แฟนดีดี I told Lakshmi Mata about him EP.2
ให้หลังลูกค้าคนสำคัญโต๊ดก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เขาได้มอบหมายหน้าที่ดูแลร้านทั้งหมดของวันนี้ให้ พี่ป๊อป ผู้จัดการร้านสาวสุดสวย โดยมีตาลมาเป็นผู้ช่วยในการขึ้นชิ้นงานอื่น ๆ ส่วนตัวเขาตลอดทั้งช่วงเช้าก็เริ่มลุยงานวางแพตเทิร์นชุดให้คุณก้องด้วยตัวเอง จนล่วงเลยเวลาพักเที่ยงปาเข้าไปเกือบจะบ่าย กระทั่งได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือเลยหยิบมาดูข้อความที่คุณก้องส่งมาย้ำเตือนว่าจะเข้ามารับเขาช่วงห้าโมงเย็น โต๊ดก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้เตรียมตัวไปทานมื้อเย็นกับคุณก้องเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ชุดที่จะใส่ไปก็ยังไม่มี และแน่นอนว่าช่วงบ่ายแบบนี้เขาคงไม่ลงทุนฝ่าดงรถและแสงแดดที่แผดเผากลับไปเตรียมตัวที่บ้านแน่ ๆ
เหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าสถานการณ์จวนตัวโต๊ดจึงตัดสินใจเดินถือกรรไกรตรงไปยังม้วมผ้า ตัดเอาผ้าไหมอิตาลีมาสองสามผืนแล้วนำมาขึ้นแพทเทิร์นเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวที่มีความเป็นทางการแต่เนื้อผ้าทิ้งตัวให้ความรู้สึกเบาสบายเพื่อไม่ให้ดูจงใจจนเกินไปอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญ
"พี่ป๊อป ตาล ชุดนี้เป็นไง"
หลังจากที่ง่วนอยู่กับจักรเย็บผ้ามาตลอดทั้งช่วงบ่าย ในที่สุดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นขนาดโอเวอร์ไซส์สีขาวและกางเกงทรงกระบอกเอวสูงสีน้ำตาลเอิร์ธโทนก็เป็นอันเสร็จ เสื้อกับกางเกงที่เพิ่งออกจากจักรหมาด ๆ ถูกนำไปซักแห้งและรีดจนเรียบในระหว่างที่เจ้าของชุดไปอาบน้ำแต่งทำผมพรมน้ำหอม ก่อนจะถูกนำมาสวมใส่แล้วยืนหนุมไปหมุนมาอยู่หน้ากระจกด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
"โอ้โห! พี่โต๊ด เต็มยศขนาดนี้ พี่จะไปไหนเนี่ย อย่าบอกนะว่าเดท"
"ก็...ไม่ถึงกับเดทหรอก แค่ไปกินข้าว"
"หือ! ใครอะ คุณเต้เมื่ออาทิตย์ก่อน"
"หึ! ไม่ใช่"
"อ้าว แล้วใครอะ ช่วงนี้ก็เห็นมีแต่คุณเต้ไม่ใช่เหรอ"
"หึ! ไม่ใช่ คุณก้อง เจ้านายจูลี่มันอะ"
"ฮะ! ที่เพิ่งออร์เดอร์ชุดวันนี้เนี่ยนะ"
"อือ! จะตกใจไรขนาดนั้นเล่า"
"ก็ไม่ตกใจได้ไง เพิ่งเจอกันก็นัดไปเดทแล้วเนี่ย มันไม่เร็วไปเหรอ"
"นั่นสิ คนเพิ่งเจอกัน จะไว้ใจได้เหรอโต๊ด"
"โอ๊ย! แค่ไปกินข้าวไหม ไม่ได้ไปเดท"
"ก็นั่นแหละ จะไปเดทหรือแค่ไปกินข้าว แต่ก็ไปกันแค่สองคน มันแปลก ๆ ปะ"
