เปิด 17 แมวไทยให้คุณ 6 แมวไทยให้โทษ
แมว หนึ่งในสัตว์เลี้ยงยอดนิยมจนมีคำนิยามให้กับคนเลี้ยงแมวว่า"ทาสแมว" กันเลยทีเดียว วันนี้เรามาแนะนำแมวสายพันธุ์ไทย กันครับ
แมว (ชื่อวิทยาศาสตร์: Felis catus) เป็นสปีชีส์สัตว์เลี้ยงของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกินเนื้อขนาดเล็ก โดยเป็นแมวสปีชีส์เดียวในวงศ์เสือและแมว ที่ถูกปรับเป็นสัตว์เลี้ยง และมักเรียกเป็น แมวบ้าน เพื่อแยกมันจากสมาชิกที่อยู่ในป่า แมวเหล่านี้สามารถอาศัยเป็นแมวบ้าน, แมวฟาร์ม หรือแมวจรได้ แต่แมวประเภทหลังสุดมักอาศัยอยู่อย่างอิสระและหลีกเลี่ยงการติดต่อกับมนุษย์ มนุษย์ให้ค่ากับแมวบ้านในฐานะคู่หูและความสามารถในการฆ่าสัตว์ฟันแทะ สำนักจดทะเบียนแมว (cat registries) หลายแห่งยอมรับสายพันธุ์แมวประมาณ 60 สายพันธุ์
แมวมีกายวิภาคคล้ายกับสปีชีส์วงศ์เสือและแมวอื่น ๆ มันมีร่างกายที่แข็งแรงยืดหยุ่น, ตอบสนองอย่างรวดเร็ว, ฟันและเล็บคมที่สามารถซ่อนได้เพื่อล่าเหยื่อขนาดเล็ก มุมมองกลางคืนกับการรับรู้กลิ่นที่ผ่านการพัฒนา และการสื่อสารของแมว เช่น การส่งเสียงอย่างเหมียว (meow), เพอร์ (purr), รัว (trill), ฟ่อ (hiss), คำราม (growl) และร้องคราง (grunt) เช่นเดียวกันกับภาษากายเฉพาะของแมว แมวเป็นนักล่าที่มักกระฉับกระเฉงที่สุดในตอนเช้าและค่ำ (crepuscular) ซึ่งแม้จะเป็นนักล่าผู้โดดเดี่ยวแต่ก็ยังเป็นสัตว์สังคม มันสามารถได้ยินเสียงความถี่ที่เบาหรือดังกว่าที่หูมนุษย์ได้ยิน เช่นเสียงที่หนูและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กอื่น ๆ ทำ แมวยังสามารถหลั่งและรับรู้ถึงฟีโรโมนด้วย
แมวบ้านเพศเมียมักออกลูกประมาณ 2 - 5 ตัวในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงปลายฤดูใบไม้ร่วง แมวบ้านสามารถเลี้ยงและจัดแสดงในงานต่าง ๆ ได้ การควบคุมประชากรแมวสามารถทำได้ผ่านการทำหมัน แต่การขยายพันธุ์และการทิ้งสัตว์เลี้ยงก่อให้เกิดแมวจรจำนวนมากทั่วโลก ซึ่งมีส่วนต่อการสูญพันธุ์ของสปีชีส์ของนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมด แมวถูกปรับเป็นสัตว์เลี้ยงครั้งแรกในตะวันออกใกล้ช่วงประมาณ 7,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นที่เชื่อกันมานานแล้วว่าการเลี้ยงแมวเริ่มขึ้นในอียิปต์โบราณตั้งแต่ประมาณ 3,100 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยแมวได้รับการเคารพนับถือ ข้อมูลเมื่อ 2021 มีการประมาณการว่ามีแมวที่มี
