เริ่มปฏิบัติการทำความสะอาดภูเขาเอเวอเรสต์

ทุกฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนพฤษภาคมเป็นฤดูทองสำหรับการปีนภูเขาเอเวอเรสต์ "หลังคาโลก"นับตั้งแต่การปีนเขาเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในปี 1992 ระดับความสูง 8848.86 เมตร ได้ดึงดูดผู้คนให้ท้าทายขีดจำกัดของสมรรถภาพทางกายและจำนวนผู้คนที่ตั้งใจอยากจะท้าทายมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้คนประมาณ 800 คนพยายามปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ซึ่งมีมากกว่า 10 เส้นทางทุกปี เส้นทางลาดทางใต้ของยอดเขาเอเวอเรสต์ในเนปาลเป็นที่นิยมในหมู่นักปีนเขาเนื่องจากความลาดชันที่น้อยกว่า ผู้ชื่นชอบการปีนเขาสามารถใช้จ่ายเงิน 40,000-100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (1.5-3.7 ล้านบาท) เพื่อไปถึงยอดเขาภายใต้การนำของไกด์ชาวเชอร์ปาในท้องถิ่น

การท่องเที่ยวเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศเนปาล และรัฐบาลมีรายได้มากกว่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐ(110 ล้านบาท) ทุกปีจากการออกใบอนุญาตปีนเขาเอเวอเรสต์ ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้จัดงานกำหนดให้นักปีนเขาต้องสวมอุปกรณ์ติดตาม GPS ในราคาเครื่องละ 10 ดอลลาร์(367 บาท)  

ในปี 2566 เนปาลได้ออกใบอนุญาตให้กับชาวต่างชาติทั้งหมด 478 ฉบับณ วันที่ 10 เมษายนนักปีนเขา 209 คนได้รับการอนุมัติให้ปีนยอดเขา 15 ยอดที่สูงกว่า 6,000 เมตรในฤดูใบไม้ผลินี้ ประชาชนจาก 42 ประเทศ รวมถึงจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร รัสเซีย โปแลนด์ และออสเตรเลีย ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล

ชาวต่างชาติจะเดินทางไปยังเบสแคมป์จากเมืองหลวงกาฐมาณฑุ เพื่อพักผ่อน จากนั้นจึงปีนขึ้นสู่ยอดเขาตามเส้นทางต่างๆโดยปกติจะใช้เวลาสี่วันในการไปถึงยอดเขาจากค่ายฐานลาดทางใต้ ด้วยความนิยมของการปีนเขาและกิจกรรมของมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้น นิเวศวิทยาของยอดเขาเอเวอเรสต์จึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่สูง เช่น ที่ตั้งแคมป์ใกล้กับธารน้ำแข็งคุมบู

ในช่วงฤดูปีนเขาในเดือนเมษายน 2019 รัฐบาลเนปาลและบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคข้ามชาติหลายรายร่วมกันเปิดตัว "ปฏิบัติการทำความสะอาดภูเขา" เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ในปีนั้น มีการเก็บรวบรวมขยะมากกว่า 10 ตัน รวมถึงขวดออกซิเจนที่ถูกทิ้งจากการปีนเขา อุปกรณ์เต็นท์ ภาชนะพลาสติก และซากศพมนุษย์ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2020 เนปาลได้สั่งห้ามการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทั้งหมดที่มีความหนาน้อยกว่า 30 ไมครอน ในปี 2023 “ปฏิบัติการทำความสะอาดภูเขา” ได้รวบรวมขยะรวมทั้งสิ้น 110 ตัน

ในปีนี้ กองทัพเนปาลได้ส่งทีมปีนเขา 30 คน ไปยังภูเขาเอเวอเรสต์ เทือกเขาโลตเซ และนูบุตเซ เพื่อกำจัดขยะเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกับนักปีนเขาคนอื่นๆ พวกเขาออกเดินทางจากค่ายฐานในวันที่ 14 เมษายน และวางแผนที่จะนำข้าวของของนักปีนเขาที่ทิ้งไว้กลับออกมา การดำเนินการทำความสะอาดทั้งหมดใช้เวลา 50 วัน โดยพวกเขาจะกลับมาในวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลกขยะที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจะถูกส่งไปยังเมืองเล็กๆ ชื่อนามเช บาซาร์ และส่งมอบให้กับคณะกรรมการควบคุมมลพิษสการ์มาธาเพื่อนำไปกำจัด ในขณะที่ขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้และซากศพมนุษย์จะถูกส่งไปยังกาฐมาณฑุ

ณ สิ้นปี 2566 ผู้คนทั่วโลกจำนวน 6,664 คนสามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จ ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเผชิญคือ "เขตมรณะ" ที่สูงกว่า 7,620 เมตร เนินเขามีความชัน หนาวจัด และปริมาณออกซิเจนในอากาศมีเพียง 1 ใน 3 ของปริมาณออกซิเจนที่ระดับน้ำทะเล นักปีนเขามักจะอยู่ในบริเวณนี้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง

นอกจากนี้ นับตั้งแต่การเสียชีวิตของนักปีนเขาชาวอังกฤษสองคนในปี 1924 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 330 คนขณะปีนเขา เนื่องจากความยากลำบากในการหายใจ โดยเฉพาะใน "เขตมรณะ" ประมาณสองในสามของซากศพจึงยังคงอยู่ที่เดิม ซึ่งศพบนยอดเขาเอเวอเรสต์ ส่วนใหญ่ระบุได้ชัดเจน แต่ทำไมครอบครัวของพวกเขาไม่ไปเก็บศพ? อ่านต่อได้ที่ https://board.postjung.com/1538840

เพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิต รัฐบาลเนปาลได้หารือและกำหนดมาตรการเป็นเวลาหลายปีเพื่อห้ามผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการปีนยอดเขาสูง 6,500 เมตร ผู้พิการทางร่างกาย ผู้สูงอายุ และเยาวชนจากการปีนเขาเอเวอเรสต์  และให้บริษัทต่างๆ จ่ายค่าธรรมเนียมขั้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงกิจกรรมปีนเขาที่มีงบประมาณต่ำ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศกฎระเบียบใหม่อย่างเป็นทางการ

ในปีนี้ รัฐบาลเนปาลยังได้ดำเนินมาตรการใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาอุจจาระของมนุษย์ โดยจำหน่ายถุงพิเศษจำนวน 8,000 ถุงและอนุญาตให้แต่ละคนซื้อถุงคนละ 2 ใบ อ่านต่อได้ที่ https://board.postjung.com/1531785 เพื่อให้นักปีนเขาใช้ในพื้นที่ภูเขาสูง ซึ่งนักปีนเขาจะต้องนำพวกมันลงมาจากภูเขาด้วยตนเอง

บริษัทไกด์นำเที่ยวในค่ายฐานพื้นที่ต่ำมักจะตั้งเต็นท์สำหรับลูกค้าเป็นห้องน้ำชั่วคราว แต่เนื่องจากภาวะโลกร้อนเร่งการละลายของหิมะและน้ำแข็ง ของเสียจากมนุษย์อาจปนเปื้อนแหล่งน้ำในหุบเขา การลดสิ่งปฏิกูลลงจะเป็นความก้าวหน้าอย่างมากในการปกป้องระบบนิเวศของยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งMount Vinson (4892 เมตร) ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอนตาร์กติกา และ Denali (6193 เมตร) ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ทั้งสองแห่ง แจกจ่ายถุงให้นักปีนเขาในลักษณะเดียวกัน พบว่าได้ผลดีมาก