"จริงของตาลมันนะโต๊ด เพิ่งเจอกันจะชวนไปกินข้าวแล้วเนี่ยนะ"
"อีจูลี่มันคงเล่าเรื่องหนูให้เจ้านายมันฟังมั้ง เมื่อเช้าตอนเข้ามาวัดตัวก็คุยแบบเป็นกันเองมากเลย อีกอย่างอีจูลี่มันเคยยอให้ฟังว่านายมันชอบชวนลูกน้องไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ นี่ก็คงไปในฐานะคนทำงานด้วยกันอะ"
หญิงสาวถอนหายใจด้วยหนักอกก่อนจะลุกมาหาเจ้าของร้านคนใหม่ผู้เป็นรุ่นน้องที่เธอเห็นมาแต่เล็ก ๆ ป๊อปมองแล้วจับไหล่ด้วยความเป็นห่วง
"โต๊ด พี่รู้นะว่าเราโตแล้ว เราดูแลตัวเองได้ แต่พี่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี เราจะไปพี่ก็ไม่ได้ห้าม แต่พี่จะเตือนว่าให้ระวัง เจอกันครั้งแรกแถมยังไม่ได้รู้จักมักจี่ เหล้าอะเลี่ยงไปก่อน ประคองสติตัวเองเอาไว้ เกิดอะไรขึ้นจะได้เอาตัวรอดทัน คนเรามันรู้หน้าไม่รู้ใจหรอกนะ เอาไว้ให้รู้จักกันมากกว่านี้แล้วค่อยว่ากัน"
"พี่ป๊อป" โต๊ดหันมากอดพี่สาวคนสนิทเอาไว้เต็มรัก "หนูจะระวังตัวเองให้มากที่สุด เหล้าหนูจะไม่แตะเด็ดขาด หนูสัญญา"
โต๊ดโอบกอดพี่ป๊อปผู้เป็นดั่งพี่สาวแท้ ๆ โดยมีน้ำตาลวิ่งเข้ามาโอบกอดพี่ ๆ ทั้งสองคนเอาไว้อีกทีหนึ่ง
เพราะเหตุการณ์ที่โต๊ดอกหักเมื่อช่วงกลางปีก่อนเกือบทำให้โต๊ดเสียผู้เสียคนจนลูกน้องสองสาวอดเป็นห่วงไม่ได้ทุกครั้งที่มีใครเข้าหาเจ้านายของตน และโต๊ดเองก็รับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยที่พี่สาวและน้องสาวทั้งสองคนนี้มีให้กับตนมาโดยตลอด มันจึงทำให้โต๊ดหายจากอาการอกหักและกลับมาตั้งหลักใหม่ได้เร็ว และโต๊ดเองก็รับรู้มาตลอดว่าตอนที่เขาเสียหลักก็ได้พี่ป๊อปกับน้ำตาลคอยพยุงเขาขึ้นมา โต๊ดจึงเชื่อฟังคำเตือนไม่คิดจะทัดทานใด ๆ แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในสถานะเจ้านาย
เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนถึงกับสะดุ้งจนผละออกจากอ้อมกอดของกันและกัน แล้วต่างพร้อมใจกันหันไปมองชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูงโปร่ง มัดกล้ามแน่นทะลุเสื้อผ้า ทั้งใบหน้าก็หล่อเหลาราวกับดาราด้วยสายตาตะลึงงัน
"ขอโทษนะครับ ผมก้อง ผมมารับคุณโต๊ด ไม่ทราบว่าได้เวลาเลิกงานหรือยังครับ"
"อ...อ๋อ ล...เลิกแล้ว เลิกแล้วค่ะ"
"ถ้างั้นผมขอตัวคุณโต๊ดก่อนนะครับ"
"ด...ได้เลยค่ะ เอ้าพี่โต๊ด! รออะไร"
เห็นท่าทีตกประหม่าของคนเป็นพี่น้ำตาลก็หยิบกระเป๋าพร้อมโทรศัพท์มือถือยัดใส่มือของคนเป็นพี่แล้วดันหลังให้เดินออกตามที่พ่อเทพบุตรผายมือเชิญ
"เชิญครับ"
