ชาวบลูโซนกินอาหารและดูแลตัวเองอย่างไรให้อายุยืนยาว?
การวิจัยเกี่ยวกับโซนสีน้ำเงินและพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชาชนโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง และ National Geographic ได้ร่วมกับ Dan Buettner ที่ได้ศึกษาและเผยแพร่แนวคิดของ Blue Zones อย่างกว้างขวางผ่านทางงานเขียนของเขา โดยทำงานร่วมกับนักวิจัยในสาขาวิชาต่างๆ เพื่อสำรวจปัจจัยการดำเนินชีวิตและการรับประทานอาหาร ของชาว Blue Zone ว่าทำไมถึงมีอายุยืนยาว
โซนสีน้ำเงินเป็นภูมิภาคของผู้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดีได้แก่
- ซาร์ดิเนีย (ประเทศอิตาลี)
- โอกินาว่า (ประเทศญี่ปุ่น)
- นิโคยา (ประเทศคอสตาริกา)
- เกาะอิคาเรีย (ประเทศกรีซ)
- ชุมชนในโลมาลินดา แคลิฟอร์เนีย (สหรัฐอเมริกา)
ในปี พ.ศ. 2004 เกาะซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี กลายเป็นโซนสีน้ำเงินแห่งแรกที่ถูกค้นพบโดยทีมนักวิจัย พวกเขาพบว่าผู้คนในภูมิภาคนี้มีความแตกต่างทางพันธุกรรมจากชาวอิตาลีที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อื่น เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในเกาะห่างไกล ยีนของเขาชาวจึงยังไม่มีการเจือปนจากคนภายนอกพื้นที่ เป็นชาวเกาะที่อยู่แบบเงียบสงบ รักสันโดษ ที่ยังคงรักษาประเพณีและวิถีชีวิตดั้งเดิมเอาไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นและการเตรียมอาหารด้วยตนเอง
ชาวเกาะซาร์ดิเนีย ประเทศอิตาลี
เน้นรับประทานผักและผลไม้สด ขนมปังโฮลเกรน และถั่ว ซึ่งทั้งหมดนี้ทำจากพืช ( plant-based ) พวกเขาจะบริโภคโปรตีนจากสัตว์สำหรับมื้อพิเศษหรือในโอกาสสำคัญเท่านั้น
ส่วนนมที่ ชาวซาร์ดิเนียดื่ม คือนมแพะเพราะช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคอัลไซเมอร์ พวกเขายังใช้ชีสคุณภาพสูง เช่น เพโคริโนชีส ที่ทำจากนมแกะที่เลี้ยงด้วยหญ้า ซึ่งอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และไขมันที่เป็นประโยชน์
เกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
คือประเทศที่มีประชากรอายุยืนกว่า 100 ปีอยู่มากที่สุดในโลก จากการสำรวจประชากรของญี่ปุ่นพบว่า เมืองที่มีคนอายุยืนที่สุดอยู่ที่หมู่เกาะโอกินาวา มีช่วงอายุขัยเฉลี่ยของประชากรชายและหญิงอยู่ที่ 65 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้หญิงโอกินาวาที่จัดได้ว่ามีอายุขัยเฉลี่ยยืนยาวที่สุดในญี่ปุ่น
อาหารที่ทานคือ เน้นกินพืชมากกว่าเนื้อสัตว์ เมนูอาหารส่วนใหญ่มักจะมีส่วนประกอบของมันหวาน มะระ ผัก และถั่วเน่า ซึ่งเป็นอาหารหมักดอง ช่วยในการปรับสมดุลลำไส้และทำให้ลำไส้แข็งแรง ยังมีถั่วต่างๆโดยเฉพาะถั่วเหลือง ที่จะนำมาทำเต้าหู้และซุปมิโสะ เนื่องจากมีสาร ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ที่ช่วยปกป้องหัวใจและป้องกันมะเร็งเต้านม อาหารที่ทานล้วนแล้วแต่มีแคลอรี่ต่ำ จะมีทานเนื้อสัตว์เล็กน้อย เช่น เนื้อปลา เนื้อไก่ (ส่วนหมูจะกินในประเพณีสำคัญเท่านั้น)
ชุมชนในโลมาลินดา แคลิฟอร์เนีย (สหรัฐอเมริกา)
เมืองโลมา ลินดา ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นหนึ่งในเขตบลูโซนที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้อยู่อาศัยที่นั่นมีอายุยืนยาวกว่าคนอเมริกันโดยเฉลี่ยถึง 10 ปี
เนื่องจากการรับประทานอาหารมังสวิรัติ การออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่สูบบุหรี่ และงดเว้นจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเน้นการบริโภคอาหารมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ในขณะที่มื้อเย็นควรหลีกเลี่ยง แต่ละมื้อควรประกอบด้วยพืชตระกูลถั่ว ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี เกลือ และน้ำตาลในปริมาณเล็กน้อย การบริโภคอาหารเย็นแบบพอประมาณและเลือกอาหารแคลอรี่ต่ำในขณะที่ร่างกายไม่ได้ใช้พลังงานจะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น
เกาะอิคาเรีย ประเทศกรีซ
ชาวเกาะอิคาเรียมีประเพณีและวิถีชีวิตคล้ายชาวซาร์ดิเนียน แต่ผู้คนมักจะนอนกลางวัน กินแต่ผลไม้ ผัก ถั่ว ธัญพืช มันฝรั่ง และใช้น้ำมันมะกอกในการประกอบอาหาร ซึ่งในน้ำมันมะกอกไม่มีไขมันอิ่มตัว ช่วยบำรุงและลดการอักเสบของหัวใจได้ และนิยมการดื่มชาสมุนไพร ที่มีส่วนประกอบของโรสแมรี่ เสจ และ ออริกาโน มีสารต้านอนุมูลอิสระและเป็นยาชขับปัสสาวะ รักษาความดันโลหิตด้วยการกำจัดโซเดียมและน้ำส่วนเกินจากร่างกายได้
นิโคยา (ประเทศคอสตาริกา)
เป็นประเทศแถบละตินอเมริกาขึ้นชื่อว่ามีความมั่นคงทางเศรษฐกิจและมีระบบสาธารณสุขที่ดีซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้คนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ประเทศคอสตาริกามีมุมมองการใช้ชีวิตที่เรียกว่า ‘plan de vida’ หรือการมีเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ เป็นทัศนคติเชิงบวกในหมู่ผู้สูงอายุ เน้นการกินมื้อเย็นเบาๆ ทานน้อย
การกินมื้อเย็นให้น้อยลง ในมื้ออาหารจะต้องทาน ผักสควอซ (squash)เป็นพืชผักกลุ่มฟักทอง มะระ ซูกินี น้ำเต้า และบวบ ข้าวโพด ถั่ว และต้องดื่มน้ำเยอะๆ ข้อดีในเมืองนิคอยาคือในน้ำจะมีปริมาณแคลเซียมสูงที่สุด ทำให้อัตราการเกิดโรคหัวใจหรือโรคที่เกี่ยวกับกระดูกต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ ในประเทศ ส่วนเราก็ควรดื่มเป็นน้ำแร่แทนค่ะ
อ้างอิงจาก: กระทรวงสาธารณสุข, ภาพจาก www.pexels.com