กระเจี๊ยบเขียว
กระเจี๊ยบเขียว ประโยชน์ทางด้านคุณค่าทางโภชนาการหลายด้าน นิยมทานสด ๆ หรือนำไปประกอบอาหารต่าง ๆ สารพัดเมนู ไม่ใช่แค่รสชาติที่ดี
สรรพคุณของ กระเจี๊ยบเขียว
1.ให้สารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกาย เมื่อทานทั้งส่วนของฝักและเมล็ดพร้อมกัน จะดีต่อสุขภาพและได้รับพลังงานสูง เพราะเมื่อตรวจวัดจากฝักและเมล็ดแห้ง อย่างละ 100 กรัมนั้น พบว่า ให้พลังงานสูงถึง 33 กิโลแคลอรี และมีสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน เส้นใย โดยเฉพาะโพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามิน เอ ที่สูงเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยบำรุงสายตา ประสาทและสมอง ให้ทำงานได้ดี รวมถึงยังมี แคลเซียม ที่จะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
2.ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารลำไส้ เพราะใน “ผล” หรือ “ฝักกระเจี๊ยบเขียว” มีสารที่เป็นเมือกเหนียว ๆ ใส ๆ ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ และยังช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ไม่ให้เกิดการลุกลามได้เป็นอย่างดี
3.ช่วยรักษาโรคเบาหวานได้ ในฝักและเมล็ดกระเจี๊ยบเขียวมีเส้นใยรวมกันสูงถึง 22% ซึ่งด้วยคุณสมบัติของ เส้นใย ที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ รักษาระดับการดูดซึมน้ำตาลจากลำไส้ใหญ่ ยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลและลดระดับไขมันในเลือดได้ กระเจี๊ยบเขียวจึงเป็นผักที่เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล-น้ำหนัก
4.ช่วยบำรุงระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ เส้นใย ที่อยู่ในฝักกระเจี๊ยบเขียว คือ ช่วยการทำงานของลำไส้ ให้ดูดซึมสารอาหารได้ง่าย ลดอาการท้องผูก ส่งผลให้ระบบขับถ่ายได้ดี เพราะมีเมือกที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวขึ้น ถ่ายอุจจาระได้คล่อง นอกจากนี้ ยังช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยเส้นใยของกระเจี๊ยบ จะไปจับกับน้ำดีจากตับ ซึ่งมักจับกับสารพิษที่ร่างกายต้องการขับถ่ายอยู่ในลำไส้ เมื่อขับถ่ายออกมาทางอุจจาระ จะทำให้ไม่เหลือสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย
5.บำรุงรักษาทางเดินปัสสาวะและโรคเกี่ยวกับเพศ ในตำรายาแผนโบราณของจีน มีการนำราก เมล็ด และดอกกระเจี๊ยบ มาใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ส่วนในประเทศอินเดียนั้นจะใช้ฝักนำมาต้มกับน้ำดื่ม เพื่อช่วยขับปัสสาวะ เมื่อมีอาการกระเพาะปัสสาวะและทางเดินปัสสาวะอักเสบ หรือเมื่อปัสสาวะขัด ชาวอินเดียทานฝักกระเจี๊ยบ เพื่อรักษาโรคหนองใน และนำรากต้นกระเจี๊ยบ มาต้มน้ำเพื่อใช้รักษาโรคซิฟิลิส