🐉ซูอันไทเฮา (จักรพรรดินีฉืออัน พระพันปีหลวง) เเละ(ความเชื่อมโยงกันระหว่างซูอันไทเฮากับซูสีไทเฮา)
🐉ซูอันไทเฮา (จักรพรรดินีฉืออัน พระพันปีหลวง)
(ความเชื่อมโยงกันระหว่างซูอันไทเฮากับซูสีไทเฮา)
🔸จักรพรรดินีเซี่ยวเจินเสี่ยน (孝贞显皇后) หรือ จักรพรรดินีฉืออัน พระพันปีหลวง (慈安太后) หรือที่รู้จักกันในไทยว่า "พระพันปีหลวงฉืออัน" หรือ "ฉืออันไท่โฮ่ว" (สำเนียงฮกเกี้ยนว่า "ซูอันไทเฮา")
📌บทความจะมีความเชื่อมโยงกันระหว่างซูอันไทเฮากับซูสีไทเฮานะครับ) ผมจะยกเรื่องของซูสีไทเฮามาคร่าวๆเพื่อให้เกิดการความเชื่อมโยงกัน เเต่จะยกไปเล่าซูสีไทเฮาเเบบละเอียดในบทความต่อๆไปครับผม📌
(ผมขอเรียกพระนาม (ซูอันไทเฮากับซูสีไทเฮา)นะครับ
🐉พระราชประวัติ🐉
🔸ทรงพระราชสมภพ 12 สิงหาคม ค.ศ.1837
พระนางทรงเป็นธิดาของหมู้หยางอา หรือ เฉิ่งเอินโห่ว (承恩侯) ข้าราชการชาวแมนจูจากเผ่าหนิวฮู่ลู่ กับนางกี่หยาง จากเผ่ากี่หยาง มีพระนามเดิมว่า จิงเอ๋อร์
🔸พระนางหนิวฮู่ลู่เข้าถวายตัวเป็นบาทบริจาริกา(บาทบริจาริกา หมายถึง ภรรยาที่เป็นสามัญชนของพระมหากษัตริย์เเละเจ้าฟ้า ) และได้รับการสถาปนาเป็นพระวรชายาขององค์ชายอี้จู้
(ต่อมาเป็นจักรพรรดิเสียนเฟิง)
🔸ซึ่งองค์ชายอี้จู้มีพระวรชายาเอกอยู่แล้วคือ พระนางสะโกตา ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์ไปก่อนพระภัสดา(พระสวามี)เมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1850 (จักรพรรดินีเซี่ยวเต๋อเสี่ยนซึ่งสถาปนาเป็นจักรพรรดินีหลังจากสิ้นพระชนม์ไปเเล้วครับ)
.............................................................
🔸ในเดือนถัดมาหลังจากพระวรชายาสะโกตาสิ้นพระชนม์ จักรพรรดิเต้ากวังก็เสด็จสวรรคตด้วย ทำให้องค์ชายอี้จู้ ขึ้นครองราชย์ได้ทั้ง ๆ ที่มิใช่รัชทายาทองค์เอกที่วางตัวไว้ แต่ว่าพระองค์สามารถเอาชนะใจพระราชบิดาได้ด้วยการออกล่าสัตว์ และพระองค์ไม่สังหารสัตว์ที่มีลูกอ่อน
.................................................................
🔸ในราวๆเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน 1852 หลังพระราชพิธีจัดการพระบรมศพจักรพรรดิเต้ากวังสิ้นสุดลง พระนางก็ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระมเหสี และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า "เจิน" (贞)
🔸และช่วงประมาณปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมของปีเดียวกัน ก็ได้รับการสถานาขึ้นเป็นสมเด็จพระอัครมเหสี ซึ่ง ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม ปี ค ศ.1852 เป็นต้นไป จึงมีประกาศให้เฉลิมพระนามอัครมเหสีเจินว่า "จักรพรรดินีเจิน"
.............................................................
