ประเทศที่มีอากาศดีและแย่ที่สุดในโลกปี 2023
7 ประเทศอากาศดีที่สุดในโลกปี 2023
อยากรู้ไหมว่า อยู่ที่ไหนในโลกที่อากาศดีที่สุด?
จากรายงานล่าสุดของ IQAir บริษัทเทคโนโลยีด้านคุณภาพอากาศจากสวิส 🇨🇭 วิเคราะห์ข้อมูลจากสถานีตรวจวัดอากาศกว่า 30,000 แห่ง ใน 78,112 เมือง 134 ประเทศ พบว่า มีเพียง 7 ประเทศเท่านั้นที่มีคุณภาพอากาศเฉลี่ยทั้งปี 2023 อยู่ในระดับดี ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO)
7 ประเทศที่อากาศดีที่สุดในโลกปี 2023 ได้แก่:
- 🇦🇺 ออสเตรเลีย
- 🇪🇪 เอสโตเนีย
- 🇫🇮 ฟินแลนด์
- 🇬🇩 เกรนาดา
- 🇮🇸 ไอซ์แลนด์
- 🇲🇺 มอริเชียส
- 🇳🇿 นิวซีแลนด์
ประเทศเหล่านี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง?
- อุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ พื้นที่สีเขียว
- ยานพาหนะส่วนตัวน้อย สนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะ
- โรงงานอุตสาหกรรมน้อย ควบคุมมลพิษทางอากาศอย่างเข้มงวด
- ♻️ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีนโยบายส่งเสริมพลังงานสะอาด
เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก
เมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก 5 อันดับแรก ได้แก่
- บังกลาเทศ ค่าฝุ่นเฉลี่ยต่อปี 79.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์ 15 เท่า
- ปากีสถาน ค่าฝุ่นเฉลี่ยต่อปี 73.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์ 14 เท่า
- อินเดีย ค่าฝุ่นเฉลี่ยต่อปี 54.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์ 10 เท่า
- ทาจิกิสถาน ค่าฝุ่นเฉลี่ยต่อปี 49.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์ 9 เท่า
- บูร์กินาฟาโซ ค่าฝุ่นเฉลี่ยต่อปี 46.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์ 9
ขณะที่🇹🇭ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 36 ค่าฝุ่นเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 23.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์ประมาณ 4 เท่า
แต่หากพิจารณาเป็นรายเมือง พบว่า ใน 100 เมืองที่มีมลพิษทางอากาศเลวร้ายที่สุดในโลกนั้น เป็นเมืองในเอเชียถึง 99 เมือง และอยู่ในอินเดีย 83 เมือง และทั้งหมดมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์ WHO มากกว่า 10 เท่าทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมืองเบกูราไซของอินเดีย ค่าฝุ่นเฉลี่ยทั้งปีสูงถึง 118.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินมาตรฐานไปเกือบ 24 เท่า
รายงานระบุว่า ทั่วประเทศอินเดีย มีประชากรถึง 1.3 พันล้านคนหรือ 96% ที่ต้องใช้ชีวิตโดยมีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์ WHO อย่างน้อย 7 เท่า
ที่น่าตกใจคือ จาก 99 เมืองเอเชียที่คุณภาพอากาศแย่ที่สุด มีเมืองจากประเทศไทยติด Top 10 อยู่ 2 เมือง นั่นคือ อ.พาน จ.เชียงราย (เฉลี่ยต่อปี 51.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และ อ.เมือง จ.เชียงราย (เฉลี่ยต่อปี 50.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร)
ส่วนเมืองที่คุณภาพอากาศทั้งปีดีที่สุดคือ คูซาโม, อุตส์โยกี และโซดันคีลา ของฟินแลนด์ ทั้งหมดมีค่าฝุ่นเฉลี่ยทั้งปีแค่ 0.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
แฟรงค์ แฮมเมส ซีอีโอของ IQAir Global กล่าวว่า “เราเห็นแล้วว่ามลพิษทางอากาศมีผลกระทบในทุกส่วนของชีวิต และโดยปกติแล้ว ในประเทศที่มีมลพิษมากที่สุดบางประเทศ มีแนวโน้มจะลดอายุขัยของผู้คนได้ 3-6 ปี”
เมื่อสูดดมฝุ่น PM2.5 อนุภาคมลพิษนั้นจะเดินทางลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อปอดซึ่งสามารถเข้าสู่กระแสเลือดได้ และมีความเชื่อมโยงกับโรคหอบหืด โรคหัวใจและปอด มะเร็ง และโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ รวมถึงความบกพร่องทางสติปัญญาในเด็ก
แฮมเมสกล่าวว่า ระดับมลพิษในภูมิภาคจะไม่ได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ “หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและแนวทางปฏิบัติทางการเกษตร”
เขาเสริมว่า “สิ่งที่น่าเป็นห่วงในหลายส่วนของโลกก็คือ สิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศภายนอกอาคารบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศภายในอาคารด้วย ... ดังนั้นการปรุงอาหารโดยใช้เชื้อเพลิงสกปรกจะสร้างฝุ่นมากกว่าที่คุณเห็นกลางแจ้งหลายเท่า”
ทำไมคุณภาพอากาศถึงสำคัญ?
มลพิษทางอากาศ ส่งผลต่อสุขภาพของเราโดยตรง
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอด
- ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก
เราทำอะไรได้บ้าง?
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
- ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว
- ♻️ ร่วมลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม
**มาช่วยกันสร้างโลกของเราให้น่าอยู่ขึ้น **
ร่วมแสดงความคิดเห็น
- คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับข้อมูลนี้?
- คุณมีวิธีดูแลสุขภาพตัวเองจากมลพิษทางอากาศอย่างไร?
- แบ่งปันความคิดเห็นของคุณใน comment ข้างล่างได้เลย!
อ้างอิงจาก:
IQAir - รายงานคุณภาพอากาศโลก 2023: https://www.iqair.com/world-air-quality-report
Greenpeace - รายงานคุณภาพอากาศโลกปี 2566: https://www.greenpeace.org/thailand/press/52016/climate-airpollution-iqair-report-2023/