เกิดอะไรขึ้นกับออสการ์ เรตติ้งน้อยลงทุกปี
เวทีออสการ์ (Oscars) เป็นงานประกาศรางวัลแห่งวงการบันเทิงที่เก่าแก่ที่สุด โดยพิธีมอบรางวัลเริ่มออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในทศวรรษที่ 1950 และด้วยเหตุผลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การลุ้นว่าเหล่าเซเลบริตี้จะใส่ชุดอะไรมาเดินพรมแดง คำกล่าวสุนทรพจน์ที่น่าทึ่งของผู้ได้รางวัล และผลรางวัลของภาพยนตร์ที่เข้าชิง เหล่านี้ล้วนดึงดูดผู้ชมมหาศาลให้มาเฝ้าอยู่หน้าจอเพื่อรอดูงานมอบรางวัลตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงปี 1980-2000 ที่ยอดผู้ชมพุ่งขึ้นต่อเนื่องไปถึงระดับสูงสุดในปี 1998 ซึ่งเป็นที่ออสการ์มีผู้ชมมากที่สุด มีผู้ชมอยู่ประมาณ 57.3 ล้านครัวเรือน แต่ในปี 2021 ลดลงเหลือเพียง 10.4 ล้านครัวเรือนเท่านั้น
Oscars 2014 นักแสดงดังร่วมกันเซลฟี่
พิธีมอบรางวัลออสการ์ เวทีประกาศผลรางวัลอันทรงเกียรติมากที่สุดแห่งปีของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดกำลังเผชิญกับปัญหาสำคัญคือ ในระยะหลังหรือกว่า 20 ปีมานี้ งานประกาศรางวัลออสการ์ความนิยมในการชมการถ่ายทอดสดที่ลดลงเรื่อยๆ ทุกปี โดยมีรายงานของ Nielsen บริษัทวิจัยการตลาดที่มีชื่อเสียง ได้ทำการเผยแพร่ข้อมูลเรตติ้ง ในช่วงงาน Oscars ที่ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ABC เรตติ้งในปีก่อนๆ นับว่าลดลง โดยย้อนกลับไปในปี 2021 งานประกาศรางวัลออสการ์ได้ถึงจุดตกต่ำที่สุด เมื่อเรตติ้งงานประกาศรางวัลในปีนั้นมีผู้ชมเพียง 10.4 ล้านครัวเรือน ส่งผลให้งาน Oscars ครั้งที่ 93 นั้นเป็นปีที่เรตติ้งต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ขององค์กร The Academy
Oscars 2014 เอลเลน ดีเจนเนอเรส พิธีกรแจกพิซซ่าแก่เหล่านักแสดง
ต่อมาปี 2022 เรตติ้งกลับมาเพิ่มขึ้น มีผู้ชมถึง 16.6 ล้านครัวเรือน ซึ่งคาดว่ามีผลมาจาก กรณีดราม่าจากการที่พระเอกคนดังอย่าง Will Smith ตบหน้าพิธีกรชื่อดัง Chris Rock บนเวทีประกาศรางวัล จนทำให้เกิดการพูดถึงผ่านกระแสโซเชียลเป็นอย่างมากรวมถึงเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังการออกอากาศในปีที่แล้ว และต่อเนื่องมาถึงปี 2023 ที่การนำเสนอรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและรางวัลในสาขาต่างๆ ที่มาจากภาพยนตร์ดังสร้างกำไรมหาศาล อย่าง Top Gun: Maverick และ Avatar: The Way Of Water แต่ทว่าผู้ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 และยังกวาดรางวัลประเภทสาขานักแสดงไปครองด้วยคือภาพยนตร์ Everything Everywhere All At Once
Oscars 2022 วิล สมิธ ตบหน้า คริส ร็อก
วิเคราะห์ได้ว่าสาเหตุที่ทำให้คนสนใจงานประกาศรางวัลน้อยลง มีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
1.ภาพยนตร์เด่นๆ ดังๆ ทำรายได้สูงไม่มีโอกาสเข้าชิง หรือมีโอกาสเข้าชิงแต่ก็ไม่ได้รับรางวัล ส่วนภาพยนตร์ที่เป็นตัวเต็งรางวัลก็เป็นภาพยนตร์แนวเฉพาะกลุ่มที่คนรู้จักน้อย
2.ไม่มีนักแสดงดังๆที่คนทั่วไปหรือแฟนหนังส่วนใหญ่รู้จัก ปฏิเสธไม่ได้ว่าดารานักแสดงทำให้คนสนใจงาน หลายคนดูแฟชั่นพรมแดง หลายคนดูและเชียร์ดาราที่ตัวเองชอบให้ได้รางวัล สังเกตจากปี 2014 ที่เรตติ้งสูงสุดในรอบหลายปี เพราะปีนั้นมีดาราดังๆมาร่วมงานเยอะ เช่น จูเลีย โรเบิร์ต, แองเจลิน่า โจลี่,แบรด พิตต์,ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ เป็นต้น
Oscars 2017 จิมมี่ คิมเมล พิธีกรเชิญนักท่องเที่ยวผู้โชคดีจากจับฉลากรางวัลมาเที่ยวงานออสการ์
3.งานมอบรางวัลได้รับความสนใจมากขึ้นในโลกดิจิทัลจากผู้ชมบนโซเชียลมีเดีย โดยบนยูทูบและทวิตเตอร์ มีคนเข้ามาดู (คลิปที่สำนักข่าวลง) จำนวนยอดวิวสูง ซึ่งสอดคล้องกับยุคสมัย anytime anywhere
4.กระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงมาตรฐานการให้รางวัลงานออสการ์ช่วงหลังกลายเป็นประเด็นการเมืองไปแล้ว รูปแบบของงานของงานพยายามนำเสนอเรื่องนี้จนบางทีมันก็ดูมากไป อย่างเช่น กระแส Oscars So White ซึ่งเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเวทีนี้เมินการให้รางวัลแก่คนผิวสีและให้ความสนใจคนผิวขาวมากกว่า นอกจากนี้บางปีงานประกาศรางวัลก็ยังถูกวิจารณ์ในประเด็น Oscars So Male ผู้ได้รับรางวัลเป็นเพศชายจำนวนมากกว่าเพศหญิง และบางปีก็โดนวิจารณ์เรื่องขาดจริยธรรมสื่อในกระบวนการคัดสรรผู้เข้าชิง เป็นต้น
Oscars 2017 ประกาศผลรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผิดเรื่อง
ดังนี้แล้ว คณะกรรมการของสถาบันศิลปะและวิชาการภาพยนตร์ ผู้จัดงานประกาศรางวัลออสการ์ มีมติเห็นชอบให้มีการเปลี่ยนแปลง คือ
การมอบรางวัลภาพยนต์ยอดนิยมที่ประสบความสำเร็จในด้านรายได้และภาพยนตร์นอกระแสจากทั่วโลก ที่อาจไม่เป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์ ให้ได้มีโอกาสที่จะได้ชนะรางวัลออสการ์ ซึ่งการเพิ่มโอกาสดังกล่าวอาจเป็นหนทางที่จะช่วยกอบกู้เรตติ้งการถ่ายทอดสดของออสการ์
Oscars 2024 ไรอัน กอสลิ่งโชว์ร้องเพลง I'm just Ken เพลงประกอบภาพยนตร์บาร์บี้
รูปถ่าย : เครดิตตามภาพ