ความแตกต่างระหว่าง "น้ำมันปลา" และ "น้ำมันตับปลา"
"น้ำมันปลา" และ "น้ำมันตับปลา" มักมีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาหารเสริมชนิดเดียวกัน แต่ความจริงแล้วแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งที่มา สารอาหารและประโยชน์ที่จะได้รับ เรามาดูความแตกต่างระหว่าง "น้ำมันปลา"และ"น้ำมันตับปลา"กันดีกว่าค่ะว่ามีอะไรกันบ้าง
น้ำมันปลา (Fish Oil)
แหล่งที่มา : น้ำมันปลา คือ น้ำมันที่ได้จากกระบวนการสกัดเอาน้ำมันออกมาจากส่วนต่างๆ ของปลา เช่น เนื้อปลา หนังปลา หางปลา หัวปลา ปลาทะเลที่นำมาสกัดนั้นจะเป็นปลาน้ำลึกในเขตหนาวเย็น ซึ่งจะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่มากกว่าปลาน้ำจืด
สารอาหารที่สำคัญของน้ำมันปลา : น้ำมันปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ประกอบด้วยกรดไขมันสำคัญ 2 ชนิด คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) โดยมีผลวิจัยทางการแพทย์มากมายว่าน้ำมันปลามีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น มีส่วนช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ และลดโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ สมองอุดตัน
น้ำมันปลาเหมาะกับใคร : เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงหัวใจ สมอง ป้องกันหลอดเลือดหัวใจและสมองอุดตัน หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูงหรือผู้ที่ต้องการลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ เป็นต้น
น้ำมันตับปลา (Cod liver oil)
แหล่งที่มา : น้ำมันตับปลาสกัดจากตับของปลาทะเลน้ำลึก โดยเฉพาะปลาค็อดหรือที่หลายคนคุ้นหูกันในชื่อของ Cod liver oil
สารอาหารที่สำคัญของน้ำมันตับปลา : น้ำมันตับปลาจะมีกรดไขมัน EPA และ DHA ในปริมาณที่น้อยกว่าน้ำมันปลา แต่จะมีวิตามินเอและวิตามินดีในปริมาณสูง
น้ำมันตับปลาเหมาะกับใคร : น้ำมันตับปลาเหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลในเรื่องของสายตาและกระดูก เนื่องจากวิตามินเอเป็นวิตามินสำหรับดวงตา เพราะมีประโยชน์ต่อสมรรถภาพในการมองเห็น ส่วนวิตามินดีนั้นมีคุณสมบัติในการบำรุงกระดูก ป้องกันกระดูกพรุนและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง รวมถึงยังถูกนำมาใช้เสริมในผู้ป่วยที่มีภาวะขาดวิตามินเอและวิตามินดีอีกด้วย