รัฐบาลเอาจริง! เตือนแลกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นเงินสด ผิดกฎหมาย โทษหนักทั้งจำทั้งตัดสิทธิ์
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกโรงเตือนประชาชนและร้านค้าอย่างจริงจัง เกี่ยวกับการกระทำที่เข้าข่ายทุจริตโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเงินดิจิทัลไปแลกเป็นเงินสด ซึ่งถือเป็นความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำคุกและปรับ
ลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 1 ส.ค. - 15 ก.ย. นี้ แต่ระวัง! แลกเป็นเงินสดมีสิทธิ์ติดคุก
โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท กำลังจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง 15 กันยายน 2567 นี้ แต่รัฐบาลได้เน้นย้ำว่า เงินดิจิทัลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนโดยตรง จึงห้ามนำไปแลกเป็นเงินสดโดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด
บทเรียนจาก "คนละครึ่ง" รัฐบาลเอาจริง! ฟันทั้งร้านค้า-ประชาชน
การออกมาเตือนครั้งนี้ของรัฐบาล ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ โดยมีการยกตัวอย่างกรณีโครงการ "คนละครึ่ง" ที่ผ่านมา ซึ่งมีร้านค้าและประชาชนบางส่วนร่วมมือกันสแกนเงินเพื่อแลกเป็นเงินสด ทำให้รัฐบาลต้องดำเนินการเรียกเงินคืนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
ผิดแล้วผิดเลย! ติดคุก แถมตัดสิทธิ์โครงการรัฐในอนาคต
นอกจากโทษทางอาญาแล้ว ผู้ที่ฝ่าฝืนยังจะถูกตัดสิทธิ์จากโครงการของรัฐในอนาคตอีกด้วย นั่นหมายความว่า ไม่เพียงแต่จะเสียเงินที่ทุจริตไป แต่ยังจะเสียโอกาสในการได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในด้านอื่นๆ อีกด้วย
ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ก็ต้องมองว่ามาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการทุจริตโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเงินจำนวนนี้ควรจะถูกนำไปใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของคนบางกลุ่ม การลงโทษที่เข้มงวดจะช่วยสร้างความเป็นธรรมและทำให้โครงการนี้บรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงได้
อย่างไรก็ตาม หวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการในการตรวจสอบและติดตามการใช้เงินดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันการทุจริตทุกรูปแบบ และทำให้เงินทุกบาททุกสตางค์ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง
ภาพ : x.com






















