2 : Don't touch ลิขิตรักสัมผัสร้าย
Chapter 2
เงื้อมมือ
ในช่วงเวลาเดียวกัน
ฝีเท้าใหญ่ก้าวเดินเข้ามาภายในร้านเครื่องดื่ม ที่สร้างจากไม้ผุพังและพังยิ่งกว่าเดิมหลังจากผ่านเหตุการณ์จลาจลเมื่อวาน ก่อนที่ประตูเก่าฝุ่นเขรอะจะถูกเปิดออกเผยให้เห็นบันได ที่ทอดยาวลงไปยังห้องใต้ดินที่โอ่โถง และถูกตกแต่งด้วยเครื่องเรือนหรูหราผิดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง
และคนแรกที่เห็นเขาเดินเข้ามาก็คือ เซเรน อัลฟ่าที่มีเชื้อสายขุนนาง ซึ่งกำลังใช้แว่นขยายส่องลูกแก้วเม็ดน้อยเท่าถั่วเขียว ที่มีมวลประกายแวววาว สลับกับมวลคลื่น บ้างก็หมู่ดาวหมุนคว้างอยู่ภายในนั้น
*ลูกแก้วเม็ดน้อย ที่พวกเขาเรียกว่ายากลายสภาพ และเป็นสินค้าที่สำคัญเพียงตัวเดียวในธุรกิจของพวกเขา
"มาพอดีเลยแซตเทอร์พวกเรากำลังพูดถึงเรื่องนายอยู่พอดี ไปส่งของที่ดาวเวลเป็นยังไงบ้าง?"
"จริงเหรอที่บอกว่าแอเรียดเน่หายตัวไป?"
ชายที่ชื่อ แซตเทอร์ อีกหนึ่งอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ เอ่ยเข้าประเด็นทันทีด้วยความร้อนรุ่มใจ ทำให้ทั้งห้องตกลงสู่ความเงียบไปชั่วขณะ พร้อมทั้งอุณหภูมิที่ลดต่ำลงหลายองศา
เว้นเสียแต่ เรกูลัส อัลฟ่าผ่าเหล่าที่มีสายเลือดอินิกม่าและพลังวิเศษในการ 'เปลี่ยนแปลง' ที่น่าพิศวง และเป็นนักวิจัยของทีมที่ฉลาดจนหาตัวจับยาก ไม่ได้มีท่าทีสำนึกเสียใจเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ซึ่งเป็นคำถามที่คาใจใครหลายคนในที่นี้
"ผู้หญิงคนนั้นดูท่าว่าจะเป็นคนสำคัญของนายสินะแซตเทอร์"
"..."
"ถึงได้ฝ่าอันตรายพามาถึงอเดรแกนด้วยตัวเอง"
คำพูดที่ฟังดูแล้วไม่สะทกสะท้านต่อความผิดพลาดของตนแม้แต่น้อย ทำให้เส้นเลือดในขมับของแซตเทอร์กระตุก แต่พยายามทำใจสงบไม่อยากให้เสียเรื่อง ก่อนที่เซเรนจะตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาบ้าง
"อย่าบอกนะ ว่านายหลงรักชาวดาวเวลเข้าแล้ว!!!!?"
"..."
"ตายๆๆๆ ชาวซีนิทกับชาวเวล!!"
"แค่พวกกลายพันธุ์ก็เกิดสงครามขึ้นไม่เว้นแต่ละวันแล้ว"
เจริโก้ อัลฟ่าร่างสูงกำยำ ที่กำลังเซ็นเอกสารทางด้านธุรกิจกองพะเนินบนโต๊ะ ก็ถึงกับหยุดมือลงกะทันหัน และเซเรนตอนนี้ก็ดูคล้ายคนสติแตกเข้าไปทุกที
"ตายแน่ แบบนี้ตายแน่ๆ!!!!"
"พอได้แล้ว!"
ในที่สุดเส้นความอดทนของแซตเทอร์ก็ขาดสะบั้นลง และเขาจะไม่มีทางยอมปริปากถึงที่มาของผู้หญิงคนนั้นให้ใครรู้อย่างเด็ดขาด
"ฉันถามว่าแอเรียดเน่หายไปไหน!?"
"เธอ...หายตัวไปแล้ว"
ในที่สุดเรกูลัสก็ยอมรับความจริงในสิ่งที่ตนทำพลาด แถมยังไม่ได้ให้เธอดื่มน้ำยาสมดุล เพื่อให้ร่างกายปรับสภาพเข้ากับสายพันธุ์ใหม่ ครึ่งเวลครึ่งโอเมก้าที่อ่อนไหว และมีสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ป่ามากกว่าโอเมก้าทั่วไปหลายเท่า
"ระหว่างการจลาจลนั่น.."
