มนตราวายสะ ตอนที่ 7 คะแนนนำและความลำเอียง (3)
+++++++++
“ไปแลกเบอร์แลกไลน์กันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” แก้วตาหันมาถามตาโต รู้สึกตื่นเต้นระคนแปลกใจกับเรื่องที่เพิ่งได้ยิน เพราะถ้าเทียบผู้ชายสายดาร์คคนนี้กับสุบรรณที่รู้จักมาหลายเดือนเรียกได้ว่านำหน้าไปหลายขุมเลยทีเดียว
“ก็แลกไว้คุยเรื่องเจ้าอีกานั่นแหละ”
“เข้าถูกทางแฮะ พ่อหนุ่มสายดาร์คของฉัน” แก้วตาบอกอย่างนึกทึ่งนิด ๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายชอบอีกาจริง ๆ หรือแค่อยากเอาใจเพื่อนของเธอกันแน่ แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ ถ้ารังเกียจชายหนุ่มคงไม่เอามันมารักษาตั้งแต่แรกหรอกมั้ง หรือนี่จะคือพรหมลิขิต มนตร์รักอีกาดำ
หลังจากส่งแก้วตาเสร็จ แท็กซี่ก็วิ่งมาจอดหน้าบ้านเช่าหลังหนึ่ง ที่สกุณาเคยอยู่กับเพื่อน แต่ตอนนี้อีกฝ่ายย้ายออกไปอยู่กับแฟนนานแล้ว แต่ด้วยความที่คุ้นเคยและค่าเช่าก็พอสู้ไหว เธอจึงไม่คิดจะย้ายไปไหน และทันทีที่ลงจากรถหมุนตัวจะเดินเข้าบ้านเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นวายสะยืนถือกรงเปล่ารออยู่ก่อนแล้ว
“นี่คุณมาทำอะไรที่นี่คะ” สกุณารีบเดินเข้าไปถามอย่างแปลกใจ ในแชตไม่เห็นบอกเลยว่าเขาจะมารอ
“รอคุณ เอาของมาคืน” ชายหนุ่มบอกพลางยื่นกรงในมือให้กับหญิงสาว สกุณาเลิกคิ้วแล้วย้อนถามเสียงกลั้วหัวเราะ “มาคืนทำไมคะ ฉันใช้เงินคุณซื้อนะ”
วายสะมองกรงในมือแล้วเดินตรงไปที่ถังขยะโดยไม่พูดอะไร แต่สกุณาเหมือนจะเดาออกจึงรีบวิ่งไปคว้าแขนเขาเอาไว้ “คุณจะทำอะไรคะ”
“ทิ้ง”
“งั้นฉันเก็บไว้เองก็ได้ค่ะ เสียดาย” ว่าแล้วก็แย่งเจ้ากรงนั้นมาถือเอาไว้เสียเอง
วายสะพยักหน้าพลางลอบยิ้มน้อย ๆ แล้วเดินผละไปที่รถโดยไม่ได้พูดอะไรอีก นั่นทำให้สกุณาหลุดปากถามออกมาอย่างงง ๆ ระคนอยากรู้ว่า “จะกลับแล้วเหรอคะ”
“ยังหรอกครับ ว่าจะไปหาอะไรกินแถวนี้ คงพอมีอะไรเหลือให้กินบ้าง” วายสะพยักพเยิดหน้าไปมั่ว ๆ
“เดี๋ยวสิคะ” สกุณาเดินเข้าไปห้ามคนที่ล็อกรถแล้วจะเดินออกไปหาอะไรกินอย่างที่ปากว่า “อ่อ...ไหน ๆ ก็มาแล้วกินข้าวด้วยกันไหมล่ะคะ วันนี้ฉันว่าจะต้มยำทะเล” เธอทำใจกล้าชวนเขาเสียงแผ่ว
“ยินดีครับ” วายสะก้มหน้าอมยิ้มอย่างสมใจ “แต่ผมขอไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อก่อนได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ” สกุณายกกรงข้ามรั้วที่สูงแค่อกไปวางไว้ข้างในบริเวณบ้าน แล้วหันมาพยักหน้าเรียกให้วายสะเดินตามไปที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ซอยด้านหลังใกล้ ๆ นี่เอง
และพอไปถึงระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันไดหน้าร้านที่มีอยู่ไม่กี่ขั้น จู่ ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งวิ่งออกมาแล้วสะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งตกบันไดลงไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องทั้งของเธอและหญิงสาวอีกคนที่เดินตามหลังมา
“ว้าย!”
“น้องโจ!”
“เป็นอะไรมากไหมคะ เรียกรถพยาบาลไหมคะ” สกุณาเข้าไปถามหญิงสาวที่ทิ้งข้าวของแล้วถลาเข้าไปอุ้มลูกชายที่หมดสติไปทันที
“สลบไปเลยค่ะ บอกประจำนะว่าอย่าวิ่ง ๆ” หญิงสาวบ่นเสียงปนสะอื้นสลับกับเรียกชื่อลูกชายเป็นระยะ ๆ
“เรียกรถพยาบาลดีกว่านะคะ” สกุณาว่าพลางจะกดมือถือแต่อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ เพราะไม่อยากเสียเวลา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ไปวินดีกว่า โรงบาลอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง” ว่าแล้วหญิงสาวก็อุ้มลูกชายพร้อมกับตะโกนเรียกวินมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งเข้ามาจอดพอดี