🔸เนื่องจากพระนางเจินไม่สามารถประทานพระโอรสให้แก่จักรพรรดิเสียนเฟิงได้ เเต่การเข้ามาของ นางเย่เฮ่อน่าลา(ต่อมาเป็นซูสีไทเฮา) ผู้ซึ่งเข้าถวายตัวเป็นบาทบริจาริกาและสามารถให้โอรสแก่จักรพรรดิเสียนเฟิงได้ ทำให้ในเดือนเมษายน ค.ศ.1856 นางเย่เฮ่อน่าลา จึงได้รับการสถาปนาเป็นมเหสีตามลำดับชั้น
.........................................................................
🔸วันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1861 ภายหลังสงครามฝิ่น ครั้งที่สอง(ฝิ่นที่2ผมขอยกไปเล่าเเบบละเอียดในบทความต่อๆไปนะครับ) จักรพรรดิเสียนเฟิงก็เสด็จสวรรคตขณะทรงลี้ภัยสงครามไปประทับ ณ พระราชวังในเมืองเฉิงเต๋อ (承德) มณฑลเหอเป่ย์ ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะทางสองร้อยสามสิบกิโลเมตร
🔸พระโอรสองค์เดียว(องค์ชายไจ้ฉุน)ของพระมเหสีเย่เฮ่อน่าลาในจักรพรรดิเสียนเฟิง ซึ่งได้ทรงดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร และในขณะนั้นมีพระชนมายุเพียง 5 พรรษา ได้เสวยราชย์เป็นรัชกาลต่อมา พระนามว่า "จักรพรรดิถงจื้อ"
🔸ด้วยความที่ทรงพระเยาว์อยู่ จักรพรรดิพระองค์ก่อนจึงได้ทรงแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้โดยมีอัครมหาเสนาบดี คือ ซู่ชุ่น( 肃顺;) เป็นประธาน โดยคณะผู้สำเร็จราชการเเทน ได้ประกาศเฉลิมพระนามสมเด็จพระอัครมเหสีเจินเป็น "ซูอันไทเฮา" และพระมเหสีแย่เฮ่อน่าลาเป็น "ซูสีไทเฮา" (ตำแหน่งฮองไทเฮานี้เรียกเป็นภาษาไทยว่า "สมเด็จพระพันปีหลวง")ครับ
🐉พระพันปีหลวงและผู้สำเร็จราชการในจักรพรรดิถงจื้อ🐉
🔸ซูสีไทเฮา ทรงปรารถนาพระราชอำนาจทางการเมือง ได้ทรงก่อรัฐประหารขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.1861 เป็นผลสำเร็จด้วยความช่วยเหลือของบรรดาเชื้อพระวงศ์และข้าราชการที่เกลียดคณะผู้สำเร็จราชการเเทน ส่งผลให้บรรดาผู้สำเร็จราชการฯ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจในทางไม่ถูกต้องและกล่าวโทษว่าเป็นกบฏ ต้องโทษประหารชีวิต สมเด็จพระพันปีหลวงทั้งสองพระองค์จึงได้ว่าราชการอยู่หลังม่านแทนสมเด็จพระจักรพรรดิถงจื้อซึ่งทรงพระเยาว์นั้นเอง
...........................................................
🔸ถึงแม้โดยนิตินัย ซูอันไทเฮาจะทรงดำรงอยู่ในพระสถานะสูงกว่าซูสีไทเฮา แต่ด้วยความที่ไม่ใฝ่พระทัยในการเมือง และทรงพึงพระทัยในความสันโดษมากกว่า ทำให้ซูสีไทเฮาผู้มีพระบุคลิกลักษณะในทางตรงกันข้าม ได้ซึ่งพระราชอำนาจทางการเมืองไว้โดยพฤตินัยแต่เพียงพระองค์เดียว
.................................................................