"บ้าเอ๊ย!!!"
ปึง!!!
เสียงฝ่ามือกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง จนทั้งห้องตกลงสู่ความเงียบอีกครั้ง ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าปริปากอะไรขึ้นมาเว้นเสียแต่เรกูลัส ซึ่งเห็นท่าทีที่ไม่ปรากฏให้เห็นบ่อยนักของเพื่อน ก็ค่อยๆ เผยรู้สึกผิดอย่างเต็มหัวใจ
"ขอโทษที่เลินเล่อ"
"..."
"แต่ฉันสาบานว่าจะตามหาตัวเธอให้พบ และพากลับมาที่นี่ให้ได้"
อีกฟากหนึ่งของเมืองหลวงอเดรแกน
ณ ป่ารกชัฏทางทิศตะวันออก
กองทหารเดินเท้านับสิบ และพลทหารที่ควบคุมม้ารูปร่างประหลาดทั้ง 3 ตัว ที่มีกีบเท้าและมีปีกคล้ายนกขนาดใหญ่คู่หนึ่ง ก็ถูกสายหนังรัดให้แนบไว้กับลำตัว กำลังกวาดต้อนเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับแอเรียดเน่อีกหลายคน ที่ถูกมัดมือด้วยเชือกล่ามจูงไว้ด้วยกันเป็นขบวน เพื่อมุ่งหน้าออกไปจากป่าแห่งนี้
แอเรียดเน่ที่พยายามจะสื่อสารกับสาวๆ เหล่านั้น แต่ทุกคนก็เอาแต่ปิดปากเงียบจนเธอได้แต่พึมพำกับตัวเอง และสงสัยในชะตากรรมหลังจากนี้ของตนมาตลอดทาง
"จะพาพวกเราไปที่ไหน!?"
เธอตัดสินใจร้องถามขึ้นเสียงดัง ท่ามกลางความเงียบและหวาดกลัวของบรรดาสาวๆ นับสิบรอบตัว
"หุบปากซะนังหนู!"
"นะ...นังหนูเนี่ยนะ!?"
"อีกแค่นิดเดียวเดี๋ยวก็รู้เอง ไปต่อ!!!!"
"โอ๊ยย! พวกป่าเถื่อน!!"
แรงกระชากจากม้าทำให้เหล่าเด็กสาวเกือบหน้าคะมำ จนต้องเร่งฝีเท้าเพื่อวิ่งตามพวกทหารกลุ่มนี้ให้ทัน แรงเสียดสีจากเชือกที่บาดข้อมือแม้จะสร้างความเจ็บปวด แต่ก็ไม่มากเท่าสายตาน่าขยะแขยง และกิริยาน่ารังเกียจของเหล่าทหารที่กระทำต่อหญิงสาวที่อยู่ท้ายแถว
"เมื่อไหร่จะถึงซะที?!"
เสียงแหลมสูงที่เอ่ยทะลุโสตประสาท จากแอเรียดเน่ดึงความสนใจของทุกคนอีกครั้ง รวมไปถึงทหารท้ายแถว ให้หยุดทำรุ่มร่ามกับหญิงสาวเหล่านั้นแทบจะในทันที แต่กลับกลายเป็นว่าพวกเขาพุ่งเป้ามาที่เธอแทน
"พูดมากซะจริงนังนี่ ใครก็ได้หาอะไรมาอุดปากมันหน่อย!!"
คำขู่ที่ไม่ใช่เพียงลมปาก ทำให้แอเรียดเน่ตกที่นั่งลำบากแบบสุดๆ เมื่อเธอถูกทหารจับแยกออกมาจากกลุ่มหญิงสาว หลังจากที่ข้ามพ้นเขตป่าออกมาพอดี
"ให้มันอยู่ที่นี่แหละ ปากดีนักก็อยู่มันใกล้ๆ ชายแดนจะได้ถูกฆ่าตายก่อนคนอื่นเขา!!"
"ถูกฆ่า...พูดอะไรน่ะ?!"
"ไป!"
"กรี๊ดดดดด!!!"
แอเรียดเน่ถูกทหารสองนายกึ่งลากกึ่งจูงออกมาจากขบวน เพื่อผ่านเข้าไปยังประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกเปิดรอไว้ โดยมีทหารในชุดเครื่องแบบคล้ายกันอนุญาตให้ผ่านเข้าไป
แอเรียดเน่ที่ไม่เคยเห็นแนวพุ่มไม้ที่ถูกตัดแต่งเป็นรั้วสูง ก็เผลอซึมซับบรรยากาศรอบกาย และลดการ์ดลงอย่างลืมตัว...รวมไปถึงเผลอปล่อยตัวให้สัญชาตญาณการเป็นสัตว์ป่า กลับเข้ามาครอบงำจิตใจและร่างกายอีกครั้ง
"..."
