หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

แฟนดีดี I told Lakshmi Mata about him EP.1

เนื้อหาโดย กัลยลิขิต

กริ๊งงง~

เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นลั่นห้องนอนที่เงียบสงัดในช่วงเช้ามืดได้ปลุกให้เจ้าของห้องสะดุ้งตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พอคลำดูจนรู้ไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือของตัวเองโต๊ดก็พยายามผงกตัวขึ้นมามองหาต้นเสียงจึงพบว่าเป็นนาฬิกาปลุกของผู้ที่มาอาศัยห้องนอนพกมาด้วย ซึ่งกำลังแผดเสียงเตือนลั่นห้องในขณะที่เจ้าของของมันยังคงหลับไม่รู้เรื่องเพราะฤทธิ์สุรา ทำเอาเจ้าของห้องถึงกับอารมณ์เสียตั้งแต่เช้า

"ไอ้ยักษ์ นาฬิกา"

"อืม~"

"ไอ้ยักษ์ปิดนาฬิกากูจะนอน"

"อืม คร้าบบบ"

เสียงตอบรับยานครางแต่ไร้วี่แววว่าร่างมหึมาที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้าง ๆ จะเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกที่กำลังแผดเสียง ด้วยความโมโหที่ถูกรบกวนเวลานอนโต๊ดจึงออกแรงยันร่างมหึมาของไอ้ยักษ์เต็มแรงจนมันตกไปข้างที่นอน

"โอ๊ย! ไอ้โต๊ด มึงถีบกูทำไมเนี่ย"

"ไอ้เวร กูบอกให้ปิดนาฬิกา แล้วถ้ามึงจะไม่ตื่นมึงตั้งทำห่าอะไรตีสี่ตีห้า กูก็ต้องตื่นไปทำงานเหมือนกันนะเว้ย..."

ยักษ์นั่งนิ่งเมาขี้ตาฟังเจ้าของห้องบ่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิกาปลุกตามที่เจ้าของห้องด่าพลางยันตัวลุกขึ้นจากพื้นห้องด้วยท่าทางงัวเงีย เดินล่อนจ้อนไปคว้าเช็ดตัวมานุ่ง แกล้งตีมึนไม่สะทกสะท้านต่อเสียงก่นด่าของเจ้าของบ้านอีกคนที่กำลังเปลี่ยนจากเรื่องนาฬิกาปลุกมาด่าเรื่องที่เขาแก้ผ้าเดินกลางห้องนอน ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

ให้หลังไอ้คนหน้าไม่อายโต๊ดก็ทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว เพราะตัวเขาเองก็ต้องออกไปพบลูกค้าที่ร้านแต่เช้าเหมือนกัน

โต๊ด ภัค วิษณุปรียาคุปต์ เป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด ด้วยในวันเกิดของเขานั้นคุณแม่ของเขาได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าคุณพ่อของเขาที่เป็นทหารอยู่ชายแดนถูกคนร้ายลอบวางระเบิดเสียชีวิต คุณแม่ที่สะเทือนใจจึงคลอดก่อนกำหนดและเนื่องจากเสียเลือดมากจึงเสียชีวิตตามไปอีกคนในวันเดียวกัน ตั้งแต่คลอดจนโตขึ้นมาโต๊ดก็ได้ลุงใหญ่ ผู้เป็นลุงเขย และป้าลักษมี ผู้เป็นป้าแท้ ๆ เลี้ยงดูมา ด้วยความที่โตมากับลุงและป้าที่ต้องทำงานงก ๆ เพื่อใช้หนี้ก้อนโตที่ลุงไปกู้มาเปิดร้านให้ป้า โต๊ดจึงคอยช่วยป้าหยิบจับทุกอย่างเท่าที่จะทำได้มาตั้งแต่เด็ก แต่งานที่โต๊ดถนัดที่สุดคือการทำบัญชี การบริหารจัดการเงินและวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ในร้าน เลยทำให้โต๊ดมีความรักความชื่อชอบในการทำงานด้านการบริหาร และเพราะได้โต๊ดมาช่วยจัดการเรื่องต่าง ๆ ในร้านเลยทำให้หนี้ก้อนโตหมดลงในเวลาไม่กี่ปี ในช่วงมหาวิทยาโต๊ดก็ได้โควต้าเรียนดีของมหาวิทยาลัยชื่อดังในคณะบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ แถมโต๊ดยังโดนเพื่อนสนิทของลุงจองตัวตั้งแต่ยังไม่เป็นนักศึกษา พอจบมาโต๊ดก็ได้งานทำทันที ชนิดที่ทำงานวันแรกด้วยชุดนักศึกษาเลยทีเดียว แต่โต๊ดก็ทำงานอยู่ในบริษัทของเพื่อนลุงได้แค่สี่ปีกว่า ๆ ลุงใหญ่ก็เกิดอาการเจ็บป่วยด้วยติดโรคระบาดและเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมื่อสองปีที่แล้ว ส่วนป้าที่ทำใจไม่ได้เลยตัดสินใจไปบวชเพื่อหาความสงบให้ตัวเอง

และด้วยความที่โต๊ดโตมากับจักรเย็บผ้าของป้าเลยทำให้โต๊ดมีทักษะในการตัดเย็บติดตัวมาด้วย พอต้องมารับช่วงต่อจากป้าเมื่อสองปีที่แล้ว งานต่าง ๆ ในร้านที่ป้าทิ้งไว้จึงไม่สะดุด แถมโต๊ดยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้ร้านลักษมีบูติกเป็นที่รู้จักในวงกว้างด้วยโต๊ดมีคนรู้จักในสายงานธุรกิจเยอะ ทั้งเพื่อนพี่น้องในมหาวิทยาลัยและที่ทำงานเก่าพอรู้เข้าก็พากันมาออร์เดอร์ตัดชุดทำงานที่ร้านของเขา ด้วยสไตล์การออกแบบและตัดเย็บที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ชุดยูนิฟอร์มสำหรับพนักงานออฟฟิตที่เป็นทางการดูไม่แก่ ไม่อึดอัด ส่งเสริมบุคคลิกของผู้ใส่ดูดี ดูไฮแฟชั่นในขณะที่ยังมีความเป็นทางการอยู่ จากที่เคยเป็นร้านเล็ก ๆ มีแต่งานตัดชุดข้าราชการ ชุดผ้าไทยคุณครู ชุดนักเรียน เพราะการบอกกันปากต่อปากของลูกค้า เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เคยมาใช้บริการ ณ ตอนนี้แม้แต่ระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจการยังมาตัดชุดทำงานและชุดเข้างานสังคมในโอกาศต่าง ๆ ที่ร้านของเขาด้วยเช่นกัน

