ผัก 3 ขนิด ที่เราไม่ควรกินแบบดิบๆ
เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าผักนั้นมีประโยชน์ แต่เรามักลืมถึงโทษของมันหากเราบริโภคผิดวิธี เพราะผักบางขนิดนั้นมีประโยชน์ทั้งกินดิบและกินสุก แต่บางชนิดนั้นไม่เป็นแบบนั้น วันนี้จะขอพูดถึงผัก 3 ชนิดที่เราไม่ควรกินแบบดิบๆกันนะครับ ชนิดแรกคือถั่วฝักยาว เพราะในถั่วฝักยาวดิบมีไกลโคโปรตีน เลคติน และสารพิษสะสมอยู่ในปริมาณสูง หากร่างกายได้รับมากเกินไปอาจส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ และอาเจียน นอกจากนี้ยังมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างสูง อาจทำให้ท้องอืด หรือท้องเสีย และไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาการย่อย และผู้สูงอายุ หากเป็นเมนูที่ต้องกินดิบควรล้างให้สะอาดก่อน
โดยหักเป็นท่อนแล้วนำไปแช่น้ำนาน ๆ หรือไม่ก็เลือกกินแบบสุกจะปลอดภัยกว่า ชนิดที่สองคือกะหล่ำปลี เพราะ กะหล่ำปลีดิบมีสารออกซาเลต (Oxalate) ในกะหล่ำปลีจะไปจับกับแคลเซียมที่กรวยไต จนกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากมีสารตัวนี้ที่กรวยไตมาก ๆ ก็เสี่ยงต่อโรคนิ่วในไตได้ อีกทั้งในกะหล่ำปลีดิบยังมีน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งคนที่มีปัญหาในระบบย่อยอาหารอาจย่อยน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ และอาจนำไปสู่อาการท้องอืด แน่นท้อง แต่หากนำกะหล่ำปลีไปปรุงสุก น้ำตาลที่ว่าก็จะเปลี่ยนโมเลกุลเป็นสารที่ย่อยได้ง่าย
นอกจากนี้ในกะหล่ำปลีดิบยังมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) สารที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายดึงไอโอดีนจากเลือดไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ จนอาจก่อให้เกิดโรคคอหอยพอกได้ ดังนั้นผู้ป่วยไฮโปไทรอยด์จึงไม่ควรกินกะหล่ำปลีดิบ แต่กอยโตรเจนจะสลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อโดนความร้อน ฉะนั้นจึงควรบริโภคกะหล่ำปลีแบบปรุงสุกจะดีกว่า ชนิดสุดท้ายคือถั่วงอก เพราะถั่วงอกดิบมีแบคทีเรียอันตรายหลายชนิด เช่น ซัลโมเนลลา อีโคไล และลิสทีเรีย
อีกทั้งในถั่วงอกดิบยังมีไฟเตทสูง โดยไฟเตทจะเข้าไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุได้ ดังนั้น ควรทำให้สุกก่อนกินเพื่อป้องกันและทำลายแบคทีเรียและสารไฟเตท นอกจากนี้ยังอาจมีสารโซเดียมซัลไฟต์หรือสารฟอกขาว ทำให้คลื่นไส้ หายใจติดขัดได้ ดังนั้นหากทราบข้อมูลเหล่านี้แล้ว ถึงเลิกไม่ได้เด็ดขาดก็ควรลดลงบ้างเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองนะครับ