นายกรัฐมนตรีหนุ่มร้องขอความช่วยเหลือ เขาพยายามคลานไปที่ประตูแต่ก็หมดเรียวแรงก่อน....

 

ไม่นานเมื่อกลุ่มควันสงบลง "ก๊ากกกกก!!!! ก๊ากกกกก ก๊ากกกก!!!! " นายกรัฐมนตรีหนุ่มกลายเป็นผีดิบในที่สุด....

 

"ปัง..." กระสุนปืนยิงกลางแสกหน้านายกรัฐมนตรีจนตายคาที่

 

ชายสวมหน้ากากเดินมาดูศพของนายกรัฐมนตรีก่อนที่ตนเองจะถอดหน้ากากกันแก๊สพิษออกมา เผยให้เห็นหน้าที่แท้จริงของชายคนนี้ซึ่งก็คือ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขนั่นเอง "เพื่อโลกสีเขียวใบนี้จึงต้องมีผู้เสียสละ" ชายแก่พูดจบก็เปิดประตูออกไปจากห้อง ก่อนจะมีเสียงปืนดังต่อเนื่องอีกหลายนัดตามมา หลอดไฟภายในห้องใต้ดินกระพริบแสงหลายครั้ง ก่อนจะดับลงทีล่ะดวงทีล่ะดวงอย่างช้าๆ ความมืดมิดค่อยๆ มาเยือนสถานที่แห่งนี้ทีล่ะจุด แสงไฟที่เคยให้ความสว่างเห็นซากศพที่นอนตายบนพื้น ตอนนี้ก็ค่อยๆ ดับลงอย่างช้าๆ จนหลอดไฟดวงสุดท้ายก็ดับลงพร้อมกับความหวังของมวลมนุษย์ที่หายไป

เนื้อหาโดย: yongyee
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
yongyee's profile


โพสท์โดย: yongyee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: แสร์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568รีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!โบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบเพชรปากปลาร้าหน้าเป๊ะ ลองทาลิปสติกบนปาก ทำเอาทัวร์ลงสนั่น ร้านค้ารับเรื่อง สั่งให้โละยกแผงเลย!น้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฮ! เงินไร่ละพันยังมาต่อเนื่อง! ชาวนารับเงินช่วยเหลือ ธ.ก.ส. กันอยู่หรือเปล่า? มาอัปเดตกันหน่อย!รีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!อย่าท้าทายระบบ! "สารวัตรแจ๊ะ" เผยสาเหตุที่ต้องใส่แมสก์ และสวมหมวกตลอดเวลาสั่งพักงานยกชุด! 18 ตำรวจจราจร ปมตั้งโต๊ะจับปรับ 'เจอจ่ายจบ'"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
โบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบโบสถ์เซนต์แมรี่แห่งไซออน, เอธิโอเปียเขาพระวิหาร: สัญลักษณ์แห่งความงดงามและความขัดแย้งภาพสุดท้าย
ตั้งกระทู้ใหม่