เจ้าของประมาณ 220 ล้านตัว และแมวจร 480 ล้านตัวทั่วโลก ข้อมูลเมื่อ 2017 แมวบ้านเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับสองในสหรัฐ โดยมีแมวที่มีเจ้าของ 95.6 ล้านตัว และประมาณ 42 ล้านครัวเรือนมีแมวอย่างน้อยหนึ่งตัว และ ข้อมูลเมื่อ 2020 ผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักรร้อยละ 26 มีแมวเลี้ยง โดยมีประชากรแมวเลี้ยงประมาณ 10.9 ล้านตัว
โดยทั่วไปมีการแบ่งพันธุ์แมวออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ แมวขนยาว (longhaired cat) และ แมวขนสั้น (shorthaired cats) การแบ่งพันธุ์ด้วยวิธีนี้ทำให้จำแนกแมวออกได้ตามลักษณะพันธุ์ที่จำเพาะต่าง ๆ กัน การจัดจำแนกแมวในยุโรปและสหรัฐอเมริกามีการกำหนดมาตรฐานของพันธุ์แมวที่เป็นที่ยอมรับกัน ทั้งนี้ลักษณะมาตรฐานของพันธุ์ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ๆ การใช้ชื่อเรียกพันธุ์แมวที่แสดงถึงลักษณะของพันธุ์ที่จำเพาะมีความแตกต่างกันระหว่างในยุโรปและสหรัฐอเมริกา และมีบางพันธุ์มีการจัดจำแนกเฉพาะต่างหากในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
การจำแนกแมว
แมวในโลกนี้มีมากมายหลายพันธุ์ โดยเฉพาะแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงไม่นับรวมสัตว์ตระกูลแมว พวกเสือ แมวดาว แมวป่า หรือสิงโต แมวเลี้ยงหรือที่เราเรียกว่า Domestic cat นั้นมีวิวัฒนาการมาจากแมวป่าในธรรมชาติจากหลายภูมิภาคของโลก ชื่อเรียกพันธุ์แมวที่แตกต่างกันที่เรียกกันทุกวันนี้ เช่น เปอร์เซีย แมวสยาม แมวบาหลี แมวอะบิสซิเนีย และแมวโซมาลี นั้น แสดงถึงถิ่นกำเนิดที่แสดงถึงภูมิศาสตร์ที่เขาถือกำเนิดมา ในการจัดนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษเมื่อปีคริสศักราช 1871 ถือเป็นการเริ่มต้นในการนำเสนอพันธุ์แมวในระดับนานาชาติ ทำให้ผู้สนใจในแมวมีความตื่นตัว แต่การแสดงในครั้งนั้นส่วนใหญ่เป็นแมวเปอร์เซียและแมวขนสั้นเป็นหลัก
แมวไทย
แมวไทย คือแมวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทย คุณสมบัติที่ทำให้แมวไทยเหนือกว่าแมวชนิดอื่น คือ เรื่องอุปนิสัย แมวไทยมีความฉลาด มีความเป็นตัวของตัวเอง รู้จักคิด รู้จักประจบ รักบ้าน รักเจ้าของ และเหนืออื่นใด คือ รักความอิสระของตัวเองเป็นชีวิตจิตใจ อิสระที่ จะกิน จะดื่ม หรือจะไปไหนตามที่ใจชอบ ซึ่งถือว่าเป็นบุคลิกประจำตัวที่ทำให้แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่น สีสันตามตัวของแมวไทย เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นักรักแมวรู้สึกสุขใจยามได้มอง ไม่ว่าจะเป็น วิเชียรมาศ เก้าแต้ม ขาวมณีหรือขาวปลอด นิลรัตน์หรือดำปลอด ศุภลักษณ์หรือ ทองแดง สีสวาดหรือแมวไทยพันธุ์โคราช ต่างล้วนได้รับความสนใจ จากเจ้าของและผู้สนใจทั้งสิ้น
แมวถือเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของคนไทยมาช้านาน และได้รับสิทธิในการขึ้นไปอาศัยอยู่บนเรือนร่วมกับมนุษย์ ดังปรากฏในประเพณีขึ้นบ้านใหม่ที่จะมอบของมงคลต่าง ๆ แก่เจ้าของเรือน ซึ่งมีสัตว์เลี้ยงสองชนิดไก่และแมว ทั้งยังปรากฏแมวในสำนวนหรือสุภาษิตต่าง ๆ เป็นต้นว่า "หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว" "ฝากปลาย่างไว้กับแมว" และ "แมวนอนหวด" เป็นต้น นอกจากเลี้ยงในเรือนแล้ว พระสงฆ์ก็นิยมเลี้ยงแมวในวัดด้วย เพราะป้องกันมิให้หนูมากัดทำลายพระไตรปิฏก
ตำราดูลักษณะแมว เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นหนึ่งในตำราพรหมชาติซึ่งคัดลอกต่อ ๆ กันมา ฉบับหนึ่งอยู่ในการครอบครองของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทฺธสโร) สมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย ผู้โปรดปรานการเลี้ยงแมว ตำราดังกล่าวเป็นสมุดข่อย เนื้อหาแต่งเป็นโคลงและกาพย์ แบ่งแมวไทยออกเป็น 23 สายพันธุ์ เป็นแมวมงคล 17 สายพันธุ์ และแมวให้โทษ 6 สายพันธุ์ ส่วนตำราแมวฉบับอื่น ๆ ก็ระบุไว้ใกล้เคียงกัน จากเนื้อหาแสดงให้เห็นถึงค่านิยมของคนไทยด้านรูปลักษณ์ เพราะแมวมงคลนั้นล้วนมีลักษณะที่งาม อันแสดงให้เห็นว่าแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นบ้านเป็นตาของบ้าน ทั้งนี้แมวไทยส่วนใหญ่มีอุปนิสัยดี ไม่ดุร้าย ฉลาด รู้จักประจบประแจง รักเจ้าของ และมีความเป็นต้วของตัวเอง และมีข้อดีที่สำคัญคือมีภูมิต้านทานต่อโรคเขตร้อนสูง ขนสั้น ไม่มีปัญหาด้านเชื้อราจากความชื้น
เมื่อปี พ.ศ. 2427 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานแมววิเชียรมาศคู่หนึ่งให้แก่ กงสุลอังกฤษชื่อ โอเวน กูลด์ แมวไทยคู่นี้ชนะการประกวดแมวที่ กรุงลอนดอน และทำให้ชาวอังกฤษนิยมเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น ในที่สุดก็แพร่หลายไปทั่วโลก และแมววิเชียรมาศก็เป็นที่รู้จักในภาษาอังกฤษว่า "Siamese Cat" หรือ แมวสยาม สำหรับในประเทศไทย คนไทยที่เป็นที่รับรู้ดีว่าชอบเลี้ยงแมวไทย เช่น สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, พิชัย วาสนาส่ง อดีตผู้เชี่ยวชาญเรื่องการต่างประเทศ และ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล อดีตผู้อำนวยการ อสมท. เป็นต้น
สมุดข่อยโบราณได้กล่าวถึงแมวไทยไว้ 23 ชนิด ซึ่งเป็นแมวดีให้คุณ 17 ชนิด และแมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด แมวไทย (วิฬาร) ที่ยังเหลือให้พบเห็นในปัจจุบันนี้มี 6 ชนิดคือ วิเชียรมาศ สีสวาด ศุภลักษณ์ โกญจา ขาวมณี และแซมเสวตร แต่แท้จริงแล้วในสมุดข่อยโบราณได้กล่าวถึงแมวไทยว่ามีทั้งหมด 23 สายพันธุ์ แบ่งออกเป็นแมวให้คุณ 17 ชนิด และ แมวร้ายให้โทษอีก 6 ชนิด