จู่ๆ ฝีเท้าของทหารทั้งสองก็หยุดชะงักลง และหันมามองเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ จนเห็นเส้นเลือดฝอยในลูกตาขาว อีกทั้งเสียงหอบหายใจฟืดฟาดที่ดังขึ้นอย่างหื่นกระหายขณะเดินเข้ามาใกล้ ก็ทำให้แอเรียดเน่รีบสืบเท้าหนี และหันหลังวิ่งออกมาจากที่นั่นโดยไม่ลังเล
"จะหนีไปไหน?!!"
"อึก!!!"
ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูรั้วเส้นผมสีน้ำตาลยาวสยาย ก็ถูกแรงกระชากด้วยมือหยาบอย่างแรงจนเกือบหงายหลัง
'ป่าเถื่อน!!!'
'นี่เรามาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย!!!!?'
"หยุด!!!"
"กรี๊ดดด!!"
"อย่าทำร้ายบรรณาการของท่านเคานต์!!"
แต่ทหารเหล่านี้ก็ไม่สามารถต่อต้านสัญชาตญาณตัวเอง พวกเขาต้องการจะกินเธอแม้ว่าทหารที่มีสายเลือดเบต้าที่เฝ้าประตูทั้งสองคนจะพยายามเข้ามาขวาง ก็ยากจะสู้พละกำลังของอัลฟ่าปลายแถวทั้งสองได้
"ปล่อยนะ จะทำบ้าอะไรน่ะ!!!"
แอเรียดเน่พยายามสู้สุดใจ และยิ่งเธอแสดงความหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกเท่าไหร่ ฟีโรโมนที่แผ่ออกมาจากกายก็จะรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารทั้งสองกลุ่มในที่สุด
"กลับมานี่ นังตัวดี!!!!"
แอเรียดเน่ที่ใช้จังหวะนี้วิ่งหนีออกมา แต่เท้าที่บาดเจ็บก็ทำให้เธอช้าไปหลายก้าว และถูกกระชากตัวกลับเข้าไปในรั้วอีกครั้ง จนเกือบจะโดนทหารที่พาตัวมาฝังเขี้ยวลงไป
แต่ใบหน้าไร้เดียงสาของเธอมันช่างกระตุ้นอารมณ์ยิ่งนัก โดยเฉพาะยามที่ดวงตะวันค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า ก็ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่าที่หากินยามค่ำ จนเกิดเปลี่ยนใจในภายหลังและไม่อยากกินเธอในฐานะอาหารขึ้นมาเสียแล้ว
"นังหนู มาสนุกกันดีกว่า~"
ดวงตาคู่สีเทาเข้มของหญิงสาวเบิกโพลงพร้อมทั้งขนในกายที่ลุกชัน เมื่อร่างของเธอถูกผลักลงบนพื้นหินที่เย็นเฉียบ และชายกระโปรงก็ถูกกระชากจนขาดวิ่น
"อย่า!! อย่าทำฉัน!!!!"
เธอพยายามกรีดร้องจนสุดเสียง พร้อมทั้งน้ำตาที่เอ่อคลอออกมาอย่างสิ้นหวัง ต่อโชคชะตาที่แสนเลวร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของตน
'ถ้าจะต้องตายแบบนี้'
'ฉันไม่เอาด้วยหรอก!!!!'
กุบกับ กุบกับ!!
ฮี้!!!!~
เสียงน้องของม้าที่ดังเข้ามาใกล้ พร้อมด้วยฝีเท้าอีกนับสิบคู่ทำให้วงต่อสู้แตกกระเจิง เว้นเสียแต่แอเรียดเน่ ที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นอันเย็นเฉียบด้วยตัวที่สั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ของม้าตัวสีน้ำตาลเบื้องหน้า
"จับพวกมันไว้ และรอคำสั่งจากท่านเคานต์!!"
เสียงออกคำสั่งดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้ามากมาย ที่กรูเข้ามาล็อกตัวทหารนอกรั้วทั้งสอง ก่อนที่เสียงเดิมจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม
"กรุณายืนขึ้นเถิดคุณผู้หญิง"
แต่ขาทั้งสองข้างของแอเรียดเน่กลับไร้เรี่ยวแรง จนหนึ่งในทหารที่เฝ้าประตูต้องเข้ามาพยุงร่างของเธอขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะค้อมศีรษะลงเมื่อเสียงฝีเท้าของม้าอีกตัวดังเข้ามาใกล้ และหยุดยืนประจันหน้ากับพวกเขาทุกคน
"เกิดอะไรขึ้นลูคัส"
ชายร่างสูงโปร่งในชุดเครื่องแบบสีแดงเลือดนกที่ดูสง่างาม เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นเยียบ แบบเดียวกับแววตาสีน้ำตาลเข้มราวกับสีของอำพัน
"ทหารพวกนี้เกิดคลุ้มคลั่งทำร้ายบรรณาการของนายท่านขอรับ"
ชายผมบลอนด์บนหลังม้าสีเทาที่เพิ่งมาสมทบ ผายมือไปยังร่างที่บอบช้ำของแอเรียดเน่ ที่พยายามฝืนยืนอย่างมั่นคงด้วยขาของตนเอง
"..."