เจ้าของร้านยกยิ้มรับคำเชื้อเชิญของลูกค้าคนสำคัญที่ยืนเปิดประตูร้านผายมือเชิญให้เขาเดินนำออกไป
หน้าตาหล่อเหลาราวเทพบุตร ทั้งมารยาทที่แสดีแลดูเป็นบุรุษหนุ่มที่แสนอบอุ่น ทำเอาน้ำตาลที่แอบมองตามถึงกับเกาะหลังรุ่นพี่แล้วหวีดร้องดีดดิ้นเมื่อเห็นร่างสูงกำยำนั้นเปิดประตูรถแล้วเขิญเจ้านายตัวเองขึ้นไปนั่งบนรถหรู ราวกับเจ้าชายเชิญเจ้าหญิงขึ้นราชรถ
"งือออ! ได้แบบเนี้ย หนูเป็นพี่โต๊ดหนูตัดชุดแต่งงานรอแล้วป่านเนี้ย"
"นี่ ๆ ให้มันน้อย ๆ หน่อย เขาเป็นใคร นิสัยใจคอเป็นยังไงยังไม่รู้เลย มันต้องค่อย ๆ ดูกันไป ไม่ใช่หลงแต่ความหล่อ"
"โอ๊ยพี่ป๊อป! ช้าหมดอดแดกนะคะงานดีแบบเนี้ย"
"วันหลังฉันจะเอาขยะมาจัดจานสวย ๆ ให้แกกิน ดูสิแกจะกินได้ไหม"
พูดจบหญิงสาวก็ส่ายหน้าระอาใส่รุ่นน้องก่อนจะเดินกลับเป็นยังโต๊ะทำงานของตนเพื่อจัดเก็บข้าวของเตรียมปิดร้านกลับบ้าน ทิ้งให้เด็กสาวรุ่นน้องยืนแบบมองภาพตรงหน้าแล้วบิดม้วนด้วยความขวยเขินต่อไป
"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ร้านใกล้จะปิด... อ้าว! ยักษ์" ให้หลังรถหรูขับออกไปได้ครู่ใหญ่เสียงกระดิ่งประตูร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง ป๊อปที่สาระวนอยู่กับการเก็บของก็ไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยกล่าวทักออกไปด้วยความเคยชิน แต่พอเงยหน้าขึ้นมองป๊อปก็เห็นว่าเป็นเจ้านายอีกคนของเธอ และพอมองในมือของนายช่างหนุ่มป๊อปก็เห็นว่าเจ้านายหิ้วผักหิ้วหมูมาเต็มมือ "โอ้โห เหมาตลาดมาขนาดนี้ จะเอาไปให้สาวที่ไหนเนี่ย"
"เปล่า ผมจะให้ไอ้โต๊ดมันทำราดหน้าให้กิน"
"เอ้า! พี่โต๊ดเพิ่งออกไปนะคะ"
"ไปไหน"
"พี่โต๊ดไม่ได้บอกเหรอค่ะว่าพี่เขามีเดท"
"ตาล!" ป๊อปรีบเอ็ดปรามรุ่นน้อง "คือโต๊ดเขาไปกับลูกค้า แค่กินข้าวธรรมดานั่นแหละไม่ได้เดทอย่างยัยน้ำตาลว่าหรอก"
"มันเป็นใคร ทำไมไอ้โต๊ดถึงไปกับมัน"
"เห็นว่าชื่อก้องนี่แหละ เป็นเจ้านายของน้องจูลี่ เขามาตัดชุดที่ร้านเรา น้องจูลี่เคยเล่าว่าเจ้านายเขาชอบเลี้ยงลูกน้องทำนองเนี้ย เมื่อเช้าเขาเลยคงชวนโต๊ดออกไปในฐานะคนทำงานด้วยกันน่ะ โต๊ดไม่ได้บอกเราเหรอ"
"หึ! เมื่อเช้าผมเข้ามาอาบน้ำ ผมบอกมันว่าอยากกินราดหน้า มันยังตกลงจะทำให้อยู่เลยืไม่เห็นมันจะพูดเลยว่าจะไปไหน"
"สงสัยน้องโต๊ดคงจะลืมไปว่าตัวเองมีนัดมั้ง"
"ก็คงเบลอแหละพี่ยักษ์ เจอเทพบุตรตั้งแต่เช้าขนาดนั้น แถมยังโคตรรวยด้วยอะ"
"ใคร"
"เอ้า! ก็คุณก้อง ลูกค้าคนที่พาพี่โต๊ดไปเดทนี่ไง ทั้งหล่อ หุ่นดี แถมดูรวยมากด้วย ใครเห็นก็ละลายอะ"
"ไอ้ตาล!"
