รายการข่าวของไทยมีแต่ใส่สีตีไข่?
รายการข่าว คำนี้เป็นคำที่คุ้นเคยกันทุกคนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องเคยรับฟังรายการข่าวกันมาทั้งนั่น ซึ่งรายการข่าวก็มีพัฒนาการมาเรื่อยๆตามยุคสมัยให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ยุคแรกเริ่มจะมาในรูปแบบรายการวิทยุ ครั้นถึงยุค TV เข้ามาเราก็เห็นภาพข่าวด้วยไม่ใช่แค่เสียงเหมือนเท่านั่้น ทำให้เกิดอารมร่วมได้มากขึ้น และในปัจจุบันเป็นยุค 5G หรือยุค Internet ทำให้รายการข่าวย้ายเข้าไปบนช่องทางออนไลน์แทน ซึ่งเราจะพบได้เลยว่ารายการข่าวที่เกลิ่นมาตั้งแต่ต้นนั่นเดียวนี้ทำไมเต็มไปด้วยการเล่าข่าวแบบใส่อารมณ์ร่วมเต็มไปหมด เดียวจะมาลองวิเคราห์กันครับ
ช่องทางรับชมที่เปลี่ยนไป
ประเด็นแรกสอดคล้องกับพัฒนาการของรายการข่าวที่เล่าไปข้างต้นในยุคแรกเนื่องจากเป็นวิทยุหรือTV ซึ่งยุคนั่นประเทศไทยยังไม่ใช่ระบบ Free TV มีช่องจำกัดอยู่ไม่กี่ช่อง ส่งผลให้การแข่งขันสูงเวลาในการออกอากาศมีมูลค่ามหาศาลแค่ไม่กี่นาทีอาจมีมูลค่าหลายแสนบาท การใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็น การเล่าข่าวในยุคนี้จึงเน้นกระชับได้ใจความ ใครทำไรที่ไหนและอย่างไร 1 ข่าวอาจใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีเท่านั่นหากต้องการรายละเอียดผู้รับช่าวจำเป็นต้องอ่านในหนังสือพิมพ์เท่านั่นทำให้หนังสือพิมพ์ยังคงได้รับความนิยมเพราะข่าวเดียวกันแต่หนังสือพิมพ์จะให้รายละเอียดที่มากกว่านั่นเอง
ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุค TV ดาวเทียม และ Digital TV มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาแย่งยิงฐานผู้ชมมากขึ้นการทำTV ไม่ได้ผูกขาดอยู่แค่กลุ่มช่อง 3 5 7 9 เท่านั้น แต่มีช่องเกิดใหม่มากมาย เช่น Amarintv, one31, ThairatTV และอื่นๆ ทำให้เวลาการออกอากาศที่เคยมีมูลค่าสูงมากลดมีมูลค่าลดลงการที่จะเล่าข่าวแบบกระชับ รวดเร็ว สั่นๆ มันไม่ส่งผลดีอีกต่อไปเพราะสถานีเองก็มีเวลาว่างเกินไปการเล่าข่าวนานๆก็ช่วยเติมเต็มเวลาว่างที่สถานียังไม่มีรายการออกอากาศได้
อรรถรสในการรับชม
แน่นอนอารมณ์ร่วมในการรับชมข่าวเป็นสิ่งสำคัญและทำให้รายการข่าวนั่นๆได้รับความสนใจและมันประสบความสำเร็จมาแล้วตั้งแต่ในยุค TV น้อยช่อง รายการที่เราเองก็คุ้นเคยกันดีก็เช่นรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ที่จัดโดย สรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งแม่ค้าพ่อค้าเปิดกันทุกร้านในตอนเช้า ด้วยวิธีการเล่าข่าวพร้อมใส่ความคิดเห็นไปด้วยก็สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้ชมได้
เงิน
ประเด็นสุดท้ายคือเรื่องเงินง่ายๆและตรงไปตรงมาใครบ้างจะไม่ชอบเงิน สถานีโทรทัศน์เองก็ชอบไม่ต่างจากเราโดยรายการข่าวเป็นรายการที่มีผู้คนให้ความสำคัญและติดตามมากเป็นอันดับต้นๆอีกทั้งยังทำเงินให้กับทางช่องได้มากมาย การจะเล่าข่าวแบบกระชับมันดูจะน่าเบื่อเกินไปในเมื่อคู่แข่งเจ้าอื่นมีการเล่าข่าวที่น่าสนใจและทำให้ติดพัน สปอร์นเซอร์ทั้งหลายจะมาลงโฆษณาบนช่องที่เล่าข่าวน่าเบื่อๆทำไมในเมื่อช่องที่เล่าแนวใส่สีตีใข่ใส่อารมณ์คนดูมันเยอะกว่ามาก ดังนั่นในทุกๆช่องต่างทำตามกันคือการปรับรายการข่าวให้เป็นรายการวาไรตี้สะงั้น ตัวอย่างเห็นจากช่องหนึ่ง เล่าข่าวอาชญากรรมข่าวเดียวกว่า 40 นาที และชอบเน้นคำว่า "ฆ่าทิ้ง" เพื่้อให้ผู้ฟังรู้สึกโกรธตามไปด้วยเหมือนชีวิตคนไม่มีค่า ซึ่งผู้เขียนเองก็คิดว่าหลายๆท่านก็เดาได้ว่าข่าวช่องไหน
สรุป การปรับตัวตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป พฤติกรรมคนดู และเรื่องเงินก็เป็นปัจจัยหลักที่ยังทำให้รายการข่าวของประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นข่าวแนววาไรตี้เล่าข่าวถึงมันจะสนุกแต่มันก็ส่งผลเสียด้านการชีนำและชักจูงสังคมได้ ดังนั่นต้องเสพสื่อกันอย่างมีสตินะครับด้วยความห่วงใย