"ไอ้ยักษ์ข้าวเสร็จแล้วนะ"

"เออ! เดี๋ยวกูลงไป"

"มึงจะกินกาแฟไหม"

"ไม่เอา ๆ"

กิจวัตรประจำวันนอกจากจะมีงานมหาศาลที่ร้านที่ต้องรับผิดชอบ งานในบ้านโต๊ดก็ไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย เช่นเช้าวันนี้ที่พอตื่นมาตอนเจ็ดโมงเขาก็มุ่งตรงเข้าครัว หุงข้าว อุ่นแกงส้มที่ทำไว้เมื่อคืน พร้อมทอดไข่เจียวเตรียมไว้ให้ไอ้ยักษ์เจ้าของบ้านหลังนี้อีกคน ซึ่งจะเรียกลูกพี่ลูกน้องกันก็ไม่เชิง เพราะยักษ์เป็นลูกชายคนโตของน้องสาวของลุงใหญ่ ส่วนเขาเป็นหลานชายคนเดียวของน้องชายป้าลักษมี โต๊ดอยู่ในการอุปการะของลุงกับป้าก่อนลุงใหญ่จะพายักษ์มาเลี้ยงที่บ้านนี้ได้สองปี และด้วยวัยที่ไล่เลี่ยกันทั้งสองคนจึงเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่้ด็ก แต่เพราะลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน ช่วงชั้นที่เรียนก็ห่างกันสองระดับชั้น ทำให้ทั้งคู่มีเพื่อนฝูงสังคมในโรงเรียนเป็นของตัวเอง จึงไม่ค่อยสนิทกันแบบตอนที่มาอยู่ด้วยกันใหม่ ๆ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับตอนที่โต๊ดเริ่มมีลักษณะเบี่ยงเบนทางเพศเมื่อช่วงมัธยมต้น ตั้งแต่ตอนนั้นเขากับไอ้ยักษ์ก็กลายมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน คอยแกล้งกันอยู่เสมอ แต่ถึงแม้ว่าแทบจะตีกันตายแค่ไหน ทว่าเรื่องดูแลกันนั้นไม่เคยขาดหาย ยักษ์จะค่อยสอดส่องดูแลโต๊ดแทนลุงกับป้า แม้ว่าตอนมัธยมปลายเขาจะขอไปเรียนโรงเรียนอาชีวะ แต่ทุกเย็นหลังเลิกเรียนช่วงบ่ายยักษ์ก็จะมาคอยดักรับโต๊ดกลับบ้านทุกวัน เวลามีใครจะมาข่มเหงยักษ์ก็จะออกหน้ารับให้ ในขณะเดียวกันเรื่องการดูแลบ้านดูแลความเป็นอยู่ของยักษ์แทนลุงกับป้าโต๊ดก็ไม่เคยเกี่ยงงอน ด้วยถือว่าเป็นพี่ เป็นคนที่โตมาด้วยกัน

'แต่ฉันไม่นับถือมันหรอกนะ'

"อื้อหือ ไข่เจียวหอมจังเลยจ้ะเมียจ๋า"

"ไอ้ยักษ์!" โต๊ดรีบหันไปจ้องหน้าไอ้ที่สาระแนทำทีมาโอบกอดเขาจากด้านหลังราวกับว่าเขาเป็นเมียของมันด้วยความหมั่นไส้ "ไม่ถอยไม่ต้องแดกนะ"

"โอ้! จ้ะ ๆ ๆ ถอยแล้วจ้ะ"

พอยักษ์ปล่อยมือแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวโต๊ดก็ตักข้าวใส่จานแล้วโปะไข่เจียวหอม ๆ ลงไปแล้วเดินถือเอาไปวางให้ยักษ์ที่นั่งทำเป็นล้อเลียนเขาอยู่

"หนูจะไปกินข้าวกับพี่จริง ๆ เหรอจ้ะ"

"แดก ๆ ไป จะแปดโมงอยู่แล้ว"

"โธ่! น้องโต๊ด เย็นชากับพี่ยักษ์จังเลยอะ"

โต๊ดส่ายหน้าเอือมระอาเสียงของไอ้ยักษ์ที่ดังไล่หลังมา เพราะความซกมกของมันแท้ ๆ ที่ทำให้ปลวกขึ้นกองผ้าชื้น ๆ ที่มันกองไว้กับพื้นห้อง จนลามไปกินพื้นไม้ในห้อง มันเลยต้องขนเสื้อผ้ามานอนที่ห้องเขา แล้วตั้งแต่คืนแรกมันก็ติ๋งต่างว่าเป็นการเข้าหอของเขากับมัน แค่นึกโต๊ดก็อยากจะอาเจียนออกมา จริงอยู่ที่ไอ้ยักษ์เป็นผู้ชายที่หล่อ ดูดี มังกรใหญ่สมกับเกิดปีมะโรง ใครก็ใคร่ได้เป็นพ่อพันธุ์ แต่ไม่ใช่กับเขาล่ะคนนึง ด้วยรู้เช่นเห็นสันดานกันมาตั้งเด็ก ทั้งห่ามทั้งเถื่อน แถมยังซกมกจนปลวกขึ้นห้องอีก และยิ่งนึกถึงเรื่องที่โตมาด้วยกัน ถึงจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็เถอะ แต่มันก็รู้สะอิดสะเอียนอยู่ดีถ้าเกิดเขากับมันกินกันเอง

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวโต๊ดก็รีบลงมาจัดการเก็บกวาดในครัวพร้อมทั้งห่อมื้อเช้าไปกินที่ร้าน เพราะขืนถ้ากินตอนนี้คงไม่ทันเวลาเปิดร้านแน่ ๆ แถมไอ้ยักษ์ก็บีบแตรเร่งเขายิก ๆ มาสักพักใหญ่

"เออ! กูออกมาแล้ว มึงจะบีบหาสวรรค์วิมานอะไรนักหนา"

ชายหนุ่มพอได้ยินเสียงโวยวายมาจากในบ้านก็ยกยิ้มชอบใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย มองดูร่างผอมบางที่่เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังรีบเดินมาซ้อนท้ายพลางหยิบหัวนิรภัยไปสวมอย่างไม่สบอารมณ์ก็ยกยิ้มหัวเราะสะใจขึ้นมาอีกรอบ

"เกาะพี่แน่น ๆ นะน้อง"

"มึงบอกให้กูเกาะแน่น ๆ แล้วมึงดูมือกูดิ๊ อ้าวเฮ้ย!"