🔸ซูอันไทเฮา ทรงมีบทบาทในทางการเมืองน้อยครั้งมาก และครั้งที่โดดเด่นที่สุดคือใน ค.ศ.1869 ซึ่ง อันเต๋อไห่ (安德海) หัวหน้าขันทีในพระราชสำนัก และคนสนิทของซูสีไทเฮา ได้เดินทางลงใต้เพื่อไปซื้อหาอาภรณ์ลายมังกรจำนวนหนึ่งสำรับไปจัดทำเป็นเครื่องทรงของซูสีไทเฮา
🔸เมื่อไปถึงมณฑลชานตงกลับแสดงอำนาจบาตรใหญ่โดยอ้างว่าเป็นผู้แทนพระองค์ของซูสีไทเฮา และรีดนาทาเร้นเอาทรัพย์สินจากประชาชน ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนทั่วไป ผู้ว่าราชการมณฑลจึงทำหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระพันปีหลวงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ทั้งสอง
🔸ซูอันไทเฮา ก็มีพระราชเสาวนีย์ให้มณฑลจัดการจับกุมและประหารขันทีอันเต๋อไห่โดยไม่ชักช้า ว่ากันว่า การสั่งประหารอันเต๋อไห่นี้ ทำให้ซูสีไทเฮา ไม่ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง
.................................................................
🐉เสด็จสวรรคต🐉
🔸ในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ.1875 จักรพรรดิถงจื้อเสด็จสวรรคตโดยไม่มีพระราชโอรส จึงทำให้ต้องมีการเลือกฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ซึ่ง ซูอันไทเฮา เลือกพระโอรสของเจ้าชายกง เป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่
🔸 แต่ซูสีไทเฮาผู้มีอิทธิพลในราชสำนักเหนือกว่าซูอันไทเฮาในขณะนั้นได้เลือก เจ้าชายไจ้เทียน ซึ่งเป็นหลานของพระนางสืบราชสมบัติต่อเป็นจักรพรรดิกวังซฺวี่(เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์ชิง)
🔸วันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1881 ระหว่างทรงออกขุนนาง(ว่าราชการ)ตอนเช้า ซูอันไทเฮาทรงรู้สึกไม่สบายพระองค์ จึงเสด็จกลับพระราชฐาน และเสด็จสวรรคตในบ่ายวันนั้น (43 พรรษา)
🔸ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงแก่ประชาชนทั่วไป เพราะพระสุขภาพพลานามัยของพระนางอยู่ในขั้นดียิ่งยวดเสมอมา แต่ข่าวลือแพร่สะพรัดทั่วไปในจีนว่า ซูสีไทเฮาทรงวางพระโอสถพิษแก่ซูอันไทเฮา
🔸อย่างไรก็ตาม ข่าวลือดังกล่าวยังไร้หลักฐานยืนยันข้อเท็จจริง และนักประวัติศาสตร์ไม่ยอมรับอย่างเต็มร้อยในเรื่องการวางพระโอสถพิษดังกล่าว
🔸การสิ้นพระชนม์ของซูอันไทเฮา ส่งผลให้ซูสีไทเฮาทรงเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินแต่เพียงผู้เดียวอย่างเต็มพระองค์
🔸ซูอันไทเฮาทรงได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธยหลังเสด็จสวรรคตแล้วว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีเสี้ยวเจินฉืออันยู้ชิ้งเหอจิ้งเฉิงจิ้งอี้เทียนโจ้วเชิ้งเสี่ยน" เรียกโดยย่อว่า "สมเด็จพระจักรพรรดินีเซี่ยวเจินเสี่ยน"
🔸พระศพได้รับการบรรจุ ณ สุสานหลวงราชวงศ์ชิงฝ่ายตะวันออก ห่างจากกรุงปักกิ่งไปทางตะวันออกเป็นระยะทาง 125 กิโลเมตร
🔻ข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดไปขออภัยด้วยนะครับ เพื่อนๆที่มีข้อมูลเพิ่มเติมโพสต์ใต้คลิปได้เลยครับผมรับฟังทุกคนเเละพร้อมนำไปเเก้ไขครับ🫰❤️
#history
#jarnmooChannel
#ประวัติศาสตร์จีน
#มหากาพย์ราชวงศ์ชิง
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
รอบ 3 อาการ 12: หัวใจแห่งการตื่นรู้สำหรับชีวิตประจำวัน (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)
เลิกกัน แต่ปล่อยคลิปลับ — คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลกได้ยังไง?
7 อันดับสารพิษตัวร้าย : อยู่ให้ไกล ระวังให้ดี เพราะโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนกับเราเสมอไป


