ทำไมเราไม่สามารถ ต้มไข่บนบนยอดเอเวอเรสต์ให้สุกได้
เชื่อว่าพวกเราทุกคนเคยต้มไข่กันมาแล้วทั้งนั้น เพราะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะกินไข่ แต่เราเคยรู้ไหมว่าเราไม่สามารถต้มไช่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ ทุกคนคงส่ายหน้าและบอกว่าว่าไม่เคยคิดจะไปต้มไข่บนนั้นหรือไม่ก็เคยคิดแต่ไม่สามารถไปบนนั้นได้ ก็ขำๆกันไป งั้นมาดูสาเหตุกันว่าทำไม อย่างที่เรารู้ๆว่าน้ำเดือดที่ 100 องศาเซลเซียสซึ่งเราสามารถต้มไข่ให้สุกได้ นั่นมันในที่ความสูงปกติทั่วไป
แต่ถ้าเราอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากเท่าไหร่อุณหภูมิจุดเดือดของน้ำจะต่ำลงเท่านั้น โดยทั่วไปก็มีวิธีให้จำง่ายๆ ว่าทุกๆ ความสูง 300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล จุดเดือดของน้ำจะต่ำลง 1 องศาเซลเซียส ยกตัวอย่างเช่นเมืองที่สูงที่สุดในโลกที่มนุษย์อาศัยอยู่' อย่างเมืองลาริงกอนาดา ในเปรู ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 5 กิโลเมตร น้ำจะเดือดที่ 83 องศาเซลเซียส และเรียกว่าต้มไข่ได้พอดีๆ เพราะไข่ขาวจะสุกแข็งที่อุณหภูมิขั้นต่ำประมาณ 80 องศาเซลเซียส ส่วนไข่แดงจะสุกแข็งที่ 70 องศาเซลเซียส
แต่ยอดเขาเอเวอเรสต์นั้นสูงกว่า 8 กิโลเมตร จากระดับน้ำทะเล และตรงนั้น อุณหภูมิ 68 องศาเซลเซียสก็ทำให้น้ำเดือดได้แล้ว และอย่างที่เล่ามา อุณหภูมิน้ำเดือดเท่านี้ไม่สามารถจะทำให้ไข่ขาวหรือไข่แดงสุกได้ และสิ่งที่คุณจะได้จากการต้มไข่คือไข่ลวกเท่านั้น มันไม่มีทางจะเป็นไข่ต้ม แต่ในทางเทคนิคแล้วถ้าเราใช้ หม้อแรงดันต้มไข่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ก็จะสามารถต้มไข่ให้สุกได้ เพราะมันคือการเพิ่มความดันอากาศในการต้ม และนั่นทำให้จุดเดือดของน้ำสูงขึ้นจนต้มไข่ได้นั่นเอง แต่ความจริงนั้นยังไม่เคยมีใครได้ทดลองทำแบบนั้นให้เห็นมาก่อนเลยสักครั้ง