ยังไม่ทันขาดคำรถมอเตอร์ฮาเลย์ก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างแรง โต๊ดก็รีบคว้ากอดเอวของยักษ์เอาไว้แทบไม่ทัน ทำให้ถุงข้าวไข่เจียวกับแกงส้มที่ยังไม่ทันได้เก็บใส่กระเป๋า ตกไปอยู่บนเป้ากางเกงตรงหว่างขาของยักษ์พอดี

"ไอ้โต๊ดไข่กู"

"ฮะ! อะไรนะ! กูไม่ได้ยิน"

"ถุงแกงส้มมึงอะมันลวกไข่กู"

"ฮะ! มึงอยากกินไข่ลวก แดกเยอะจังนะมึง"

"กูบอกว่าถุงแกงส้มมึงมันลวกไข่กู"

โต๊ดยกยิ้มอย่างผู้ชนะ จริง ๆ หูเขาไม่ได้ปะทะลมจนไม่ได้ยินแต่อย่างใด แค่ตัวไอ้ยักษ์ตรงหน้าก็บังลมหมดแล้ว แต่เขาแค่โชคดีที่ได้จังหวะเอาคืนไอ้ยักษ์มันอย่างทันควันเลยแกล้งทำเป็นหูทวนลมไม่ได่ยินที่ไอ้ยักษ์มันพูด

'หึ! กรรมใดมึงก่อ กูจะสนองมึงให้แล้วกันไอ้ยักษ์'

พอเห็นว่าโต๊ดไม่ยอมตอบสนองแถมยังไม่ได้ยินสิ่งที่ตัวเองพูด หรือได้ยินแต่มันแกล้งก็ไม่รู้ ทางเลือกเดียวที่มีในตอนนี้คือต้องรีบไปให้ถึงร้านให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นลูก ๆ ตัวน้อยนับล้านชีวิตของเขาคงสุกตายก่อนพุ่งออกมาดูโลกคืนนี้แน่ ๆ พอคิดได้ยักษ์รีบเร่งความเร็วเครื่องยนต์จนสุด ทำให้โต๊ดยิ่งกอดเขาแน่น ถุงกับข้าวของโต๊ดก็ยิ่งแนบชิดกับเป้ากางเกงเข้าไปกันใหญ่ ทำเอายักษ์ถึงกับกันฟันขบกรามแน่น ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าร้านตัดชุดของป้าที่อยู่ข้าง ๆ อู่ซ่อมรถได้ทันเวลาพอดิบพอดี

"รีบลงไปได้แล้วมึงอะ อู้ย~ ไข่กู"

'หึ! สูญพันธ์แน่มึง'

โต๊ดแขนวหมกกันน็อกไว้ที่แฮนมอเตอร์ไซค์พลางยกยิ้มอย่างผู้ชนะที่เห็นยักษ์ใช้มือพัดโบกตรงเป้ากางเกงร้องโอดครวญซี๊ดปากเพราะแสบร้อนที่หว่างขาก่อนจะเดินเข้าร้านของตัวเองไปด้วยความสะใจ
เข้ามาในร้านโต๊ดก็รีบตรงเข้าไปยังครัวหลังร้านจัดการเทมื้อเช้าใส่ถ้วยชานแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อยฉลองชัยชนะที่ล้มไอ้ยักษ์ได้ตั้งแต่เช้า ก่อนที่จะรีบจัดการตัวเองเพื่อรีบมาทำความสะอาดและจัดการธุระต่าง ๆ ก่อนจะเปิดร้าน ยิ่งวันนี้เขามีนัดกับลูกค้าคนสำคัญที่เพื่อนสนิทของเขาแนะนำมาให้ โต๊ดเลยยิ่งต้องเร่งมือกว่าทุกที


นะโม'สตุ นาลีกะนิภานะนาไย

นะโม'สตุ ทุคโธทะธิชันมะภูมไย ฯ

นะโม'สตุ โสมามฤตะโสทะราไย

นะโม'สตุ นารายะณะวัลละภาไย ๚

นะโม'สตุ เทวไย ภฤคุนันทะนาไย

นะโม'สตุ วิษโณรุระสิ สถิตาไย ฯ

นะโม'สตุ ลักษฺมฺไย กะมะลาละยาไย

นะโม'สตุ ทาโมทะระวัลละภาไย๚

อาทิลักษมิ นะมัสเตสตุ ปะระพรัหมัสวะรูปิณิ ฯ

ยะโศเทหิ ธะนันเทหิ สรรวะกามานศฺจะเทหิเม ๚


หลังจากที่เปลี่ยนน้ำ ถวายพวงมาลัยดอกไม้บูชาพระพุทธรูปเพื่อนความเป็นสิริมงคล โต๊ดก็ไม่ลืมที่จะถวายขนมหวาน พวงมาลัยดอกไม้ และที่ขาดไม่ได้เลยคือปัญจอมฤตอันได้แก่ น้ำสะอาด น้ำนม น้ำผึ้ง ฆีร์หรือเนยใส และโยเกิร์ต บูชาแด่เทวีลักษมี เพื่อขอให้พระเทวีบันดานเรื่องการงานการเงินให้ประสบผลสำเร็จราบรื่น และหลังจากที่ทำพิธีอารตีโต๊ดก็ไม่ลืมที่จะอ้อนวอนของเรื่องความรักอย่างทุก ๆ ที

"ลูกแต่พระอาทิลักษมี พระปรพรัหมัสวรูปิณี เทวีผู้มีรูปปรากฏแห่งปรพรัหมัน ขอความนอบน้อมจงมีแด่ท่านเถิด ขอท่านจงประทานซึ่งยศ ธนะ และสิ่งที่ปรารถนาทั้งหลายทั้งปวงแก่ลูกเถิด
ขอให้ลูกพบเจอความรักที่ดี คนรักที่จริงใจ..."

