เจ้าน้อยศุขเกษมตำนานมะเมี๊ยะ
ร้อยตรี เจ้าอุตรการโกศล มีนามเดิมว่า เจ้าน้อยศุขเกษม
(พ.ศ. 2423 - พ.ศ. 2456) เป็นราชโอรสองค์ใหญ่ในพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ สมรสกับเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ พระญาติในราชวงศ์ทิพย์จักร มีบรรดาศักดิ์เป็น "เจ้าอุตรการโกศล
"เจ้าน้อยศุขเกษม ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2423 เป็นราชโอรสองค์ใหญ่ในเจ้าแก้วนวรัฐกับแม่เจ้าจามรีมหาเทวี มีน้องสาวและน้องชายร่วมพระมารดา คือ เจ้าบัวทิพย์ และเจ้าวงษ์ตะวัน
ในปี พ.ศ. 2441 ในวัย 15 ปีก็ถูกส่งตัวไปศึกษายังโรงเรียนเซนต์แพทริคในเมืองมะละแหม่งของพม่า และได้พบรักกับมะเมียะแม่ค้าสาวชาวพม่าในปี พ.ศ. 2445 จนกระทั่งได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา ด้วยความสนับสนุนของทางบ้านของมะเมียะ
หลังจากเรื่องเจ้าศุขเกษมไปคบหากับสาวพม่าได้ยินมาถึงคุ้มเชียงใหม่ เจ้าศุขเกษมก็ถูกเรียกกลับเชียงใหม่ในปีพ.ศ. 2446 โดยมะเมียะปลอมตัวเป็นผู้ชายติดตามขบวนมาและให้คนสนิทปิดเรื่องนี้เป็นความลับ หลังจากเรื่องแดง มะเมี๊ยะซึ่งเป็นคนพม่าและมีฐานะยากจน ก็ถูกคุ้มเชียงใหม่บีบบังคับให้แยกทางจากเจ้าศุขเกษมอย่างเด็ดขาด
เจ้าศุขเกษมได้เข้าพิธีสมรสกับเจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ เจ้าศุขเกษมมีอุปนิสัยไม่เอาการเอางาน ชอบแต่สุรา ด้วยเหตุฉะนี้จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเพียง "เจ้าอุตรการโกศล" ซึ่งไม่มีสิทธิขึ้นครองนครต่อเนื่องจากไม่ใช่ตำแหน่งเจ้าขันห้าใบ เจ้าศุขเกษมถึงแก่กรรมด้วยโรคเส้นประสาทพิการเรื้อรัง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2456 สิริอายุ 33 ปี (นับแบบปัจจุบันตรงกับ พ.ศ. 2457) โดยมีพิธีปลงศพ ในวันที่ 31 สิงหาคม ของปีเดียวกัน
____________________________________
____________________________________
เจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ เป็นธิดาของเจ้าดวงทิพย์ ซึ่งเป็นพระอนุชาของเจ้าอินทวิชยานนท์ พระบิดาของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี เกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๙ ณ จังหวัดเชียงใหม่
พ.ศ. ๒๔๓๖ พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ทรงขอให้เจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ มาอยู่ในพระราชวังหลวง ที่กรุงเทพ ฯ ด้วย เจ้าบัวชุมจึงได้เป็นทั้งพระญาติใกล้ชิดและพระสหายสนิทด้วย ตั้งแต่อายุเพียง ๗ ขวบ และเนื่องจากมีพรสวรรค์ในด้านดนตรีอยู่ พระราชายา ฯ จึงทรงสนับสนุนเต็มที่ โปรด ฯ ให้ครูช้อย สุนทรวาทิน และหม่อมผิว มานิตยกุล เข้ามาสอนดนตรีให้ ณ พระตำหนักในวังหลวง จนเจ้าบัวชุมมีฝีมือในทางจะเข้และเครื่องสายอื่น ๆ เช่น ซอ ดีมาก
ต่อมาได้เรียนออร์แกนจากพระยาประสานศัพท์ (แปลก ประสานศัพท์) เพิ่มเติมอีก จนสามารถบรรเลงได้ดี นอกจากได้เรียนดนตรีไทยแล้ว ยังได้มีโอกาสเรียนดนตรีสากลจากแหม่มชาวยุโรปชื่อเบลล่า ด้วย ทำให้ตำหนักที่ประทับของพระราชชายา ฯ ครึกครื้นด้วยเสียงเพลงตลอดเวลา และบ่อยครั้งที่พระราชชายาทรงจะเข้ร่วมวงกับเจ้าบัวชุมและพระญาติตลอดจนผู้ใกล้ชิด ซึ่งได้รับถ่ายทอดวิชาดนตรีจากพระราชชายา ฯ และเจ้าบัวชุมไว้หลายสิบคนร่ำลือกันว่าฝีมือในการเดี่ยวจะเข้เพลงลาวแพนของเจ้าบัวชุมนั้น ยอดเยี่ยมมาก
เจ้าบัวชุม สมรสครั้งแรกกับเจ้าน้อยศุขเกษมไม่มีทายาทสืบสกุล เมื่อเจ้าน้อยศุขเกษมถึงแก่กรรมแล้ว จึงสมรสครั้งที่ ๒ กับเจ้าไชยวรเชษฐ์ (มงคลสวัสดิ์ ณ เชียงใหม่) อยู่ด้วยกันเพียง ๓ ปี ก็หย่า เจ้าบัวชุมจึงกลับมาอยู่กับพระราชชายา ฯ ที่เมืองเชียงใหม่อีก จนกระทั่งพระราชชายา ฯ สิ้นพระชนม์ จากนั้นจึงได้มาอยู่ในความดูแลของคุณทิม เจ้าวัฒนา และคุณสมพันธ์ โชตนา จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ขอขอบพระคุณภาพ / ข้อมูล
Cr. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
Cr. หนังสือ “ดารารัศมีรำลึก” โดยเจ้าประกายแก้ว ณ เชียงใหม่ วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๒๑)
: ย้อนอดีตด้วยภาพ
: กลุ่มภาพเก่าในอดีตที่มีคุณค่า
อ้างอิงจาก: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ, หนังสือดารารัศมีรำลึก