ติดกาแฟแล้วอันตรายจริงไหม?แล้วเลิกได้อย่างไร?
จริงๆ ทุกเช้า ผมก็ชอบดื่มกาแฟเย็นตลอด รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า จริงๆ
คนเราไม่ได้ติดกาแฟหรอก แต่อาจจะติดสารที่อยู่ในกาแฟ
นั่นคือ คาเฟอีน (Caffeine) ทำไมเลิกไม่ได้สักที
คาเฟอีน (Caffeine) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่ส่งผลต่อสมอง ช่วยทำให้เรารู้สึกตื่นตัว
กระปรี้กระเปร่า มีสมาธิมากขึ้น มีเรี่ยวแรง ลดความเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลีย
โดยอาจออกฤทธิ์ภายใน 15 นาทีหลังดื่มกาแฟ ขณะเดียวกันก็อาจทำให้นอนไม่หลับ
หัวใจเต้นเร็ว วิตกกังวล หรือรู้สึกกระสับกระส่ายได้เช่นกัน
โดยเฉพาะในคนที่ไวต่อคาเฟอีนมากเป็นพิเศษ
ภายในสมองของคนเรามีสารเคมีที่เรียกว่าตัวรับอะดีโนซีน (Adenosine Receptor)
และสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งทำหน้าที่ยับยั้งการทำงานของสมอง
โดยลดการตื่นตัว และทำให้เรารู้สึกง่วงนอน แต่เมื่อเราดื่มกาแฟ
สารคาเฟอีนจะเข้าไปจับกับตัวรับแทนที่สารอะดีโนซีน ทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา
และเซลล์สมองจะสร้างตัวรับเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยให้กับสารอะดีโนซีน ส่งผลให้คาเฟอีนมีฤทธิ์ลดลง
หากเราหยุดดื่มกาแฟก็จะทำให้สารอะดีโนซีนจับกับตัวรับมากยิ่งขึ้น
จึงก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลียหรือง่วงนอนมากกว่าปกติ
ทำให้ต้องดื่มกาแฟเพื่อให้กลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าดังเดิม
จึงเป็นสาเหตุที่หลายคนเลิกดื่มกาแฟไม่ได้เสียที
อาการของการติดคาเฟอีนในกาแฟ ได้แก่ อ่อนเพลีย, ง่วงซึม, มีอาการปวดหัว ,
ปวดเมื่อย ,ปวดกล้ามเนื้อ, ไม่มีสมาธิ ,ไร้เรี่ยวแรง, ซึมเศร้า ,หงุดหงิด ,คลื่นไส้
หรืออาเจียนตามมา นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเรากำลังติดกาแฟอยู่
การเพิ่มปริมาณการดื่มกาแฟ เช่น เคยดื่มวันละ 1 แก้ว เป็น 2 แก้ว
ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการของติดกาแฟเช่นกัน
เนื่องจากร่างกายจะเริ่มปรับตัวให้ชินกับสารคาเฟอีน
ทำให้ต้องเพิ่มปริมาณกาแฟมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าหรือตื่นตัวเท่าเดิม
การจะเลิกกาแฟนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องอาศัยการยับยั้งชั่งใจ
และค่อยเป็นค่อยไปจึงจะช่วยให้เลิกกาแฟได้
คนที่ติดกาแฟอาจลองทำตามคำแนะนำในการเลิกกาแฟต่อไปนี้
1. ค่อย ๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวัน ไม่หักดิบเลิกกาแฟอย่างกะทันหัน
เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว ช่วยลดอาการถอนคาเฟอีนให้น้อยลง
2. ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มอื่น ๆ
ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนอื่นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นชา น้ำอัดลม ช็อกโกแลต
เครื่องดื่มชูกำลัง หรือเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับคนออกกำลังกาย
3. ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น โดยน้ำจะเข้าไปช่วยขับคาเฟอีนออกจากร่างกายและป้องกันร่างกายขาดน้ำ
4. หันไปดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีนหรือกาแฟที่มีคาเฟอีนต่ำ (Decaf Coffee)
ทดแทน เพื่อให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนน้อยลง
แม้กาแฟจะเป็นที่พึ่งทุกเช้า สาย บ่าย เย็นของใครหลายคน
แต่การดื่มกาแฟในปริมาณมากอาจนำมาซึ่งการติดกาแฟจนยากจะเลิก
กาแฟถ้าเลิกไม่ได้ถาวรก็ควรดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม
โดยจำกัดปริมาณคาเฟอีนที่ 400 มิลลิกรัมต่อวันหรือกาแฟประมาณ 2–4 แก้ว
เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพให้ได้มากที่สุด