"โลภจังลูก"

โต๊ดตวัดหางตาไปมองไอ้ยักษ์ที่เพิ่งเดินออกมาจากหลังร้านแล้วเดินผ่านเขาไปนั่งที่โซฟา มันมาขโมยกินน้ำอัดลมของเขาแท้ ๆ แต่มันก็ยังจะไม่วายที่จะมาปากดีถากถางเขาอีก

"กูเห็นมึงขอแบบนี้ทุกวันไม่เห็นมึงจะได้เลย"

"ไอ้ยักษ์!" โต๊ดหันขวับพร้อมปาพวงมาลัยของเก่าไปใส่ไอ้ยักษ์ปากหมาที่นั่งเอกขเนกจิบน้ำอัดลมสบายใจอยู่บนโซฟาร้าน "มึงไม่เชื่อมึงก็หุบปากไป เสียพิธีหมด"

"ไม่ใช่ไม่เชื่อ กูก็เห็นอยู่ว่าหน้าที่การงานมึงดีเอา ๆ รายได้มาทีเหยียบ ๆ ล้านทุกที แต่ไอ้เรื่องความรักอะ กูไม่เห็นว่ามึงจะได้อย่างที่ขอเลย หรือเขาไม่รับคำขอมึงวะ พระแม่ has cancel your order งี้เปล่า"

"ด...เดี๋ยวมันก็ได้เองนั่นแหละ มึงนี่ปาก...จริง ๆ เลยนะ"

"มันก็ว่าไม่ได้นะเว้ยไอ้โต๊ด กูเห็นหน้าที่การงานมึงดีเอา ๆ สวนทางกับความรักที่มึงขอฉิบหาย กูว่านะ ถ้ามึงไม่ขอมากไป มึงก็อาจจะไม่มีดวงความรักก็ได้นะเว้ย มึงอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นโสดแต่หน้าที่การงานรุ่งเรืองก็ได้ หรือเนื้อคู่มึงยังใช้กรรมไม่หมดเลยยังไม่มาเกิด หรือไม่ก็อาจจะเจอแล้วแต่ดวงมึงไม่มีไง มึงเลยไม่เห็น กูเห็นพวกลูกค้าสาว ๆ กูเขาพูดกันแบบนี้บ่อย ๆ"

ถึงจะรู้สึกขัดใจกับคำพูดของยักษ์อยู่ไม่น้อย แต่โต๊ดกลับอดที่จะคิดตามไม่ได้ เพราะตั้งแต่วันที่เขาอกหักเพราะถูกแฟนคนล่าสุดนอกใจแล้วเพื่อน ๆ แนะนำให้เขาบูชาพระแม่ลักษมีเพื่อขอความรัก นี่มันก็ผ่านมาร่วมครึ่งปีแล้ว เขาขอเรื่องหน้าที่การงานการเงิน ก็ได้อย่างที่ขอทุกอย่าง ได้งานมาแต่ละทีก็เหยียบล้านทุกครั้งอย่างที่ไอ้ยักษ์ว่า แต่กลับเรื่องความรัก กลับหายเข้ากลีบเมฆ คนที่ทักแชทเข้ามาคุยก็มีบ้างประปราย แต่สุดท้ายคุยไม่กี่วันก็หายหมด หรือว่าเขาจะไม่มีดวงในเรื่องความรักอย่างที่ไอ้ยักษ์ว่าจริง ๆ

'พระแม่! ถ้าลูกยังพอมีบุญเรื่องคู่ครองกับเขาอยู่บ้าง หรือถ้าเจอแต่มองไม่เห็น ขอพระแม่โปรดชี้นำให้ลูกด้วยเทิด'

กริ๊ง~

โต๊ดสะดุ้งตัวโยนหลุดจากภวังค์หันขวับไปทางประตูร้านตามเสียงกระดิ่งประตูก็เห็นหลังไอ้ยักษ์เพิ่งเดินออกไปไว ๆ สวนทางกับชายหนุ่มหน้าตาดี รูปร่างผิวพรรณหล่อสะอาด ท่าทางน่าจะเป็นพนักงานอ๊อฟฟิตเพราะแต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดรองเท้าหนังที่ขัดเงาวับ หุ่นทรงก็พอ ๆ กับไอ้ยักษ์ ทั้งส่วนสูง รูปร่าง แม้จะใส่สูทแต่ก็พอจะดูออกว่ามีกล้าม แต่ที่เหนือกว่าคือเครื่องหน้าตาและการแต่งตัวที่ดีกว่าไอ้ยักษ์ราวกับมาจากคนละโลก

'พ...พระแม่ แบบนี้ แบบนี้เลยเจ้าค่ะพระแม่'

"เอ่อ! ขอโทษนะครับ ผมมาหาคุณภัค"

ความหล่อเหลาระดับทำลายล้างจักรวาลทำเอาโต๊ดถึงกับยืนจังงังจ้องมองไม่วางตาราวกับถูกสะกด พอถูกทักเขาเลยสะดุ้งโหยงทำตัวไม่ถูกด้วยความเขินอาย

"ค...ครับ เอ่อ ร้านลักษมีบูติกยินดีให้บริการค่ะ อ...เอ๊ย! ค...ครับ"

"ผมพิรัชต์ที่คุณทองปานนัดให้มาวันนี้ครับ"

'ฉิบหาย!' โต๊ดสะดุ้งตาเหลือกเมื่อได้ยินชื่อ 'คุณพิรัชต์ เจ้านายที่บริษัทอีจูลี่นี่หว่า'

"อ...เอ่อ ข...ขอโทษครับ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ ผมไม่ทราบว่าเป็นคุณพิรัชต์จะมาก่อนเวลาเลยไม่ได้รอต้อนรับเลย"

"ไม่เป็นไรครับ ผมผิดเองที่มาเร็วไป พอดีวันนี้ผมจะไปงานที่อื่นไม่เข้าบริษัทเลยแวะมาที่นี่เร็วเอง ต้องขอโทษคุณ เอ่อ... ภัค?!"
"ค...ครับ ผมโต๊ด เอ๊ย! ภัคครับ"

"ผมเรียกคุณโต๊ดก็ได้ครับ" ชายหนุ่มยกยิ้มให้กับท่าทางเด๋อ ๆ ด๋า ๆ แต่ก็ดูน่ารักชอบกล "เห็นคุณทองปานแนะนำมาว่าคุณโต๊ดฝีมือดีมาก ตัดเย็บเร็วมาก ชุดที่ตัดออกมาก็ใส่สบาย คนดัง ๆ เลยมารอคิวกันเพียบ ถ้ายังไงวันนี้ผมต้องรบกวนคุณโต๊ดด้วยนะครับ"

"ด...ได้ครับ ได้เลยครับ ด้วยความยินดีเลยครับ ยังไงก็เชิญคุณพิรัชต์นั่งรอสักครู่ก่อนนะครับเดี๋ยวผมไปเอาแบบผ้ามาให้ดู"

