ช่วยแผ่นดินไหวเนปาล8:ภาพเศร้าน้ำตาไหล
หลังจากภัยแผ่นดินไหวได้เห็นภาพข่าวก็เศร้าใจสุดๆที่ยอดเจดีย์พังเสียหาย...แต่มาวันนี้ก็ดีใจอยู่ลึกๆที่ได้มาอีกครั้ง...ลงจากรถเมล์ปุ๊บก็เดินตรงไปยังประตูทางเข้า เลี้ยวขวาเข้าประตูอย่างคุ้นชิน.....................................!! สิ่งที่ต่างจากภาพข่าวเจดีย์เสียหายกับภาพที่เห็นตรงหน้าตอนนี้คือความรู้สึกจุกขึ้นมาจากในทรวงอก หูอื้อเกือบนาที เจ็บแปลบลึกๆที่หัวใจ ไม่มีดวงตาแห่งธรรมคู่เปี่ยมพลังคู่นั้นแล้ว เหลือแต่ฐานทรงกลมมนเท่านั้น........
นี่เป็นภาพที่เศร้าสาหรับเราที่สุดในทริปนี้ และคงเป็นภาพที่เศร้าภาพหนึ่งในชีวิตเรา จิตใต้สานึกเบื้องลึกยังทำงานดีอยู่ พาร่างเดินตรงไปยังประตูบานแรกที่ฐานเจดีย์ตรงหน้า หญิงชราทิเบตท่านหนึ่งกำลังกล่าวบทสวดมนต์พลางจรดหน้าผากกับฝาประตูเช่นเดียวกับเรา พอรู้สึกว่าหน้าผากแตะไม้บานประตูก็เพิ่งรู้สึกว่าน้ำตาไหล...รู้สึกว่ามีมวลความรู้สึกเศร้าพุ่งตรงเข้ามา ไม่รู้เหมือนกันว่าเศร้ากับภัยพิบัติ ความสูญเสีย ความเปลี่ยนแปลง หรือความผิดหวังอะไร...
ความโง่แบบไร้สติเข้ามาครอบงำชั่วขณะ เผลอคิดโกรธขึ้นมาว่า ทำไมภัยต้องมาเกิดที่นี่ ไม่ยุติธรรมเลย นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นศูนย์รวมใจของคนที่นี่...น้ำตายังไหลไม่หยุด เดินตามหลังและถูกแซงด้วยชาวทิเบตผู้ยังคงเดินหมุนกงล้อปากกล่าวบทสวดมนต์อย่างเคย...ได้สติขึ้นมาจากผู้คนรอบข้างเหล่านี้...สิ่งนี้ต่างหากคือแก่นแท้ของสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่เหรอ คือภาพของดวงจิตทั้งหลายที่ยังคงแรงกล้ากับการประกอบพิธีกรรมใต้ฐานเจดีย์แห่งนี้ อันเป็นเครื่องหมายถึงความศรัทธาและยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้าของเราอย่างแท้จริง ไม่ใช่วัตถุสิ่งก่อสร้าง...ฉุดคิดถึงหลักธรรมข้อที่กล่าวถึงหลักสัจธรรมขึ้นมาทันที...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป...สาธุ...
หลวงพี่ท่านเดิมที่เคยนำชมวัดและโรงเรียนทังก้าเมื่อปีที่แล้ว ยังคงทำหน้าที่นี้ให้กับพวกเราในคราวนี้ แต่คราวนี้ดูท่านอธิบายถึงเทคนิคและรายละเอียดอื่นๆมากขึ้นกว่าเดิม เด็กๆสนใจกันใหญ่ขอเข้าไปดูการเขียนภาพของนักเรียนในคลาสกันอย่างใกล้ชิด ท่านพาเราไปเยี่ยมชมทุกคลาสรวมถึงวิหารหลังใหญ่ของวัดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก อดเศร้าอีกครั้งไม่ได้เพราะภาพจิตรกรรมข้างในสวยมากๆ หาดูไม่ได้ง่ายๆเลย ฮารี่กับหลวงพี่คุยกันอย่างถูกคอ เล่าให้ท่านฟังว่างานหลักของเราทริปนี้คือมาช่วยผู้ประสบภัยเป็นหลัก ท่านกล่าวชมพร้อมให้กำลังใจให้สาเร็จลุล่วงปลอดภัย
แวะชมโรงงานผลิตธูปขนาดเล็กของวัด ก่อนจะมาเสียเงินกันคนละหลายรูปีที่ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของวัด โดยเฉพาะเด็กๆซื้อพู่กันไปลองใช้กันคนละหลายเบอร์ เห็นบอกว่าอยากลองใช้พู่กันทิเบตดูเพราะใช้ขนสัตว์ไม่ใช่พลาสติก ไม่นานพวกเราก็ลาหลวงพี่ พร้อมกล่าวคำขอบคุณที่เมตตานำพาพวกเราเยี่ยมชม...เราใช้เวลาเดินวนใต้ฐานเจดีย์ที่โบดานาถอยู่ไม่นานนักจึงค่อยๆพากันเดินออกไปหารถเมล์ไปยังเป้าหมายต่อไป...ปศุปตินาถ
**ข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียน
*ติดตามเรื่องราวทริปและงานเขียนอื่นได้ที่ https://tenlavenders.blogspot.com/
และเว็บไซต์ส่วนตัว https://tenlavenders.softr.app/