กว่าจะมาเป็น David Dastmalchian ในวันนี้
ดาราดังของฮอลลีวู้ดในวันนี้ มีหลายคนที่ในอดีตนั้นเคยตกอับไม่ก็เหลวแหลกมาก่อน ที่หนักๆก็โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ คนหนึ่งล่ะที่ติดยาแล้วเลิกอยู่หลายครั้งจนไม่น่ากลับมาได้ แต่เขาก็กลับมาและมีอย่างทุกวันนี้ได้ รวมถึงนักแสดงอย่างก็เช่นกัน ต่อให้จำชื่อนักแสดงคนนี้ไม่ได้ เชื่อว่าใครๆ ต้องจดจำใบหน้าของเขาได้เพราะคาแร็คเตอร์หรือการปรากฎตัวในหนังเด่นมากมายแบบ The Dark Knight (2008), Prisoners (2013), Ant-Man (2015), Blade Runner 2049 (2017), The Suicide Squad (2021) เป็นต้น
ครั้งหนึ่งชีวิตของ เดวิด เดสต์มอลชิน เคยเหลวแหลก ติดยา เป็นซึมเศร้า ถังแตก ไม่มีบ้าน ต้องนอนในรถ ผ่านวัยเลขสองไปโดยตกต่ำอย่างหนัก ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน กระทั่งถึงจุดหนึ่ง เขาตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง เลิกยา มีความรับผิดชอบ ดูแลครอบครัว กลับไปขวนขวายหางานแสดงที่ตนช่ำชอง พอจะมีงานในโรงละครท้องถิ่นเป็นรายได้จุนเจือ จนวันดีคืนดี The Dark Knight ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน มีแผนยกกองไปถ่ายทำในชิคาโกอันเป็นถิ่นของเขาเอง เหตุนี้ เดสต์มอลชินจึงไปร่วมแคสต์บทตัวประกอบ เดิมทีเขาออดิชั่นเป็นโจรปล้นธนาคารสวมหน้ากากตอนต้นเรื่อง แต่ปรากฎว่าทำได้ดีเกินคาด ฝ่ายแคสติ้งแจ้งว่า อยากให้คุณกลับมาใหม่พรุ่งนี้ คุณต้องไปพบใครคนนึง เดสต์มอลชินจึงได้ออดิชั่นรอบสอง ทว่าคราวนี้แจ็คพ็อตได้เจอโนแลนตัวเป็นๆ ซึ่งมาดูการแคสต์เอง
แล้วบทที่เดสต์มอลชินทดสอบก็ไม่ใช่โจรปล้นธนาคารแล้ว แต่เป็นตัวละครชื่อ โธมัส ชิฟฟ์ ลูกน้องโจกเกอร์ที่ถูก ฮาร์วีย์ เดนท์ จับไปเค้นความจริง มันเป็นการถ่ายทอดด้วยดวงตานั่นเองที่ทำให้เขาดึงดูด เดสต์มอลชินแสดงโดยไม่ต้องมีบทพูด ไม่ต้องขยับเขยื้อนร่างกาย ถูกใจโนแลนยิ่งนัก เพราะแม้เป็นบทเล็กๆ แต่ก็สลักสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเดสต์มอลชินตีความการเผชิญหน้าเดนท์จากในสคริปต์ด้วยการแค่หัวเราะออกมา รู้ตัวอีกที เขาก็ได้อยู่ในกองถ่ายสเกลใหญ่โตสำหรับฉากสำคัญ พบปะดาวดังอย่าง คริสเตียน เบล, แกรี่ โอลด์แมน, อารอน เอ็กฮาร์ท และ ฮีธ เล็ดเจอร์ ผู้ซึ่งเข้ามาพูดคุยสบายๆเป็นมิตรกับเขามาก The Dark Knight คือผลงานแสดงหนังเรื่องแรกของเดสต์มอลชิน ก่อนที่ทุกวันนี้เขามีงานแสดงทุกรูปแบบเกินกว่า 80 เรื่องนั่นเอง . . .
นับว่าเป็นนักแสดงที่มีฝีมือคนหนึ่งที่ชนะใจตัวเองในการลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองจนมีวันนี้ได้