โต๊ดผงกหัวขอตัวแล้วรีบยกเอาถาดของบูชาเข้าไปเก็บด้านหลังร้านพร้อมกับรินน้ำชงกาแฟมารับลูกค้าคนสำคัญ ก่อนที่จะรีบไปหอบแบบผ้ามาให้คุณพิรัชต์ดู

พอเริ่มทำงานโต๊ดก็เข้าสู่โหมดจริงจัง โต๊ดเก็บข้อมูลของคุณพิรัชต์อย่างละเอียดทั้งเรื่องรูปร่างหน้าตา สีผิว ทุกอย่างมันส่งผลกับการตัดชุดทั้งสิ้น เพราะคุณพิรัชต์พึ่งจะขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารคนใหม่ เลยจำเป็นต้องดัดชุดเอาไว้ใสเป็นหน้าเป็นตาให้กับบริษัท และชุดที่คุณพิรัชต์จะมาตัดนั้นก็ไม่ใช่แค่ชุดใส่ทำงานอย่างเดียว แต่ยังมีชุดที่จะใส่ไปออกงานสังคมสำคัญ ๆ อีกหลายงาน โต๊ดเลยยิ่งต้องเก็บข้อมูลละเอียดกว่าชุดใส่ทำงานปกติ

"ผมพึ่งมารับตำแหน่งผู้บริหารต่อจากคุณพ่อ ท่านเจ้าระเบียบมาก แต่ผมไม่ชอบลุคการบริหารด้วยการใช้อำนาจข่มลูกน้องให้กลัว ผมไม่อยากให้ลูกน้องรู้สึกกลัวหรือกดดัน ผมอยากให้พวกเขากล้าเข้าหาผม มีอะไรก็กล้าพูดคุยนำเสนอ ผมเลยอยากได้ชุดใส่ไปทำงานที่มันดูสบาย ๆ จอย ๆ กับทุกคน"

"อื้ม ผิวคุณพิรัชต์..."

"ผมก้องครับ"

"ฮ...ฮะ?!"

"ผมชื่อก้อง เรียกผมก้องก็ได้"

"ค...ครับ คุณก้อง" โต๊ดสูดหายใจเข้าควบคุมสติให้อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะงานตรงหน้านั้นสำคัญกว่าความรู้สึกเขินอาย "ผิวคุณก้องค่อนข้างดีเลยนะครับ ใส่กับสีไหนก็ขึ้นอยู่แล้ว เรื่องสีที่จะทำให้ดูหมองดูแก่นี่ไม่ต้องกังวลเลย ถ้าคุณก้องอยากให้ลุคดูสบาย ๆ จอย ๆ แต่ก็ยังคงความกระฉับกระเฉง ดูเป็นหัวหน้าเป็นผู้บริหาร ผมแนะนำให้ตัดชุดแบบพอดีตัว ส่วนสีก็ใช้สีที่สดใสหน่อย แต่ก็ยังดูเป็นทางการ อย่างสีแดงเลือดหมู สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำเงินเข้ม สีพวกเนี้ยมันจะทำให้ผิวคุณก้องยิ่งดูสว่าง ชุดที่มีสีสรรมันจะทำให้ดูเป็นคนสบาย ๆ เข้าหาได้ แต่ก็ยังคงความสุภาพไปในตัว หรืออย่างชุดสีดำจริง ๆ ก็ทำให้ดูสบาย ๆ ได้เหมือนกันนะครับ อย่างเล่นสีเล่นลายเนกไท ใช้กระดุมคริสตัล ติดเข็มกลัดแฟชั่นให้มันเหลือบ ๆ แวววับ มันจะได้ไม่ทื่อ"

"ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย แต่ถ้าคุณโต๊ดคิดว่ามันเข้ากับผม ผมก็เชื่อใจคุณโต๊ดครับ"

'แต่ถ้าคุณโต๊ดคิดว่ามันเข้ากับผม ผมก็เชื่อใจคุณโต๊ดครับ'

'ผมก็เชื่อใจคุณโต๊ดครับ'

คำว่าเชื่อใจจากปากคุณก้องทำเอาโต๊ดถึงกับเสียอาการ ทำตัวไม่ถูก จนต้องรีบข่มความรู้สึกแสร้งทำยกยิ้มผงกหัวรับด้วยความสุภาพ และเพื่อไม่ให้ความคิดของตัวเองเตลิดไปไกลกว่านี้โต๊ดก็รีบเปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องชุดที่คุณก้องจะตัดเพื่อใส่ไปงานต่าง ๆ ต่อ ระหว่างที่คุยโต๊ดก็ดีไซน์ชุดตัวอย่างในแท็ปเล็ตแบรนด์ดังให้คุณก้องดูคร่าว ๆ ไปพลาง พูดคุยสอบถามเรื่องความชอบความต้องการไปพลาง แล้วปรับแก้ให้จนเป็นที่พอใจ

"ถ้าคุณก้องโอเคกับแบบแล้วเดี๋ยวเราวัดตัวกันเลยดีไหมครับ"

"ได้ครับ"

"งั้นเดี๋ยวคุณก้องถอดเสื้อแล้วยืนรอสักครู่นะครับ ผมขอเขียนรายละเอียดแป๊บนึง"

ชายหนุ่มพยักหน้ารับลุกขึ้นยืนแล้วถอดเสื้อสูทตัวนอกออก แต่เขากลับไม่ถอดแค่เพียงเสื้อสูทตัวนอกเท่านั้นแต่ทำท่าจะถอดเสื้อเชิ้ตตัวในออกด้วย
"คุณก้องสูง เฮ้ย!" โต๊ดถึงกับร้องตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นคุณก้องกำลังดึงชายเสื้อเชิ้ตออกจากกางเกงและกำลังปลดกระดุมจนเห็นแผงอกที่มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งเป็นมัด ๆ "เอ่อ ผมขอโทษทีครับผมพูดไม่เคลียร์เอง ถอดแค่สูทออกก็ได้ครับ ไม่ต้องถอดเสื้อออกก็ได้"
"อ้าว เหรอครับ แต่ไหน ๆ ผมก็ถอดขนาดนี้แล้วผมถอดออกเลยดีกว่า" ก้องไม่รอช้ารีบปลดกระดุมเสื้อของตัวเองจนหมดแผงแล้วถอดเสื้อเชิ้ตออกเผยให้ร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ร่มผ้า "วัดแบบนี้คุณโต๊ดจะได้รู้ขนาดตัวจริง ๆ ของผมไปเลย ดีไหมครับ"

ราวกับถูกสะกด สมองมันขาวโพลน โต๊ดพยักหน้ารับโดยไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร เพราะในหัวตอนนี้เขากำลังอ้อนวอนพระแม่ลักษมีว่าอยากจะได้คุณก้องมาเป็นแฟน ผู้ชายอะไร หน้าตาดี หนุ่นดี ชาติตระกูลดี เพอร์เฟคตามสเปกที่โต๊ดวาดฝันเอาไว้ เรียกได้ว่าคุณก้องคือผู้ชายในฝันที่โต๊ดเฝ้าตามหามาตลอด และตอนนี้ผู้ชายในฝันก็มายืนเปลือยท่อนบนต่อหน้าเขาแล้ว จะไม่ให้เว้าวอนพระแม่ได้ยังไงล่ะ

"คุณโต๊ดครับ"

"ด...ดี ดีมากครับ"

"คุณโต๊ดครับ!"