ยักษ์นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา หน้าคมเชยชาไร้อารมณ์จนทั้งสองสาวเดาทางไม่ถูกว่านายช่างตัวโตตรงหน้ากำลังทำคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่ แต่แล้วเขาก็ลุกพรวดเอาข้าวของไปโยนใส่ไว้ในตู้เย็นก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกไปจากร้านท่ามกลางความงุนงงตกใจของสองสาว
แสงสีส้มยามดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้าตัดกับวิวกลางกรุงเทพที่มองออกไปร้านอาหารบนชั้นรูฟท็อปของโรงแรมสุดหรู มีสายลมยามเย็นพัดมาเอื่อย ๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่ใครหลายคนต่างถวินหา
"เป็นยังไงครับ บรรยากาศที่นี่พอใช้ได้ไหม"
"โอ้โห! เรียกว่าสวย..." โต๊ดที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศรีบหันขวับกลับไปมองตามเสียงทุ้มนุ่มของคุณก้อง พอหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายถือแก้วเครื่องดื่มมาสองใบ พาลให้เขานึกถึงคำเตือนของพี่ป๊อปเมื่อครู่จนเผลอทำหน้านิ่งออกไป
"ผมไม่รู้ว่าคุณโต๊ดดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม ผมเลยเอาพันช์มาให้"
โต๊ดยกยิ้มมองแก้วพันช์ที่คุณก้องส่งมาให้ก่อนจะยื่นมือไปรับด้วยความรู้สึกดีจนเริ่มตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย
"บ้านผมอยู่ที่นี่ ผมขึ้นมาดูพระอาทิตย์ตกดินแทบทุกวันจนเบื่อ ไม่รู้ว่าคุณโต๊ดจะชอบไหม"
"ช...ชอบครับ ชอบมากเลย"
"งั้น ผมถือว่าคุณโต๊ดเป็นคนสำคัญ จะมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่เมื่อไรก็ได้เลยนะครับ"
เสียงชนแก้วที่อีกฝ่ายถือวิสาสะนำแก้วมาชนทำเอาโต๊ดถึงกับตัวร้อนผ่าว หายใจไม่เป็นส่ำ รู้สึกมือไม้มันเกะกะทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะถูกอีกฝ่ายผายมือเชิญให้กลับไปนั่งที่โต๊ะเพราะใกล้ได้เวลาอาหาร
"ว่าแต่ชุดนี้คุณโต๊ดซื้อมาจากที่ไหนเหรอครับ"
"อ๋อ ผมตัดเองครับ" โต๊ดยกยิ้มด้วยรู้สึกเขินก่อนจะเล่าความจริงว่า "สาระภาพเลยว่าเพิ่งตัดเมื่อตอนบ่ายนี้เองครับ ผมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าไว้ที่ร้าน ก็เลยตัดใหม่เลย มันอาจจะดูไม่ได้สักเท่าไรนะครับ"
"ใครบอกล่ะครับ น่ารักมากต่างหาก ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ชวนออกมากะทันหัน"
คำชมจากอีกฝ่ายทำเอาถึงกับจังงัง โต๊ดชักรู้สึกว่าระหว่างทางเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารเท้ามันไม่แตะพื้น ตัวเบาวูบวาบราวกับจะลอยขึ้นไปในอากาศ ยิ่งพอเดินมาถึงโต๊ะแล้วคุณก้องมาเลื่อนเก้าอี้ให้ในใจเขาแทบจะลงไปดีดดิ้นกับพื้น
เสียงก๊งเหล้าของเหล่านายช่างเริ่มขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ต่างคนต่างจิบสุราพูดคุยกันอย่างสนุกสนานคลายดคลียดหลังจากทำงานเหนื่อยหนักมาทั้งวัน ผิดกับนายช่างใหญ่เจ้าของอู่ที่เอาแต่ยกแก้วดื่มไม่พูดไม่จากับใคร
"เฮ้ย ๆ ๆ ๆ เบาลูกพี่" อั๋นที่เห็นพี่ใหญ่ที่เอาแต่กระดกเหล้าพรวด ๆ ก็รีบห้าม
"ใจเย็นไอ้เสือ เหล้ามันไม่ได้ช่วยยาแผลอกหักให้มึงหรอกนะเว้ย"
"อกหักไรวะไอ้พี่ปอง"
"เอ้า! กระดกพรวด ๆ ไม่อกหักมันจะมีเรื่องอะไรวะ"
"อยากแดกเฉย ๆ เว้ย"
"ใช่เปล่า" พีนายช่างประจำอู่ลุงใหญ่อีกคนเอ่ยแซวขึ้นมาทำให้นายช่างอีกสองคนขยั้นขยอให้เล่าถึงสาเหตุ "เมื่อกี้กูเห็นไอ้หนุ่มคนนึงเมื่อกี้กูเห็นไอ้หนุ่มคนนึงมารับไอ้น้องโต๊ดออกไปอะดิ"
"หล่อปะพี่"
"หล่อสัตว์!"
