เทือกเขานาฮานี่: แดนพิศวงลี้ลับแห่งทุ่งหิมะและปราการภูผา
ภูเขา สถานที่ที่ผู้คนไม่อยากหลงไปมากที่สุด ทั้งกันดาร สูงชัน สภาพอากาศที่ทั้งร้อนจัดจนถึงเย็นจัดสุดขั้ว และเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่ค่อยน่าอยู่สักเท่าไหร่นัก ในบรรดาภูเขาแสนทรหด ก็มีภูเขาแห่งหนึ่งในประเทศแคนนาดาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กันดาร เป็นสถานที่ที่แม้แต่ชนพื้นเมืองยังไม่คิดจะไป เพราะมีทั้งสัตว์ประหลาด สิ่งมีชีวิตลี้ลับ และภูติผีที่พร้อมจะฆ่าคุณ ถ้าสนใจฟังและพร้อมแล้วก็มากันเลย!
เทือกเขานาฮานี่ (Nahanni Valley) เป็นเทือกเขาอยู่ในรัฐนอร์เทิร์น เทอริทอรี่ (Northern Territory) ของประเทศแคนนาดา โดยอยู่ในพื้นที่ขนาด 30,050 ตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่และมีช่องเขาลึกลับซับซ้อน โดยก่อตัวขึ้นเมื่อ 500-200 ล้านปีที่แล้ว สภาพภูมิประเทศนั้นประกอบด้วยป่าสนแบบไทก้า และทุ่งหิมะทุนดรา สลับกับภูเขาและธารน้ำ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีปล่องน้ำพุร้อนจำนวนมาก มีความหลากหลายของสัตว์ป่าเขตหนาวและพืชเขตหนาวจำนวนมาก ในฤดูร้อนจะอบอุ่นถึงเพียง 25 องศาเซลเซียส และในฤดูหนาวอาจจะติดลบถึง -5 องศาเซลเซียส
เทือกเขานี้ตั้งชื่อขึ้นจากภาษาเดเน่ (Dene Language) ของชนพื้นเมืออเมริกันเผ่าเดเน่ (Dene tribe) และยังมีชาวอัลกอนควิน (Algonquin tribe) ชาวยูปิค (Yupik tribe) อีกด้วย พวกเขาอาศัยอยู่ในดินแดนนี้มาถึง 100,000 ปีที่แล้ว และก่อนหน้าที่ชาวยุโรปจะเข้ามาบุกเบิก ชนพื้นเมืองเหล่านี้เล่าถึงตำนานของปีศาจ อสูรกาย เทพเจ้า โดยเป็นยุคแห่งตำนานที่พวกเขาต้องใช้ชีวิตกันอย่างลำบากและระมัดระวังอันตรายในดินแดนแห่งนี้ พวกเขาเล่าว่าบนท้องฟ้ามีเทพเจ้าต่างๆ สถิตอยู่ ทุกที่มีวิญญาณทั้งดีและร้ายปะปน บนพิภพมีทั้งอสูรกาย มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ปะปนอยู่ และในพื้นดินก็มีเทพอสรพิษในตำนานอาศัยอยู่เช่นกัน
