มนุษย์บึงเกาะฮันนี่และสกังค์เอป: วานรร้าย มันย่ำอยู่ในเลน
รัฐหลุยเซียนน่า รัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกาที่อบอุ่นตลอดทั้งปี มีระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่แม่น้ำใหญ่อย่างแม่น้ำมิซิซิปปี้ไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติก เกิดเป็นที่ชุ่มน้ำมากมาย มีกลุ่มชาวต่างชาติ ทั้งชาติพันธุ์ฝรั่งเศษ อังกฤษ สเปน และทาสผิวดำจากแอฟริกาที่ถูกเกณฑ์มาเป็นแรงงาน รวมถึงชนพื้นเมืองอเมริกันอีกหลายสิบกลุ่มที่อาศัยรอบๆ หนองน้ำและป่า ปัจจุบันรัฐหลุยเซียนน่าผ่านประวัติศาตรฺและเปลี่ยนแปลงมามากมาย แต่ทว่า ความเชื่อเรื่องอสูรกายหรือสัตว์ลึกลับนั้นก็ยังมีอยู่ให้เห็นในพื้นที่ส่วนนี้เช่นกัน
มนุษย์บึงแห่งเกาะฮันนี่ เป็นชื่อเรียกสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่อาศัยในเกาะฮันนี่ ที่ตั้งในแม่น้ำเพิร์ลซึ่งเป็นแม่น้ำตื้นๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำมิซิซิปปี้ก่อนออกสู่ทะเล พยานส่วนมากจะเล่าว่าเห็นพวกมันในป่าสนไซเปรสที่ขึ้นรกชัฏ มันจะมีความสูงถึง 2-2.5 เมตร มีส่วนบนกำยำใบหน้าคล้ายเอปอย่างกอริลล่าหรือมนุษย์ ตาแดง หัวทรงสามเหลี่ยม ผิวหยาบ มีกลิ่นตัวเหม็นสาบ ที่เท้ามีผังพืดประหลาดดูน่าขนลุกราวกับเป็นการวิวัฒนาการเพื่ออาศัยในบึงน้ำ โดยมนุษย์บึงจะหากินในป่าตอนกลางคืน เข้ามาตามชายน้ำจับสัตว์ขนาดเล็กและพืชผักกินเป็นอาหาร บางทีก็อาจจะเข้าไปขโมยของจากแคมป์นายพรานหรือรื้อค้นพังคอกสัตว์เพื่อเอาปศุสัตว์ขนาดเล็กไปกินด้วย
เรื่องราวของอสูรกายที่คล้ายๆ กันตัวนี้ ก็มีการเล่าไปถึงรัฐฟลอริด้าเช่นกัน ซึ่งก็มีพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่อย่างอุทยานแห่งชาติเอเวอร์เกลดที่มีระบบนิเวศเหมือนกันกับในโซนหลุยเซียนน่า ที่นั่นพวกเขาเรียกมันว่า สกังค์เอป หรือวานรสกังค์ อันมาจากการมีกลิ่นเหม็นคล้ายของเสียในน้ำหรือซากพืชที่หมักหมมจากร่างกายที่ปล่อยออกมาเหมือนตัวสกังค์นั่นเอง
สำหรับวานรแห่งหนองน้ำเหล่านี้ มีบันทึกมาโดยชาวพื้นเมืองอเมริกัน พวกเขาเรียกมันในหลายๆ ชื่อ อาทิเช่น เอสติแคปกากิ, รูการู หรือว่า เคทรี พวกเขาเชื่อว่ามันคือปีศาจร้ายที่อยู่มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล การกล่าวถึงมันจะนำพาโชคร้ายมาให้ และห้ามให้เด็กๆ ออกจากบ้านในยามกลางคืนนั่นเอง เรื่องราวนี้เมื่อครั้งฝรั่งเศสและสเปนเข้ามาตั้งอณานิคมในส่วนนี้ของอเมริกา พวกเขาก็ได้รู้จักมันเช่นกัน