"เ...้ย! ยังไงครับเนี่ยพ่อยอดชาย น้องมีหนุ่มหล่อมารับด้วย"
"อะไรของมึงไอ้อั๋น"
"ก็เราน่ะหึงเขาหรือเปล่าล่าาา โอ๊ย!"
เสียงหัวเราะชอบใจของเหล่านายช่างดังไปทั่วทั้งร้านเมื่อเห็นนายช่างน้องเล็กถูกพี่ใหญ่ยันจนตกเก้าอี้ แต่แล้วเสียงหัวเราะก็พลันเงียบลงเมื่อ หมิว แม่ค้าสาวสวยของย่านนี้เดินเข้ามาในร้านพร้อมถุงอาหารอีสานที่พวกเขาโทรสั่ง
"ฉลองอะไรกันคะหนุ่ม ๆ ตั้งวงกันแต่หัววันเชียว"
"แล้วแม่ค้าคนสวยสนใจมาร่วมวงกับพี่ไหมล่ะครับ" อั๋นรีบลุกพรวดขึ้นมาเอ่ยแซวแม่ค้าคนสวย
"ก็อยากอยู่นะ แต่เจ้าของร้านเขาจะอนุญาตไหมนี่สิ" หญิงสาวพูดหยั่งเชิงพลางส่งสายตาเย้ายวนไปทางนายช่างหนุ่มหล่อคมเข้มเจ้าของร้าน
ยักษ์ไม่ตอบรับแถมลุกพรวดเดินเข้าไปในร้านเพื่อหยิบเงินมาจ่ายค่าอาหาร แต่ขณะเปิดลิ้นชักเก็บเงินเขาก็ถูกสวมกอดจากด้านหลัง แม้ว่าในหัวจะมึนงงด้วยฤทธิ์สุรา แต่ยักษ์ก็ยังมีสติมากพอ เขาหันขวับกลับมาเผชิญหน้ากับอดีตคนเคยคบ เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ย่ำยีหัวใจของเขา ทิ้งเขาไปกับคนอื่นเพียงเพราะเขาเป็นแค่ช่างจน ๆ คนนึงเมื่อตอนเรียนยังเรียนอยู่
"ยักษ์ เรากลับมาเริ่มกันใหม่ไม่ได้..."
เสียงออดอ้อนของหญิงสาวหายไปกลางอากาศเพราะถูกริมฝีปากหนาประกบจูบลงมาอย่างรุนแรงไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากหนาดูดดื่มซุกไซ้รุนแรงราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหายจนหญิงสาวไม่อาจอดกลั้นจึงเผยเสียงครวญครางสั่นกระเส่าออกมา แต่ไฟราคะที่พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุดกลับต้องสะดุดลงเมื่อเธอถูกอีกฝ่ายผละตัวออก แถมยังจับต้นแขนเธอเอาไว้แน่น
หญิงสาวแกะมือหนานั้นออก ส่งสายตายั่วยวนนายช่างหนุ่มอีกครั้งพร้อมทั้งวาดวงแขนเรียวบางโอบรั้งรอบท้ายทอยของยักษ์เอาไว้แน่น
"เรา...ไปต่อกันที่ห้องยักษ์ดีไหม"
"หึ!" ยักษ์หัวเราะหึในลำคอแล้วผลักหมิวให้พ้นตัวก่อนจะยัดธนาบัตรสีเทาใส่มือของเธอเป็นค่าอาหาร "ได้เงินก็ไปได้แล้ว"
"อะไรกันยักษ์ หมิวอุส่าห์..."