ที่เทือกเขานาฮานี่นั้น เมื่อชาวยุโรปทั้งชาวฝรั่งเศสและชาวอังกฤษเข้ามายังแคนนาดาและมายังเทือกเขาแห่งนี้ พวกเขาต้องพบกับความน่าสะพรึงกลัวมากมาย สภาพอากาศในฤดูหนาวทำให้คนพลัดหลงกันจากค่ายได้ถ้าเดินออกไปจนคลาดสายตา มีคนตกเขาหายไปหลายสิบคน และรรวมถึงลิสต์รายงานการพบสิ่งมีชีวิตประหลาด ว่ากันว่าคนที่ได้เข้าไปได้บอกว่าราวกับพวกเขาย้อนไปยังยุคน้ำแข็ง มีทั้งสัตว์ดึกดำบรรพ์อย่างแมมมอธ หมียักษ์ เสือเขี้ยวดาบ และหมาป่าดึกดำบรรพ์ยักษ์ มีชนพื้นเมืองที่ยังระบุไม่ได้ที่ดูโบราณคร่ำครึชอบกินเนื้อมนุษย์ และยังมีทั้งเรื่องของบิ๊กฟุตและปีศาจจากตำนานของชนพื้นเมืองอีกหลายร้อยตนอาศัยสถิตอยู่ที่นี่รอฆ่าพวกเขา
โดยจากหนังสือ Legends of the Nahanni Valley เขียนโดยปีเตอร์ แฮมเมอร์สัน ในวันที่ 5 พฤษาคม พ.ศ. 2018 (Peter Hammerson) ได้เล่าถึงรายงานการรวมเรื่องเล่าของผู้คนที่เข้าไปและพบกับเหตุการณ์แปลกๆ อาทิเช่น ผู้คนที่เดินทางเข้าไปแล้วได้ยินเสียงเรียกของคนในคณะจากที่ไกลๆ ทั้งที่อยู่กันครบ เหตุการณ์ของพรานล่าหมีที่ไปปลูกกระท่อมกันหลายๆ คนแล้วสมาชิกในคณะหายไปกันทีละคน เมื่อพบศพก็เหมือนกับว่าส่วนหัวถูกตัด ถอด เลาะออกไปคล้ายฝีมือของมนุษย์ การพบกับสัตว์ดึกดำบรรพ์ ๆลๆ อีกมาก และรายงานหลายคนบอกว่าจู่ๆ เข็มทิศก็ใช้การไม่ได้เลยก็มีเช่นกัน แม้แต่จีพีเอสหรือโทรศัพท์วิทยุสื่อสารก็ไม่สามารถใช้งานได้และพังไปดื้อๆ ยังมีบางจุดที่ตกสำรวจอีกด้วยโดยมีลักษณะเป็นช่องเขาที่โค้งเป็นสามเหลี่ยมล้อมเอาไว้ สำหรับชาวพื้นเมืองอเมริกัน มันคือดินแดนอาภรรพ์ที่ใครได้เข้าไปแล้วจะไม่สามารถกลับออกมาได้อีกเลย
โดยคาดกันว่า ที่อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์อิเล็กตรอนนิกส์ใช้การไม่ได้ เพราะเทือกเขานาฮานี่มีแหล่งพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่แผ่จากธารลาวาและภูเขาไฟโดยรอบ โดยสามารถสังเกตจากปล่องน้ำร้อนที่มีเคมีเป็นกรดรุนแรง เป็นปฏิกริยาเคมีจากการที่แก็สพิษจากใต้ดินไหลมารวมกับธารลาวาใต้ดินดันยกตัวขึ้นเป็นปล่องน้ำพุร้อน จึงอาจจะมีการส่งคลื่นรบกวนเป็นระยะๆ นั่นเอง กระนั้น ก็พิศูจน์การมีอยู่ของสัตว์ดึกดำบรรพ์และอสูรกายจากตำนานพื้นเมืองอเมริกันในที่แห่งนั้นไม่ได้เลย
ทุกวันนี้ แม้จะเป็นอุทยานแห่งชาติที่ได้รับมรดก UNESCO แล้ว แต่เทือกเขานาฮานี่ยังคงเป็นสถานที่ท้าทายนักสำรวจที่ชอบความตื่นเต้นมากมายให้มาเยี่ยมชม จึงมีการตรวจเข้มข้นโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรัฐบาลแคนนาดาที่จัดขึ้น พื้นที่อุทยานที่เปิดให้เข้าเองก็เป็น 10 จากใน 100 ส่วนที่ยังตกสำรวจ ทำให้ตำนานและความลึกลับของเทือกเขาแห่งนี้ยังคงเป็นปริศนาต่อไป