คลิปวิดีโอที่โด่งดังที่สุดของวานรหนองน้ำมีอยู่หนึ่งคลิป โดยได้มีการถ่ายในปี 1963 โดยนายพรานชื่อ เฮนรี่ ฟอร์ด ที่เป็นพรานล่านกเป็ดน้ำ ได้จับภาพของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เดินสองขาที่กำลังเดินช้าๆ ผ่านแมกไม้ในป่าไป เขาจึงนำกล้องขึ้นมาถ่าย ภาพนี้มีการพิศูจน์แล้วว่าไม่ใช่กอริลล่าหรือชิมแปนซี แต่การเดินของมันก็รวดเร็วมากๆ อยู่ไม่น้อย ถึงกระนั้นฟิลม์นี้ก็อายุมากและมีความมัวของภาพจึงวิเคราะห์ได้ยากนัก
และอีกภาพที่มีการถ่ายได้ในปี 2001 ที่เมืองซาราโตก้า ในรัฐฟลอริด้า ผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่าสุนัขที่บ้านจะเห่าขึ้นมาในกลางดึกด้วยความตกใจ และมีบางสิ่งบุกรุกบ้านเข้ามาขโมยผลไม้ในสวน เมื่อเธอได้ตั้งกล้องถ่าย ก็พบสิ่งมีชีวิตที่เหมือนวานรขนาดใหญ่กำลังยิ้มให้ในภาพก่อนจะเดินหายลับไป ภาพนี้โด่งดังมาก ถึงแม้บางคนจะบอกว่าเป็นการใส่ชุดของอาชญากรเพื่อรอปล้นบ้านหรือเป็นเพียงอุรังอุตังหลุดจากสวนสัตว์ แต่ลักษณะทางกายภาพก็ไม่ตรงกับสัตว์กลุ่มวานรชนิดใดๆ เลยที่เรารู้จัก ก็อาจจะเป็นเจ้าวานรหนองน้ำก็เป็นได้
และในปี 1974 คุณเดวิด ไชค์ (David Shikes) นักสัตว์ลึกลับวิทยาได้ก่อตั้งสมาคมผู้ชื่นชอบวานรหนองน้ำ ออกตามหาและเก็บรวบรวมหลักฐานรอยเท้าจำนวนมากตลอด 20 ปี เขาได้ออกมาเล่าว่าที่เขาได้มาทำงานในสายนี้ก็มาจากการพบเจอกับเจ้าวานรหนองน้ำที่เดินผ่านทุ่งโล่งและบึงในวัยเด็กของเขาครั้งที่เขามีอายุ 10 ปี ในตอนที่ออกไปล่าสัตว์ในบึงกับพี่ชาย สิ่งมีชีวิตที่เขาเจอมีขนสีดำ หน้าตาคล้ายมนุษย์ ตัวสูงถึง 2.5 เมตร และเดินได้ไวมากๆ เข้าไปในพุ่มไม้ในบึง ทำให้พี่ชายของเขาที่มาด้วยกลัวจนอ้าปากค้างมาก จากการพบเห็นครั้งนั้นจึงจุดประกายให้เขาตัดสินใจตามหามันและศึกษารายงานการพบเห็นจนมีชื่อเสียงมากมายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ล่วงมาจนถึงปัจจุบันแล้ว เขาก็ยังไม่พบวานรหนองน้ำ แต่ก็มีหลักฐานรอยเท้าจำนวนมากมายถูกหล่อปูนปลาสเตอร์เก็บไว้ให้ศึกษาอยู่พอสมควร
หากมาลองคิดดูดีๆ แล้ว ในบึงน้ำทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาก็มีไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตกลุ่มวานรมากนัก จึงมีคนเชื่อว่าสิ่งที่เห็นอาจจะเป็นหมีดำอเมริกันที่คล้ายสัตว์จำพวกวานร กระนั้นหมีก็ไม่ได้ยืนสองขาได้ตลอดและวิ่งลุยน้ำได้ไวขนาดนั้น จึงทำให้ตัวตนของมันค่อนข้างคลุมเครือ ไร้ข้อสรุปจนถึงทุกวันนี้ ทว่า การที่พวกมันเป็นตำนานต่อไปก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว ทั้งในรัฐหลุยเซียนน่าและฟลอริด้าได้นำเอาวานรหนองน้ำมาเป็นสัญลักษ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวและชูจุดเด่นของเมืองนำเอาเม็ดเงินมหาศาลเข้ามายังในเมืองได้อย่างไม่ขาดสาย จึงเป็นประโยชน์ต่อชุมชนไม่น้อยเลยทีเดียว