"ไป!"
เสียงตะหวาดไล่ดังลั่นร้านซ้อมรถทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัวก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปจากร้าน ทำเอาเหล่านายช่างที่นั่งก๊งเหล้ากันอยู่พากันตกใจไปด้วย
ให้หลังเหตุการณ์ที่เกือบจะเผลอสานสัมพันธ์กับคนที่เคยทิ้งตัวเองไป ยักษ์ก็รีบเดินออกจากร้านซ่อมรถไปทางหลังร้าน แล้วตรงไปยังหลังร้านของป้าลักษมี นายช่างหนุ่มถือวิสาสะใช้กุญแจสำรองไขกุญแจเปิดประตูเข้าไปในร้านจากด้านหลังเหมือนทุกที เขาปิดประตูลงกลอนแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาที่ประจำพร้อมยกแขนก่ายหน้าผากแล้วร้องไห้ออกมา
ดินเนอร์สุดหรูสไตล์ฝรั่งเศสที่คุณก้องจัดมาให้ทำเอาโต๊ดมีคงามสุขจนเผลอฉีกยิ้มตลอดมื้ออาหาร การได้ดื่มด่ำกับบรรกาศกรุงเทพยามค่ำคืนและรสชาติอาหารเป็นเลิศยิ่งทำให้โต๊ดรู้สึกดีกับคนตรงหน้า ยิ่งได้เห็นความใส่ใจที่คุณก้องคอยดูแลคอยถามไถ่ว่าชอบไม่ชอบอาหารจานไหนบ้างก็ยิ่งทำให้โต๊ดเผลอคิดไปไกลและชักเริ่มรู้สึกเข้าข้างตัวเองว่าคุณก้องก็มีใจให้เขา
"คุณก้องนี่ดูใส่ใจคนอื่นมากเลยนะครับ จู่ลี่เคยเล่าให้ฟังว่าคุณก้องชอบชวนพนักงานไปเลี้ยงบ่อย ๆ"
"ก็กินข้าวคนเดียวมันน่าเบื่อหนิครับ"
"แล้ว...แฟนคุณก้องล่ะครับ เขาไม่รอแย่เอาเหรอ"
"ผมโสดครับ"
"ฮะ! พูดจริงหรืออำ เฟอร์เฟคแมนอย่างคุณก้องเนี่ยนะครับ"
"คนอื่นเขาก็คงคิดเหมือนคุณโต๊ดละมั้งครับ ผมเลยยังโสดอยู่แบบเนี้ย แล้วคุณโต๊ดล่ะครับ ป่านนี้แฟนไม่ว่าเอาเหรอ"
โต๊ดได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะตอบไปว่า "เขาคงไม่ว่าอะไรผมแล้วล่ะครับ เรา...เลิกกันไปเกือบปีแล้ว"
"ขอโทษนะครับ ผมไม่น่าถามเลย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว"
"แบบนี้ก็แปลว่าคุณโต๊ด เอ่อ โสด ถูกต้องไหมครับ"
"ครับ" โต๊ดยกยิ้มรับแห้ง ๆ อีกครั้ง
"ผมยังไม่มีแฟน คุณโต๊ดก็เพิ่งโสด เหมือนพรหมลิขิตเลยนะครับ"
'เหมือนพรหมลิขิตเลยนะครับ'
ตึกตึก~
'เหมือนพรหมลิขิตเลยนะครับ'
ตึกตึก~
'นมัสเต ชคัทธาตฺริ สัทพรหมรูเป
นมัสเต หโรเปนทฺรธาตฺราทิวันทเย ฯ
นมัสเต ปรปันเนษฏะทาไนกทักเษ
นมัสเต มหาลักษฺมิ โกลาปุเรศิ ๚'
'พระแม่!'
'ขอบคุณค่ะพระแม่'