" ม้าน้ำ " เลี้ยงง่าย อร่อยด้วย🤣
ม้าน้ำ เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่ผู้คนนิยมนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง และยังสามารถนำมาบริโภคได้อีกด้วย อีกทั้งยังสามารถเพาะอลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพได้และเป็นที่ต้องการของตลาด วันนี้เราจะพาไปรู้จักสายพันธุ์ม้าน้ำและการเพาะเลี้ยงม้าน้ำกันครับ
ม้าน้ำ เป็นปลากระดูกแข็งที่อาศัยอยู่ในทะเลจำพวกหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ย่อย Hippocampinae (ซึ่งมีอยู่ 2 สกุล คือหนึ่งสกุลนั้นคือ ปลาจิ้มฟันจระเข้สัน ที่อยู่ในสกุล Histiogamphelus มีรูปร่างคล้ายปลาจิ้มฟันจระเข้ผสมกับม้าน้ำ) ในวงศ์ Syngnathidae อันเป็นวงศ์เดียวกับปลาจิ้มฟันจระเข้และมังกรทะเล ในอันดับ Syngnathiformes
ลักษณะและพฤติกรรม
ม้าน้ำ เป็นปลาที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างไปจากปลาชนิดอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด กล่าวคือ มีกระดูกหรือก้างมาห่อหุ้มเป็นเกราะอยู่ภายนอกตัวแทนเกล็ด ส่วนหางของแทนที่จะเป็นครีบสำหรับว่ายน้ำไปมาอย่างปลาชนิดอื่น กลับมีหางยาวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน มีไว้เพียงเพื่อเกี่ยวยึดตัวเองกับพืชน้ำหรือปะการังในน้ำ มีครีบอกและมีครีบบางใสตรงเอวอีกครีบหนึ่งช่วยโบกพัดกระพือ โดยครีบทั้ง 2 นี้จะโบกพัดด้วยความเร็วประมาณ 20-30 ครั้งต่อวินาที ทำให้เคลื่อนไหวไปมาได้อย่างช้า ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วม้าน้ำมักจะว่ายน้ำเป็นไปในลักษณะขึ้น-ลง มากกว่าไปมาข้างหน้า-ข้างหลังเหมือนปลาชนิดอื่น โดยถือเป็นปลาที่ว่ายน้ำช้าที่สุดในโลกอีกด้วย โดยว่ายได้เพียง 0.06 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ปากยื่นยาวคล้ายท่อไม่มีกราม ตรงปลายมีที่เปิด
ใช้สำหรับดูดกินอาหาร จำพวกแพลงก์ตอนและสัตว์น้ำขนาดเล็ก ๆ อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนสีลำตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ด้วย เพื่ออำพรางตัว ม้าน้ำ เหมือนกับปลาชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ในวงศ์เดียวกันนี้ คือ ตัวผู้จะเป็นฝ่ายอุ้มท้อง โดยมีอวัยวะตรงบริเวณหน้าท้องคล้ายถุง ใช้สำหรับเก็บไข่และฟักเป็นตัว เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ม้าน้ำตัวผู้จะปรับเปลี่ยนสีของลำตัวเพื่อดึงดูดม้าน้ำตัวเมีย จากนั้นตัวผู้จะใช้หางโอบกอดตัวเมียพร้อมกับแอ่นท้องประกบกับท้องเข้าหากัน ตัวเมียจะออกไข่ใส่ลงในถุงหน้าท้องของตัวผู้ และม้าน้ำตัวผู้ก็จะปล่อยน้ำเชื้อเข้าผสมกับไข่และฟักเป็นตัวอ่อนภายในถุงหน้าท้อง โดยใช้เวลาฟักเป็นตัวประมาณ 2 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนแล้วแต่ชนิด โดยจำนวนไข่ในแต่ละครั้งจะมีประมาณ 100-200 ฟอง มากที่สุดคือ 1,500 ฟอง ตามแต่ละชนิด มีระยะการตั้งท้องในแต่ละครั้งเว้นห่าง 28-30 วัน