แต่จู่ๆ บรรยากาศรอบตัวก็พลันเปลี่ยนไป เมื่อชายหนุ่มบนหลังม้าสีดำ สบตาเข้ากับดวงตากลมโตที่บอบช้ำของหญิงสาว
"จัดการให้เรียบร้อย"
"ขอรับนายท่านไซรอส"
"และพานางไปเปลี่ยนชุดซะ"
สิ้นเสียงเข้มของชายที่ชื่อไซรอส เขาก็ควบม้าตัวสีดำจากไป และแอเรียดเน่ก็ถูกชายขี่ม้าตัวสีน้ำตาลประคองขึ้นไปนั่งบนหลังม้าของตน ก่อนที่เขาจะจูงมันพาเธอเดินผ่านแนวรั้วที่ทอดยาวกว่า 20 เมตร เพื่อพาเข้ามาภายในลานกว้างหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่สร้างขึ้นจากอิฐกับปูนและถูกทาด้วยสีขาวกับสีเทาจนทั่วทั้งหลัง
และประตูโค้งแกะสลักที่ดูโอ่อ่า ก็ขนาบข้างไปด้วยชายผู้เฝ้าประตูร่างผอมบาง และหญิงวัยกลางคนทั้งสี่ในชุดเครื่องแบบกระโปรงสีกรม รวบผมขึ้นสูง และคาดผ้ากันเปื้อนสีขาวไว้ที่เอวดูสะอาดเรียบร้อย กำลังค้อมศีรษะให้กับผู้ชายขี่ม้าสีดำที่หน้าบูดบึ้งตลอดเวลา
จนกระทั่งเขาพ้นประตูเข้าไปพวกเธอจึงกลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง และมองแอเรียดเน่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยแววตาเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง
'เอ๊ะ นังพวกนี้'
'อย่ามาใช้สายตาแบบนั้นมองแอเรียดเน่สุดสวยคนนี้นะ!!'
"กรุณาตามดิฉันมาค่ะ"
แต่ความคิดอันเกรี้ยวกราดที่พร้อมเข้าปะทะ โดยไม่ดูสภาพของตนก็จำต้องหยุดลง เมื่อหญิงวัยกลางคนผู้นั้นเอ่ยรวบรัดและเดินนำเธอ และสาวใช้อีก 3 คนไปยังห้องชั้นล่างที่อยู่ทิศตะวันออก
'แม่เจ้าโว้ยยยย!!!~'
เป็นครั้งแรกที่เธอได้ใช้สายตาอันอิดโรย สำรวจมองสิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างจริงจัง แม้กระทั่งห้องอาบน้ำก็ยังถูกปูด้วยหินอ่อนสีนวลตา และประดับประดาไปด้วยเครื่องเรือนเงิน คริสตัล และไม้แกะสลักอย่างงดงาม จนราวกับมีแสงระยิบระยับเปล่งประกายออกมาจนทั่วทั้งห้อง
'โอ้ว ก๊อด!!~'
'ที่นี่มันปราสาทราชวังของเจ้าเมืองไหนรึเปล่าเนี่ย!!!?'
.
.
'แล้วสรุปว่าฉันมาทำอะไรที่นี่!!?'
แม้ภายนอกจะดูเหมือนกับคนหมดอาลัยตายอยาก แต่ภายในหัวของเธอกลับคิดมากมายอย่างอลังการ ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและเหตุผลในการมาที่แห่งนี้ของตัวเองไม่หยุด จนเหลือบไปเห็นหญิงรับใช้วัยรุ่นที่เดินขนาบข้าง
'แบบนี้นี่เอง...'
'ฉันคงถูกจับมาเพื่อเป็นสาวรับใช้อย่างสี่คนนี้สินะ'
แอเรียดเน่ก้มมองดูสภาพที่มอมแมมไปด้วยโคลน อีกทั้งผ้าห่อกายที่ขาดวิ่นของตนอย่างเวทนา ก็ตระหนักได้ว่าตัวเธอคือจุดสีดำที่ด่างพร้อยที่สุดในสถานที่แห่งนี้
'จริงสิ'
'แล้วสถานที่นี้'
.
.
'มันคือที่ไหนกันล่ะ!!!!!?'
To be continued...