"ฮ...ฮะ! ว...ว่าไงนะครับ"

"คุณโต๊ดเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ดูเหม่อ ๆ หรือว่าหุ่นผมมันตัดชุดยาก"
"อ๋อ ป...เปล่าครับ หุ่นคุณก้องดีมากครับ เอ่อ พ...พอดีผมกำลังมองคำนวนจากสัดส่วนน่ะครับ เอ่อ แต่มองอย่างเดียวมันคงไม่รู้ขนาดจริง ๆ ง...งั้นผมขออนุญาตวัดตัวนะครับ"

"อ๋อครับ เชิญได้เลยครับ"

โต๊ดสะบัดหัวไล่ความฟุ้งซ่านออกไปจากหัวแล้วลุกมาวัดสัดส่วนของคุณก้องอย่างจริงจัง ถึงจะรู้สึกเขินอาย ถึงอยากได้มาครอบครองมากขนาดไหน แต่งานก็สำคัญกว่า พอได้จับดินสอและสายวัดเขาก็ไม่หลุดโฟกัสแม้แต่วินาทีเดียว โต๊ดวัดขนาดไหล่บ่า หน้าอก ลำตัว ความยาวแขน เอว สะโพก รอบขา ความยาวของขา แล้วจดบันทึกลงสมุดอย่างลวดเร็วด้วยความเป็นมืออาชีพ ไม่มีหลุดความเขินอายหรือความปราถนาที่อยากจะพลีกายให้ชายหนุ่มตรงหน้าออกมาแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าในใจนั้นวี๊ดว๊ายชื่นชมรูปสมบูรณ์เพอร์เฟคราวกับรูปปั้นสมเป็นชายชาตรีของคุณก้องไปเรียบร้อยแล้ว

พอวัดตัวเสร็จโต๊ดก็รีบจัดการช่วยคุณก้องแต่งตัวกลับไปเหมือนเดิม ตอนที่ติดกระดุมให้โต๊ดก็เอาแต่หลบตาคุณก้องก้มหน้ามองซิกแพคเป็นลูก ๆ ที่กำลังกลับไปอยู่ใต้ร่มผ้าดังเดิม

"คุณโต๊ดทำให้ผมนึกถึงคุณแม่ของผมเลยนะครับ"

โต๊ดรีบเงยหน้าขึ้นมองฉับไว พอเงยขึ้นมาก็เห็นคุณก้องกำลังมองเขาอยู่ แถมสายตาก็ดูเป็นประกายแปลก ๆ

"ค...ครับ!?"

"ผมบอกว่าคุณโต๊ดทำให้ผมนึกถึงคุณแม่ของผม ครอบครัวท่านทำธุรกิจโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ท่านเองก็เป็นดีไซน์เนอร์แบบคุณโต๊ดนี่แหละครับ ท่านชอบตัดเสื้อผ้ามาก ท่านตัดชุดให้ผมใส่ตั้งแต่เด็ก ๆ เสื้อผ้าคุณพ่อทุกชุดคุณแม่ก็เป็นคนตัดให้"

โต๊ดแต่งตัวให้คุณก้องไปหูก็ฟังเรื่องราวของคุณแม่คุณก้องไป จนทำให้เขาเผลอตัวยกยิ้มออกมาตั้งแต่ตอนก็ไม่รู้

"แต่เสียดายนะครับ"

"ทำไมเหรอครับ" โต๊ดถามขึ้นในขณะที่กำลังเอื้อมผูกเนคไท

"ท่านไม่ค่อยแข็งแรงแล้วครับ ตาท่านไม่ดี เลยตัดชุดให้ผมไม่ได้แล้ว แต่มันก็ดีอย่างนึงนะครับ"

"ทำไมถึงว่าดีล่ะครับ"

มือหนาเอื้อมมาจับมือของโต๊ดที่กำลังผู้กปมเนคไทให้ ชายหนุ่มตรงหน้ามองเขาด้วยสายจริงจัง

"ก็มันทำให้ผมได้มาเจอกับคุณโต๊ดไงครับ"

'ก็มันทำให้ผมได้มาเจอกับคุณโต๊ดไงครับ'

 

'ก็มันทำให้ผมได้มาเจอกับคุณโต๊ดไงครับ'


คำพูดของคุณก้องทำให้โต๊ดถึงกับชะงักกึกราวกับโลกหยุดหมุน เวลาหยุดเดิน หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ตัวมันลอย ๆ หูมันอื้ออึงแต่คำพูดของคุณก้องเต็มไปหมด

"ถ้าคุณโต๊ดไม่รังเกียจผม...เรามาทำความรู้จักกันได้ไหมครับ"

"ค...คุณก้อง พ...พูดเกินไปแล้วครับ"

"หึ! แล้วได้ไหมครับ"

"ด...ได้ ได้ครับ ได้เลย"

ก้องยกยิ้มแล้วปล่อยมือให้โต๊ดผูกเนคไทให้เขาต่อ

หลังจากคุยธุระเรื่องตัดชุดเสร็จโต๊ดก็เดินออกมาส่งคุณก้องถึงที่รถด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋สู้กับแสงอาทิตย์ในตอนสาย

"ผมต้องฝากตัวกับคุณโต๊ดด้วยนะครับ"

"ยินดีเลยครับ ถ้าคุณก้องมีอะไรจะเพิ่มเติมติดต่อมาตลอดเวลาเลยนะครับ ถ้าผมไม่สะดวกรับสายเดี๋ยวจะมีลูกน้องผมรับเรื่องไว้แทน"

"พอดีช่วงนี้ผมยุ่ง ๆ อาจจะไม่สะดวกโทรน่ะครับ แล้วผมก็ไม่ค่อยอยากให้คนอื่นรู้เรื่องส่วนตัวด้วยสิ ถ้ายังไงผมขอไลน์คุณโต๊ดไว้ได้ไหม จะได้คุยกันส่วนตัวหน่อย"

โต๊ดถึงกับชะงักไปอีกรอบ เขาทำตัวแทบไม่ถูก แต่ก็พยายามรวบรวมสติเพื่อไม่ให้หลุดมาดมืออาชีพ

"ด...ได้ครับ โต๊ดเต็ง T - O - D..."

