6 ประโยชน์สุดปัง! ของการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ
กาแฟ กลายเป็นเครื่องดื่มแก้วโปรดของใครหลายคนที่ลำดับความสำคัญรองลงมาจากน้ำเปล่าเลยก็ว่าได้ คอฟฟีเลิฟเวอร์ส่วนใหญ่จึงมักเลือกดื่มกาแฟกันเป็นกิจวัตรประจำวัน หากไม่ดื่มสักครั้งก็จะรู้สึกขาดขึ้นมาทันที ความนิยมการดื่มกาแฟที่นับวันมีแต่จะทวีคูณนี้ ส่งผลให้มีเมนูกาแฟในดวงใจกันแทบจะทุกคน หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันกาแฟสากล” เครื่องดื่มที่เป็นแรงใจในยามเช้าของคนทำงานหลายคน แม้จะมีคาเฟอีน แต่กาแฟก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพนะ
(แต่ก็ต้องระมัดระวังในการดื่มควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะนะครับ)
1.ตื่นตัว
คุณสมบัติข้อนี้เป็นที่รู้กันของคนรักกาแฟอยู่แล้วว่า เมื่อดื่มจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น ตื่นตัว เนื่องจากในกาแฟมีสารกระตุ้นที่ชื่อ “คาเฟอีน” ที่ช่วยปรับปรุงการทำงานของสมองในด้านต่างๆ รวมถึงกระตุ้นความจำ และอารมณ์ให้ตื่นตัวอยู่เสมออีกด้วย
การศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า กาเฟอีนสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญของคุณได้ 3–11% นอกจากนั้นกาแฟดำมีประกอบไปด้วยแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่ช่วยลดความอยากอาหาร และของหวานได้
3.ป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว
ผลการศึกษาหนึ่งในปี 2012 สรุปว่าการดื่มกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ หรือการบริโภคประมาณ 8 ออนซ์ 2 มื้อต่อวัน ช่วยป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลวได้ นอกจากนั้นยังมีการทดลองที่สรุปได้ว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละหนึ่งแก้ว มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบลดลง
4.ป้องกันคุณจาโรคอัลไซเมอร์หรือความจำเสื่อม
โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่พบบ่อยที่สุด และเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะสมองเสื่อม ซึ่งภาวะนี้มักเกิดกับผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี และไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด ดังนั้นคุณจึงควรหาวิธีป้องกัน อาทิ การออกกำลังกาย หรือการดื่มกาแฟ งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ดื่มกาแฟลดความเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 65%
5.ลดความเสี่ยงของมะเร็งตับ
นักวิจัยชาวอิตาลีพบว่าการบริโภคกาแฟช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งตับได้ประมาณ 40% นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยในปี 2019 ยังสรุปได้ว่า “การดื่มกาแฟอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งตับได้”
6.ป้องกันโรคพาร์กินสัน
การศึกษาต่างๆ แสดงให้เห็นว่ากาเฟอีนช่วยป้องกันโรคพาร์กินสันได้ ผู้ชายที่ดื่มกาแฟมากกว่าสี่แก้วต่อวันอาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคพาร์กินสันต่ำกว่าคนที่ไม่ดื่มกาแฟถึงห้าเท่า นอกจากนี้การศึกษาในปี 2012 ยังระบุอีกด้วยว่า กาเฟอีนในกาแฟอาจช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวในผู้ป่วยพาร์กินสันได้