แม่จีนจ้างลูกสาวลาออกจากงาน เพราะกังวลเรื่องสุขภาพลูก ที่ต้องทำงานวันละ 15 ชั่วโมง
เรื่องราวของคุณแม่ชาวจีนท่านหนึ่ง อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ เธอเห็นลูกสาวของเธอต้องทำงานหนักทุกวัน ตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 23.00 น. วันละ 15 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด ประกอบลูกสาวมักจะมาเล่าเรื่องความกดดันในที่ทำงานให้เธอฟังอยู่บ่อยครั้ง เธออยากจะลาออกทุกวัน แต่สาเหตุผลที่เธอไม่สามารถลาออกจากงานได้เพราะบริษัทยังเป็นหนี้ค่าจ้างเธอ 10,000 หยวน เธอต้องทำงานจยกว่าจะได้ค่าตอบแทน
ด้วยความที่คุณแม่รู้สึกกังวลเรื่องสุขภาพของลูกสาวมาก จึงได้จ้างลูกลาออกจากงานด้วยเงิน 10,000 หยวน หรือ 5 หมื่นกว่าบาท โดยเงินถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของลูกสาวในเช้าของอีกวัน พร้อมข้อความบอกลูกว่า “ไปลาออกจากงานให้เร็วที่สุด สุขภาพของลูกเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด”
นอกจากนี้คุณแม่ยังบอกเธออีกว่า “พ่อกับแม่คิดว่าร่างกายและจิตใจของลูกคือสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด หยุดพักก่อน ลูกสามารถหางานทีหลังได้ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ลูกไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ตราบเท่าที่แม่ยังมีชีวิตอยู่” ขณะที่พ่อบอกกับเธอว่า “ลูกไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายสูงๆ ให้กับตัวเองมากก็ได้ เงินเดือนละ 2,000 หยวนก็เพียงพอแล้วแหละ”
ชาวเน็ตหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย เช่น “ฉันอิจฉาเด็กๆ จากครอบครัวที่ร่ำรวยจริง ๆ พอฉันบ่นเรื่องงานกับพ่อแม่ พวกเขาก็ถามว่า มีใครในสังคมนี้อยู่สบาย ๆ บ้าง? พวกเขายังวิพากษ์วิจารณ์พวกเรารุ่นเยาว์ที่ทนความยากลำบากไม่ได้อีก”
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการทำงานที่หนักเกินไป ในปี 2021 ทางการจีนได้เตือนบริษัทต่างๆ ว่าการทำงาน 12 ชั่วโมงเหล่านี้ผิดกฎหมายแรงงานของประเทศ โดยระบุว่าวันทำงานมาตรฐานมีระยะเวลา 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ทางการยังได้เรียกร้องสิทธิที่คนทำงานควรได้รับ เช่น ค่าชดเชย และเวลาพักหรือวันหยุดที่สอดคล้องกัน
มีการสำรวจถามพ่อแม่ของจีนว่า เห็นด้วยกับการที่ลูกหลานของพวกเขาใช้ชีวิตแบบถังปิงหรือท่านอนราบหรือไม่ ซึ่งเป็นวลีภาษาจีนกลางที่หมายถึง การปฏิเสธแรงกดดันของสังคมที่จะทำงานหนักเกินไปและประสบความสำเร็จมากเกินไป ไม่เข้าร่วมวัฒนธรรมที่เร่งรีบ แต่าเลือกที่จะมีชีวิตที่สงบสุขมากขึ้นแทน ซึ่งพ่อเเม่หลายคนก็เห็นด้วย
ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าการทำงานหนักเกินไปยังคงอยู่ในสังคมจีน หลายคนยังคงอดทนต่อชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นพิษเพื่อหารายได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกดดันทางการเงินในด้านอื่น ๆ ของชีวิต เช่น การศึกษา ที่อยู่อาศัย และการแต่งงาน