"เอ่อ! ผมพิมพ์ไม่ถูกอะ ยังไงคุณโต๊ดพิมพ์ให้ผมหน่อยได้ไหมครับ"

โต๊ดมองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าสลับกับโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังที่เจ้าตัวเป็นคนส่งมาให้ แถมเปิดหน้าเพิ่มเพื่อนในไลน์ให้เสร็จสรรพเรียบร้อย โต๊ดก็ไม่รอช้ารับโทรศัทพ์มือถือแบรนด์ดังมาแล้วพิมพ์ไอดีไลน์ลงไปด้วยความตื่นเต้น เพราะน้อยครั้งนักที่จะมีคนอื่นเป็นฝ่ายมาขอไลน์เขาก่อนแบบนี้

"เพิ่มเพื่อนเรียบร้อยแล้วนะครับ" โต๊ดพูดพลางยื่นโทรศัพท์มือถือแบรนด์ดังส่งคืนเจ้าของ "ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมคุณก้องติดต่อมาได้เลยนะครับ"

"โอเคครับ ถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ"

โต๊ดยกยิ้มยืนส่งคุณก้องอยู่ตรงลานจอดรถหน้าร้าน แต่หลังจากคุณก้องขึ้นรถไปไม่นานโทรศัพท์มือถือของเขาก็มีเสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังขึ้นมา โต๊ดรีบพลิกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดูปรากฎว่าคนที่ส่งไลน์มาเขานั้นคือคุณก้อง

Kong_Pirat

[เย็นนี้คุณโต๊ดสะดวกไหมครับ]

[ผมขอเพิ่มเติม]

[เป็นเพื่อนทานข้าวสักมื้อ]

[เพื่อนผมเปิดร้านใหม่วันแรก]

(โลเคชั่นโรงแรมชื่อดังใจกลางกรุงเทพ)

โต๊ดดีใจจนแทบจะทำตัวไม่ถูกพอรวบรวมสติได้เขาก็รีบพิมพ์ตอบไปทันที
TodTang_9999

[ยินดีครับ]

[สะดวกครับ]

Kong_Pirat
[โอเคครับ]

[เย็นนี้ผมจะมารับที่ร้านนะครับ]


TodTang_9999
[โอเคครับ]


โต๊ดยืนยิ้มดีใจอยู่ตรงลานจอดรถจนรถหรูแบรนด์ดังขับออกไปพ้นหน้าร้านโต๊ดก็แถบจะกระโดดโลดเต้นกลับเข้ามาข้างใน สิ่งแรกที่เขานึกถึงในตอนนี้คือพระแม่ลักษมี พอกลับเข้ามาถึงในร้านโต๊ดรีบปรี่เข้าไปนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นตรงหน้าท่าน โต๊ดก้มกราบปลก ๆ ด้วยความดีใจ

"ลูกแต่พระอาทิลักษมี พระปรพรัหมัสวรูปิณี เทวีผู้มีรูปปรากฏแห่งปรพรัหมัน ลูกขอสรรเสริญพระองค์เป็นล้าน ๆ ครั้ง"

"ว่าอะไรล่ะลูก"

จากที่ดีใจจนเนื้อเต้นโต๊ดก็ถึงกับชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยของไอ้คนปากเสียเอ่ยแซว พอหันหลังกลับไปมองโต๊ดก็ถึงกับดีดตัวลุกพรวดจากพื้น เพราะไอ้ยักษ์ที่เนื้อตัวเปาะเปื้อน แถมรองเท้ามันก็เปื้อนกำลังยืนแซวเขาอยู่ในร้าน

"โอ๊ย! ไอ้ยักษ์! รองเท้ามึง... แล้วนี่มึงเข้ามาทำไมเนี่ย"

"น้ำที่ร้านมันไม่ไหล กูจะมาขอล้างเนื้อล้างตัวหน่อย"

โต๊ดมองไอ้นายช่างใหญ่ด้วยความหงุดหงิดขั้นสุดจนอยากจะปรี่เข้าไปทึ้งหัวมันให้รู้แล้วรู้รอด

"เวลามึงเข้ามาขโมยน้ำกินมึงเสือกเข้าประตูหลังได้ ทีอย่างงี้มึงเสือกมาเข้าประตูหน้า อะไรของมึงเนี่ยไอ้ยักษ์"

"ทำไม มึงชอบให้กูเข้าประตูหลังเหรอ"

"ไอ้ยักษ์!" โต๊ดจ้องตาไอ้ยักษ์เขม็งก่อนที่ถูกแทนทีด้วยความรู้สึกระเหี่ยใจ "นี่กูถามจริงเหอะ มึงไม่แกล้งกู ไม่กวนตีนกูสักนาทีมึงจะตายไหมฮะ"

"ก็ไม่นะ"

"เออ งั้นก็ช่วยสงบศึกให้กูหน่อยเหอะ แค่งานกูก็เหนื่อยจะแย่"

"กูขอโทษแล้วกัน พื้นเนี่ย เดี๋ยวกูล้างตัวเสร็จเดี๋ยวกูออกมาถูกให้"

"ไม่ต้องอะ มึงรีบไปอาบน้ำล้างตัวเลยไป เดี๋ยวลูกค้ารอนาน"

"คร้าบบบ แม่"

โต๊ดเท้าสะเอวมองไอ้ยักษ์ที่เดินสบายอารมณ์ผ่านเขาไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดขั้นสุด

หลังจากที่ถูกพื้นหน้าร้านเสร็จโต๊ดก็หอบถังน้ำและไม้ถูเอาไปเก็บที่หลังร้าน ดีว่าเช้านี้ยังไม่มีลูกค้ามาเพิ่ม และพนักงานในร้านก็มาถึงร้านพอดี เลยไม่ต้องกังวลเรื่องความสะอาดของหน้าร้าน

