ยังมีคนในประเทศชั้นนำ ไม่เชื่อเรื่องภาวะโลกร้อน
สำหรับผมและพวกเราในตอนนี้ คงเชื่อแล้วว่าภาวะโลกร้อนนั้นทำให้เกิดผลร้ายกับโลกใบนี้อย่างไรบ้างจากการที่ประสบด้วยตัวเองหรือจากการได้รับข่าวสารมาจากสื่อต่างๆที่มีให้เห็นมากขึ้นในวัน ทั้งฝนตก ฟ้าร้อง น้ำท่วมซึ่งรุนแรงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากน้ำมือของมนุษย์ทั้งสิ้นที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนแบบนี้ แต่เชื่อไหมว่ามีคนอยู่จำนวนไม่น้อยไม่เชื่อในเรื่องสภาวะโลกร้อน และเป็นคนในประเทศชั้นนำเสียด้วย ประเทศนั้นคือสหรัฐอเมริกานั่นเอง เพราะชาวอเมริกันเกือบ 10% ไม่เชื่อว่าภาวะโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และ 25% รู้ถึงสภาวะโลกร้อนแต่ไม่เชื่อว่าเป็นผลมาจากน้ำมือของมนุษย์ และดำรงชีวิตเหมือนเดินต่อไปแบบไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น เหตุผลที่คนเหล่านั้นไม่เชื่อก็เพราะว่าคนที่ออกมาบอกคือนักวิทยาศาสตร์ซึ่งพวกเขาไม่ค่อยเชื่อถือเพราะคิดว่าทุกครั้งที่ออกมาพูดเรื่องอะไรก็ตามทำเพียงเพื่อชื่อเสียงเพื่อให้เป็นผลสำเร็จในอาชีพการงานเท่านั้น อีกเหตุผลหนึ่งซึ่งพวกเราชาวไทยไม่มีวันเข้าใจได้นั่นคือ เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในแถบหนาวเย็นนั่นเอง โดยไม่สนว่าความเย็นจะลดลงเท่าไหร่ตราบใดที่มันยังเย็นอยู่ก็พอ (แบบนี้ก็มีด้วยแฮะ) และเหตุผลสุดท้ายอันนี้ผมถือว่ามันสำคัญในปัจจุบันนี้มากคือ Fake News นั่นเอง เพราะในปัจจุบันนี้เฟคนิวส์นั้นมีจำนวนไม่น้อยกว่าข่าวจริงๆเลย ทำคนตนเกิดความระแวงในการจะบริโภคข่าวใดข่าวหนึ่ง กว่าชะเชื่อได้ต้องเช็คแล้วเช็ตอีก ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อยกับเฟค นิวส์พวกนี้ เหตุนี้แหละที่ทำให้พวกเขาใช้เป็นเหตุผลที่จะไม่เชื่อ ที่ยกตัวอย่างมาให้ฟังในวันนี้เป็นเพียงสถิติจากประเทศเดียวเท่านั้น อันที่จริงแล้วยังมีอีกหลายประเทศที่มีจำนวนคนส่วนหนึ่งไม่เชื่อในเรื่องภาวะโลกร้อนเพราะฝีมือมนุษย์ อย่างในประเทศสหรัฐอเมริกาเหมือนกัน