แมวให้คุณ
กรอบแว่น, อานม้า มีขนสีขาวทั้งตัว ส่วนขอบตาและกลางแผ่นหลังมีสีดำ คล้ายกรอบแว่นตาและอานม้าตามลำดับ
กระจอก, มีขนสีดำมันทั้งตัว ตาสีเหลือง รอบปากมีสีขาว
การเวก, ขนมีสีดำทั้งตัว ปลายจมูกมีสีขาว สีเหลืองอำพัน
เก้าแต้ม , ขนมีสีขาวทั้งตัว มีจุดสีดำรอบตัวเก้าแห่ง คือ หัว คอ โคนขาหน้าและหลังทั้งสี่ ไหล่ทั้งสอง และโคนหาง
โกนจา, โกญจา, ร่องมด, ดำปลอด ขนสั้นเรียบละเอียดสีดำสนิททั้งตัวนัยน์ตาสีเหลืองอมเขียว ปากเรียว หูตั้ง
จตุบท มีสีดำ นอกจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงข้อพับทั้งสี่ข้างเป็นสีขาว นัยน์ตาเป็นสีเหลือง
แซมเสวตร มีลักษณะเดียวกับโกนจา ตาสีเขียว แต่มีขนสีขาวแซม
นิลจักร มีขนสีดำ บริเวณลำคอมีขนสีขาวเป็นวงเหมือนคล้องพวงมาลัย
นิลรัตน์ มีลักษณะเดียวกับโกนจา ต่างกันตรงที่มีเล็บดำ ลิ้นดำ ฟันดำ และนัยน์ตาสีดำ
ปัดเสวตร, ปัดตลอด มีขนสีดำเป็นมันเรียบ ยกเว้นปลายจมูกจนถึงปลายหางมีขาว ดวงตามีสีเหลืองคล้ายพลอย
มาเลศ, สีสวาด, โคราช, ดอกเลา มีขนสั้นสีสวาด ผิวหนังบริเวณจมูกและริมฝีปากมีสีเงินหรือม่วงอ่อน นัยน์ตาสีเขียว
มุลิลา มีขนสีดำ ขนเรียบเป็นมัน แต่บริเวณสองหูเป็นสีขาว นัยน์ตาสีเหลือง
รัตนกำพล มีขนสีขาว ยกเว้นลำตัวจะมีสีดำคาด นัยน์ตาสีทอง
วิเชียรมาศ มีขนสั้นสีน้ำตาลอ่อน แต้มสีครั่งหรือน้ำตาลบนใบหน้า หูสองข้าง เท้าทั้งสี่ หาง และอวัยวะเพศ นัยน์ตาสีฟ้า
วิลาศ มีขนเรียบสีดำ ยกเว้นใบหูทั้งสองข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก ปลายเท้าทั้งสี่ และจากท้ายทอย หลัง จนถึงปลายหางมีสีขาว
ศุภลักษณ์, ทองแดง มีขนสีทองแดง นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน อุ้งเท้ามีสีชมพู
สิงหเสพย์, โสงหเสพย มีขนสีดำทั้งตัว แต่มีสีขาวอยู่บริเวณริมฝีปาก จมูกและรอบคอ นัยน์ตาสีเหลืองทอง
แมวให้โทษ
กอบเพลิง มีนิสัยชอบอยู่ลำพังในที่ลับตา เมื่อพบคนจะหลบหนี
ทุพลเพศ มีสีขาวหม่น หางขอดหรือม้วน นัยน์ตาสีแดงเหมือนเลือด
ปีศาจ มีรูปร่างผอม ผิวหนังเหี่ยวยาน หางขอด นัยน์ตาสีแดง เมื่อออกลูกก็จะกินลูกของตัวเอง
พรรณพยัคฆ์, ลายเสือ มีขนหยาบสีมะกอกเขียวหรือมะกอกแดงคาดลายอย่างเสือ นัยน์ตาสีแดง ชอบร้องเสียงโหยหวน
หิณโทษ เป็นแมวเพศเมียลักษณะสวยงาม ขนงาม แต่มักแท้งลูกในท้อง
เป็นแมวรูปพรรณพิกลพิการ โคนหางสีออกด่างและมักเอาหางซ่อนไว้ใต้ก้น และชอบกัดแมวตัวอื่นเสมอ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับแมวไทย และลักษณะ " 17 แมวไทยให้คุณ กับ 6แมวไทยให้โทษ " ที่นำมาเสนอกันในวันนี้ มาคอมเม้นท์บอกกันได้ที่ใต้คอมเม้นท์เลยนะครับ