รีวิว AQUAMAN AND THE LOST KINGDOM อควาแมน กับอาณาจักรสาบสูญ
การกลับมาของภาคต่อของเจ้าสมุทรจากจักรวาล DC ที่ทุกคนรอคอย Arthur Kerry จากคนร่อนเร่ไร้บ้านอาศัยอยู่บ้านริมประภาคาร จนชะตาชีวิตพลิกผันกลายเป็นราชาแห่งท้องทะเล ชีวิตทุกด้านของ Arthur สมบูรณ์แบบ แม้จะวุ่นวายและเหน็ดเหนื่อยไปบ้างกับภารกิจและหน้าที่ประจำวันในการปกครองบ้านเมือง ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ของพ่อ
แต่ถึงจุดหนึ่ง Arthur ก็พบเจอกับศัตรูเก่าที่ยังไม่ถึงฆาต และต้องการกลับมาล้างแค้น Black Manta ที่มีเจตนาจะทำลายครอบครัวของ Arthur ให้ทุกข์ระทมเช่นเดียวกับที่เขาเจอ ผลงานการกำกับของ James Wan ที่เคยสร้างให้ AQUAMAN ภาคแรกประสบความสำเร็จมาแล้ว
เรื่องย่อ
Arthur Kerry หรือ AQUAMAN หลังจากได้เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักร Atlantis และได้เป็นพ่อคนด้วยแล้ว เขายังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเก่า Black Manta ผู้ที่ชิงชังในตัว AQUAMAN เข้ากระดูกดำ เนื่องจาก AQUAMAN ปฏิเสธการช่วยเหลือพ่อของตน ด้วยเหตุเพราะพ่อของเขาเป็นโจรสลัดที่โหดร้าย พ่อของเขาจึงถึงแก่ความตาย
คนธรรมดาย่อมยากที่จะเอาชนะพวกเหนือมนุษย์ Blank Manta จึงออกสำรวจแอตแลนติสเพื่อตามหาขุมพลังวิเศษ ด้วยความสามารถความทะเยอทะยานของ ดร.ชิน ที่ช่วยทำงานให้ การค้นหาจึงไม่ใช่เรื่องยาก
และแล้วก็ได้ค้นพบตรีศูลดำของ Kordax ผู้นำการปกครองอาณาจักรที่สาบสูญ (The Lost Kingdom) นามว่า Necrus ปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนาจองจำตัว Kordax ได้อย่างแน่นหนา มีเพียงเลือดของ Aquaman และ Orm น้องชายต่างบิดา ถึงจะลบล้างคำสาปการถูกจองจำนี้ได้
ระหว่างที่ Black Manta ตามล่าตัว Aquaman มันก็ทำให้ตัวเขามีพละกำลังเหนือมนุษย์ด้วย เพราะพลังที่มาจาก Kordax นั่นเอง
Aquaman ไม่มีทางเลือก ต้องขอความร่วมมือจาก Orm น้องชายต่างบิดาที่ไม่ถูกชะตามารับมือถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
นักแสดงนำ
- Jason Momoa รับบทเป็น Arthur
- Patrick Wilson รับบทเป็น Orm
- Yahya Abdul-Mateen II รับบทเป็น Black Manta
- Amber Heard รับบทเป็น Mera
- Randall Park รับบทเป็น Shin
- Nicole Kidman รับบทเป็น Atlanna
- Dolph Lundgren รับบทเป็น King Nereus
ความยาว 124 นาที
ความชื่นชอบและประทับใจจากมุมมองของครีเอเตอร์
1.หนังให้ความรู้สึกแบบแอ็กชันผจญภัย ออกเดินทางเพื่อตามหาเบาะแสทีละเปาะ เปลี่ยนสถานที่อยู่เป็นระยะ ตลอดทั้งเรื่องเราได้เห็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของตัวละครที่มีการดิ้นรนเอาตัวรอด ต่อสู้ และการมอบความไว้วางใจแก่กันและกัน เพื่องานที่อยู่ตรงหน้าสำเร็จลุล่วง
2.หนังมีความเป็นสยองขวัญเจือปนอยู่ด้วย คงเป็นเพราะผู้กำกับอย่าง James Wan ชื่นชอบและอยู่กับหนังสยองขวัญมานาน หนังจึงมีฉาก Jump Scare เข้ามาให้สะดุ้งนิดนึงด้วย
3.ในภาคนี้หนังได้พยายามสร้างการเติบโตของตัวละคร ดังที่เราได้เห็นจากตัวอย่างภาพยนตร์ว่าคนอย่าง Arthur Kerry ก็เป็นพ่อคนได้เหมือนกัน หนังได้ให้มุมมองของตัวละครแบบใหม่ ซึ่งเป็นการแสดงที่ Jason Momoa ไม่มีจากหนังเรื่องอื่นๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร
4.เคมีการแสดงระหว่าง Jason Momoa และ Patrick Wilson ถือว่าเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ จากภาคที่แล้วที่เป็นอริกันในฐานะพี่น้องต่างบิดา ทำให้เกิดความขัดแย้งด้านมุมมองทางการปกครอง ในภาคนี้จะต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาและให้ความไว้วางใจต่อกัน ทั้งที่มีเวลาไม่มากนัก ในการสมานฉันท์กับคนที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาขอความร่วมมือเพื่อเห็นแก่บ้านเมืองเช่นนี้
5.การแสดงของอีกคนหนึ่งที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ Yahya Abdul-Mateen ที่ 2 ที่ต้องโหดมากขึ้นกว่าเดิมราวกับการทำสัญญากับซาตาน เพื่อแลกให้ตนเองมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะสู้กับชาวแอตแลนติสได้ ความกดดันของตัวร้ายมาเจอกับความบ้าพลังของพระเอกเป็นอะไรที่ดูสาแก่ใจยิ่งนัก
6.แต่ก็ใช่ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่มีจุดอ่อนเลย จุดอ่อนของเรื่องคือดำเนินเรื่องอืดไปบ้างในช่วงกลางเรื่อง แต่หนังก็พยายามชูประเด็นให้รู้สึกน่าติดตามอยู่เสมอ ฉากแอ็กชันอาจจะไม่ได้ดูหวือหวาหรือไม่ก็เคยเห็นจากเรื่องอื่นมาบ้างแล้ว ไม่ได้รู้สึกสาแก่ใจคอหนังแอ็กชันมากขนาดนั้น เพราะสเกลของหนังเป็นไปในแบบแฟนตาซี บทและการตัดต่อก็ดูขาดช่วง ส่วนหนึ่งก็เพราะข่าวแง่ลบของ Amber Heard หนังจึงไม่อาจมอบภาพจำที่ควรเป็นได้
ความสนุกของเรื่องคือการได้เห็น Superhero ที่เราคุ้นเคยกลับมาบ้าพลัง มีอารมณ์ขัน สอดแทรกมุกตลกได้อย่างแนบเนียน และเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง ท่ามกลางสเกลหนังที่ใช้ฉากอลังการดูยิ่งใหญ่ นี่คือหมุดหมายสำคัญอีกเรื่องหนึ่งจากจักรวาล DC ที่ครีเอเตอร์มองว่ามีส่วนสำคัญกับเรื่องต่อไปของ DC ในอนาคต
ก่อนจากกันไปขอฝาก Quote ประโยคเด็ดจาก Arthur Kerry หรือ Aquaman ตัวตึงกล่าวว่า
"No one hits my brother, but me !"
ห้ามใครตีน้องชายฉัน ฉันตีได้คนเดียว