เมืองนี้แดดออก21ชั่วโมง ก็ยังหนาว
ในภาวะที่อากาศร้อนจัดขนาดนี้ หลายคนคงนึกอยากให้มีหิมะตกเพื่อจะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นบ้าง มาดูกันว่าถ้าเปลี่ยนจากการใช้ชีวิตอยู่ในอุณหภูมิเกือบ50 °C อันสุดแสนจะร้อนไปเป็นอุณหภูมิ -50 °C การดำเนินชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไร
หากไม่นับพื้นที่ในเขตขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้แล้ว หมู่บ้านที่มีสภาพอากาศที่หนาวเหน็บที่สุดบนโลกใบนี้ที่ถูกบันทึกเอาไว้ก็คือหมู่บ้าน ออย์มยาคอน (Oymyakon) ในสาธารณรัฐซาฮา (Sakha) เขตปกครองตนเองในไซบีเรียตะวันออกของรัสเซีย ที่ซึ่งมีอุณหภูมิในฤดูหนาวโดยเฉลี่ย -50 °C และอุณหภูมิที่หนาวที่สุดคือ -71.2°C เมื่อปี 1924 (พ.ศ. 2467)
หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของรัสเซีย ไม่ไกลจากขั้วโลกเหนือ จึงมีสภาพอากาศใกล้เคียงกันมาก ทุกฤดูไม่มีความแตกต่างกัน เหมือนกับไทยที่มีฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก ฤดูร้อนที่สุด แต่ที่หมู่บ้านนี้อากาศจะหนาวตลอดเวลา จึงมีฤดูหนาว ฤดูหนาวมาก และฤดูหนาวที่สุด และเนื่องจากอิทธิพลของการโคจรรอบดวงอาทิตย์ แสงแดดในฤดูหนาวเดือนธันวาคม จึงมีเพียง3ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่แสงแดดในฤดูร้อนยาวนานถึง 21 ชั่วโมงในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนระดับความหนาวเย็นที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาวหรือฤดูร้อน
ประชากรในหมู่บ้านแห่งนี้มีอยู่ประมาณ 500 คน ด้วยอุณหภูมิที่ต่ำขนาดนี้ส่งผลให้ชาวเมืองประสบปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน การยืนอยู่ข้างนอกบ้านในสภาพอากาศที่เย็นจัดแบบนี้ แค่เพียงไม่นานน้ำแข็งจะเกาะตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ไม่อุ่นพอ รวมไปถึงขนตาด้วย ชาวเมืองต้องใส่เสื้อผ้าซ้อนกันหลายๆชั้นเหมือนกระหล่ำปลีเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นเมื่อออกจากบ้าน
บ้านส่วนมากต้องสร้างห้องน้ำแยกไว้ใช้นอกบ้าน มีบ้านน้อยหลังมากที่มีระบบประปาในบ้านเพราะความหนาวเย็นน้ำในท่อจะแข็งจนกลายเป็นน้ำแข็งทำให้ท่อประปาแตกได้ และเวลาเข้าห้องน้ำชาวเมืองยังพกไม้ติดตัวมาด้วย เนื่องจากอากาศที่นั่นหนาวมากในระหว่างกระบวนการขับถ่าย สิ่งที่ขับถ่ายออกมาจะถูกแช่แข็งโดยอัตโนมัติ เมื่อออกมานอกร่างกายจึงต้องใช้ไม้ทุบ
เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ จึงทำให้ไม่สามารถปลูกพืชเพื่อนำมารับประทานได้ อาหารหลักของชาวบ้านจึงเป็นเนื้อสัตว์ ได้แก่ เนื้อกวางเรนเดียร์ เนื้อม้าและเนื้อปลา ซึ่งทำให้ได้ปริมาณโปรตีนที่เพียงพอ สำหรับเนื้อสัตว์ที่วางขายนั้นมีการเน่าเสียน้อยมาก เพราะอากาศเย็นจนไม่จำเป็นต้องใช้ตู้เย็นหรือตู้แช่แข็งในการเก็บรักษา
การจอดรถ จะต้องไปจอดในอู่จอดรถยนต์ซึ่งจะมีระบบทำความอุ่น ถ้าไม่จอดในบริเวณนี้ต้องอุ่นเครื่องยนต์ไว้ มิฉะนั้นจะสตาร์ทไม่ติด เพราะน้ำในหม้อน้ำจะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง หรือน้ำมันเครื่องจะเหนียวข้นจนเกือบเป็นน้ำแข็ง ทำให้เครื่องยนต์เสียหาย และการขับขี่ก็ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะหมอกลงหนาจนทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง และยังมีหิมะปกคลุมขาวโพลนทั่วเมือง ทำให้ถนนลื่นเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
แต่การอยู่ในสภาพอากาศเช่นนี้ ชาวบ้านกลับไม่ค่อยป่วยและยังมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งมีสองด้าน อัตราการตายของทารกแรกเกิดที่นี่สูงมาก ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งการอยู่รอด
จะเห็นว่าความหนาวก็โหดร้ายไม่ต่างจากความร้อน ถ้าเลือกได้ควรพบกันคนละครึ่งทาง ที่สุดแล้วทางสายกลางเป็นสิ่งที่ใช้ได้แม้แต่เรื่องของอุณหภูมิ