แต่ม้าน้ำตัวผู้บางตัวเมื่อออกลูกในตอนเช้า พอถึงตอนค่ำก็สามารถอุ้มท้องใหม่ได้เลยทันที โดยม้าน้ำถือว่าเป็นปลาที่ออกลูกและแพร่ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว แต่จะมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เจริญเติบโตจนกลายเป็นตัวเต็มวัยในเวลาต่อมา เมื่อคลอด ม้าน้ำตัวผู้จะบีบกล้ามเนื้อส่วนท้องและพ่นลูกม้าน้ำทั้งหมดออกจากกระเป๋าหน้าท้อง โดยที่ม้าน้ำมีพฤติกรรมแบบคู่เดียวตลอดทั้งชีวิต กล่าวคือ จะจับคู่อยู่กันเพียงตัวเดียว หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีอันเป็นไป ก็จะไม่หาคู่ใหม่
ชนิดและสายพันธุ์ของม้าน้ำ
ม้าน้ำ มีความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 15 เซนติเมตร ตามแต่ละชนิด โดยขนาดเล็กเช่น ม้าน้ำจำพวกม้าน้ำแคระ จะมีความยาวเพียง 2.5 เซนติเมตรเท่านั้น มีการแพร่กระจายพันธุ์ในทะเลเขตอบอุ่นทั่วทั้งโลก และยังพบได้ตามแหล่งน้ำกร่อย เช่น ตามปากแม่น้ำต่าง ๆ เช่น ปากแม่น้ำเทมส์ ในประเทศอังกฤษ ปัจจุบันพบทั้งหมด 54 ชนิด ส่วนม้าน้ำที่พบได้ในน่านน้ำไทยมีประมาณ 6 ชนิด ได้แก่
ม้าน้ำดำ (H. kuda) หรือ ม้าน้ำธรรมดา จัดเป็นม้าน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่พบได้ในน่านน้ำไทย มีลำตัวสีดำสนิท ส่วนใหญ่มักเปลี่ยนเป็นสีครีม, สีเหลือง และน้ำตาลแดง พบง่ายบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของอ่าวไทย
ม้าน้ำหนาม (H. spinosissimus) อาศัยอยู่ในบริเวณน้ำค่อนข้างลึกและสภาพน้ำค่อนข้างใส มีสีสันสวยงาม มักจะมีสีออกน้ำตาลแดง มีลายจุดสีออกขาว เป็นแถบกว้างคาดบริเวณลำตัว มีหนามมากค่อนข้างแหลมและยาว แต่มีขนาดเล็กกว่าม้าน้ำดำ
ม้าน้ำสามจุด (H. trimaculatus) พบตามเขตชายฝั่งในฤดูหนาว มักปรากฏจุดดำประมาณ 3 จุด บริเวณส่วนบนของลำตัว จึงเป็นที่มาของชื่อ
ม้าน้ำแคระ (H. mohnikei) มีขนาดเล็กที่สุด พบเห็นไม่บ่อยนัก ลำตัวตัวสีดำ อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง เกาะอยู่ตามสาหร่ายทะเล บริเวณที่เป็นพื้นทราย
ม้าน้ำยักษ์ (H. kelloggi) หรือ ม้าน้ำใหญ่ เป็นม้าน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีความยาวได้ถึง 28 เซนติเมตร
ม้าน้ำหนามขอ (H. histrix) มีลักษณะที่แตกต่างไปจากชนิดอื่น คือ มีปากขนาดยาวกว่า มีหนามที่เหนือตาและมีส่วนหน้าที่ยาวอย่างเห็นได้ชัด มีหนามบนหัว หนามตามลำตัวและหางจะแหลม บริเวณปลายหนามจะมีสีดำเข้ม เมื่อเอามือไปสัมผัสจะรู้สึกว่าเกี่ยวติดมือ หนามที่หางมีความยาวเท่า ๆ กัน
การเพาะเลี้ยงม้าน้ำ
การรวบรวมและการดูแลพ่อแม่พันธุ์