พอเขาจัดการซักไม้ถูพื้นเสร็จก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้ยักษ์เดินออกมาจากน้องน้ำ มันก็เป็นปกติที่โต๊ดจะเห็นไอ้ยักษ์ เปลือยเปล่าท่อนบนนุ่งแต่ผ้าขนหนูผืนเดียวระหว่างนั่งรอซักและอบแห้งชุดช่างของมัน แต่วันนี้โต๊ดถึงกับต้องรีบปรี่เข้าไปหาเมื่อเห็นว่างหางคิ้วของยักษ์มีรอยแตก แล้วเพิ่งแตกใหม่ ๆ เสียด้วย เนื้อยังแดง ๆ อยู่เลย

"ไอ้ยักษ์มึงไปทำอะไรมา ทำไมคิ้วมึงแตกแบบนั้นอะ"

"ไม่รู้ว่ะ เมื่อกี้กูซ่อมรถอยู่ดี ๆ ไม่รู้อะไรมันลอยมากระแทกหน้ากูเนี่ย"

โต๊ดถึงกับชะงัก พอมานิ่งคิดดูดดี ๆ ปกติถ้าไอ้ยักษ์จะเข้าร้านเขามันจะแอบเข้ามาทางประตูหลังอยู่แล้ว มันจะไม่เข้าประตูหน้าถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริง ๆ สงสัยเมื่อกี้มันคงจะมาบอกให้เขาทำแผลให้ แต่เขาดันไปโวยวายใส่มันเสียก่อน แล้วคราบต่าง ๆ ที่เปอะเปื้อนใบหน้ามันก็ทำให้เขามองไม่เห็นแผลที่หางคิ้วของไอ้ยักษ์ด้วย

โต๊ดถอนหายใจด้วยความรู้สึกผิดเดินไปล้างมือหยิบกล่องอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลไอ้ยักษ์ที่นั่งนิ่งด้วยรู้งาน โต๊ดค่อย ๆ เทน้ำเกลือล้างลงไปบนแผล ถึงแผลจะไม่ได้ใหญ่มากแต่แค่เห็นหน้าเหยเกของไอ้ยักษ์เขาก็รู้สึกแสบตามแล้ว พอซับน้ำเกลือรอบ ๆ แผลเสร็จ โต๊ดก็ค่อย ๆ ใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบ ๆ แผล ใส่ยาแดงฆ่าเชื้อโรค รอจนแห้งจึงปิดแผลให้ไอ้ยักษ์

"กูขอโทษนะ" โต๊ดเก็บของลงกล่องพลางกล่าวขอโทษด้วยรู้สึกผิดที่โวยวายใส่คนตรงหน้าเมื่อครู่

"อืม กูไม่ได้โกรธมึงหรอก"

ถึงจะปากจัด ต่อปากต่อคำ แกล้งกันทุกวินาทีและทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เพราะนั่นคือรูปแบบความสนิทสนมของพวกเขา เหมือนจะดูไม่ถูกกัน ตีกันตลอดเวลา แต่ลึก ๆ ทั้งโต๊ดและยักษ์ก็ยังคงเป็นห่วงกันในฐานะของคนที่เติบโตมาด้วยกันเสมอ

"มึง"

"ฮึ"

"เย็นนี้ทำราดหน้าให้กินหน่อยดิ"

"อารมณ์ไหนมึงเนี่ย"

"กู...คิดถึงลุงกับป้า"

โต๊ดชะงักไป เขาเองก็รู้สึกคิดถึงลุงกับป้าไม่น้อยไปกว่าคนตรงหน้า แต่ช่วงที่ผ่านมาเขาเพิ่งจะเริ่มมาทำงานแทนป้า ความรับผิดชอบต่าง ๆ ก็มาก แถมมีงานเข้ามาไม่เว้นวันเลยทำให้โต๊ดไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งได้ยินยักษ์พูดถึงลุงกับป้า ความรู้สึกคิดถึงที่ลืมเลือนไปชั่วขณะก็หวนกลับมา

"อืม เอาสิ มึงไปซื้อของมาแล้วกัน"

เนื้อหาโดย: กัลยลิขิต
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
กัลยลิขิต's profile


โพสท์โดย: กัลยลิขิต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ซีรีส์น้ำดี "Good Doctor หมอใจพิเศษ" อย่าตัดสินคนแค่ภายนอก !!ส่องโปรไฟล์แม่นๆ "อาจารย์แอนนิต้า โปเมส" หมอดูชื่อดังขวัญใจคนดังใจสลาย!ช้างไหลไปกับสายน้ำ!ตุงๆ! ลูกเรือสุดฮอตสายการบินอินโดนีเซีย! (คลิป)อาหาร 6 อย่างที่ไม่มีรสเค็ม แต่มีโซเดียมสูงมากหลุยส์ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ร้องไห้ก่อนออกจากไทย พร้อมประกาศกลับมาอีกแน่ ฟีดแบคเพียบจากชาวต่างชาติเผาแล้ว 'ยายเกียน' วัย 68 ปี ป่วยติดเตียง เสียชีวิตหลังถูกตัดไฟระบบระบายน้ำ ใน​พระราชวัง​ต้องห้ามเข้าสังคมใหม่ไม่ได้ สะบัดหน้าหนี หรือ ฝืนเฟรนด์ลี่ ล้วนสร้างความรู้สึกลบระยะยาวรวยเกิ๊น!! เมื่อภรรยาอยากใส่บิกินี่เดินชายหาด สามีดูไบลงทุนซื้อเกาะให้เลย 😮หนุ่ม กรรชัย ลั่นไม่เข้าข้างหมอดู ไม่เอ่ยชื่อ เพราะกลัวโดนฟ้องเพจดังแฉ กระบะจอดขายของ ล็อกล้อตัวเอง ตบตาเจ้าหน้าที่ กว่า 4 ปี
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ซีรีส์น้ำดี "Good Doctor หมอใจพิเศษ" อย่าตัดสินคนแค่ภายนอก !!เข้าสังคมใหม่ไม่ได้ สะบัดหน้าหนี หรือ ฝืนเฟรนด์ลี่ ล้วนสร้างความรู้สึกลบระยะยาวหนุ่ม กรรชัย ลั่นไม่เข้าข้างหมอดู ไม่เอ่ยชื่อ เพราะกลัวโดนฟ้อง"ไพบูลย์" เผย "บิ๊กป้อม" ทำหนังสือขอคืนเงินเดือน สส. แจ้งขอไม่รับเงินประจำตำแหน่ง ยัน ไม่กลัวการตรวจสอบ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
คืนเดือนมืดที่ Crystal Lakeปิดกล่องชอล์คตำนาน เขาสาปยา (เขาสรรพยา ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท)ตำนานเจ้าแม่นาคี
ตั้งกระทู้ใหม่