การเพาะเลี้ยงม้าน้ำจะเริ่มต้นจากการรวบรวบพ่อแม่พันธุ์ ซึ่งก่อนที่จะรวบรวมพ่อแม่พันธุ์จะต้องทำการเตรียมตู้ระบบให้อยู่ในสภาพที่สามารถรองรับจำนวนพ่อแม่พันธุ์ที่เราต้องการนำเข้ามาเสียก่อน และในระหว่างที่ทำการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์จะต้องคอยตรวจสอบคุณภาพน้ำในระบบอยู่ตลอดเวลาอาหารที่ใช้เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ม้าน้ำ ได้แก่ กุ้งเคยเป็นหรือแช่แข็ง และอาร์ทีเมียขนาดใหญ่ การให้อาหารโดยเฉพาะกุ้งเคยแช่แข็งจะต้องระวังอย่าให้อาหารมากจนเกินไป
เพราะจะมีผลประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียในระบบและส่งผลให้ม้าน้ำที่เลี้ยงไว้ตายไปได้ในการดูแลพ่อแม่พันธุ์นี้จะต้องทำการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ม้าน้ำให้สามารถผสมพันธุ์และออกลูกในที่กักขังให้ได้ จากการศึกษาสังเกตพบว่านอกจากคุณภาพของอาหารที่มีความสัมพันธ์กับการชักน้ำให้ม้าน้ำมีการพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์ (ไข่และน้ำเชื้อ) แล้ว ขนาดของบ่อเลี้ยงและสภาพแวดล้อมมีความสัมพันธ์กับการชักนำให้ม้าน้ำผสมพันธุ์เช่นเดียวกันดังนั้นในการดูแลพ่อแม่พันธุ์นอกจากเรื่องขนาดของบ่อเลี้ยงแล้วผู้ดูแลจะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพน้ำในระบบ คุณค่าทางอาหารและสภาวะที่อาจก่อให้เกิดโรคในระบบเลี้ยงซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดเนื่องจากความเครียดของสัตว์น้ำเป็นส่วนใหญ่สำหรับม้าน้ำในประเทศไทยพบว่าสามารถออกลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่มากที่สุดคือในฤดูหนาว จากาการศึกษาพบว่าม้าน้ำดำจะผสมพันธุ์กันในช่วงเช้าถึงเที่ยง และใช้ระยะเวลาการวางไข่สั้นมาก ไข่จะใช้เวลาฟักอยู่ในถุงหน้าท้องตัวผู้ประมาณ 2 อาทิตย์ จากนั้นม้าน้ำตัวเล็กๆ ที่มีรูปร่างเหมือนกับพ่อแม่ก็จะถูกบีบออกมาทางช่องเปิดของถุงหน้าท้อง หลังจากนั้นเมื่อตัวผู้มีการพัฒนาการของน้ำเชื้อเต็มที่ก็พร้อมที่จะผสมพันธุ์ได้อีกทันที การอนุบาลม้าน้ำวัยอ่อน
เป็นการอนุบาลลูกม้าน้ำที่เพิ่งออกมาจากท้องของพ่อม้าน้ำไปไรน้ำเค็มที่เพิ่งฟัก จนกระทั่งลูกม้าน้ำมีอายุได้ประมาณ 5 วัน ก็จะเริ่มให้ไรน้ำเค็มอายุ 1-2 วัน เมื่อลูกม้าน้ำมีอายุประมาณ 4-6 สัปดาห์ขึ้นไป ก็สามารถเลี้ยงด้วยไรน้ำเค็มที่มีอายุ 3-4 วันได้ การอนุบาลลูกม้าน้ำในระยะแรกนี้เลี้ยง
ในตู้ 35 ลิตร ด้วยความหนาแน่น 200 ตัวต่อตู้ ทำการดูดตะกอนและเปลี่ยนน้ำทุกวัน เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับเรื่องคุณภาพน้ำและอาหารตกค้าง จนกระทั่งม้าน้ำมีอายุได้ 1 เดือน ก็จะย้ายมาเลี้ยงรวมในระบบน้ำหมุนเวียนแบบปิด ในตู้ขนาด 150 ลิตร ให้อาหารเป็นไรน้ำเค็มอายุ 5-7 วัน จนกระทั่งสามารถจำแนกเพศจากภายนอกได้ ซึ่งขณะนั้นม้าน้ำจะมีอายุประมาณ 5-8 เดือน