มาทำความรู้จักกับกล้วยสายพันธุ์แปลก 9 ชนิด ปลูกกิน ปลูกขาย ปลูกประดับ ได้ทั้งนั้น
กล้วยสายพันธุ์แปลก 9 ชนิด ปลูกกิน ปลูกขาย ปลูกประดับ
กล้วยเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก แต่นอกจากกล้วยสายพันธุ์ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีแล้ว ยังมีกล้วยสายพันธุ์แปลก ๆ อีกมากมายที่มีลักษณะโดดเด่นและน่าสนใจ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับกล้วยสายพันธุ์แปลก 9 ชนิดกันครับ
1.กล้วยรัตกัทลี
ภาพ https://www.kasettambon.com
ชื่อท้องถิ่น รัตกัทลี, กล้วยกัทลีสีส้ม, กล้วยกัทลี, Red dwarf banana, scarlet banana
ลักษณะลำต้น : ลำต้นสูงประมาณ 1-2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเทียมน้อยกว่า 15 เซนติเมตร การแตกหน่อถี่ ลำต้นสีเขียวปนเหลืองมีประดำบนลำต้นมาก ไม่มีนวล บริเวณโคนต้นสีเขียว
ใบ : ขอบก้านใบตั้งขึ้นไม่มีสีชมพู เส้นกลางใบสีเขียว บริเวณโคนก้านใบมีปีก บริเวณฐานใบไม่เท่ากัน
ก้านช่อดอก : ก้านช่อดอกไม่โผล่ออกมานอกกาบปลี ช่อดอกหรือปลี รูปไข่ชี้ตั้งขึ้นสีแดง
ลักษณะของใบประดับ : ปลายใบประดับมน ขอบใบประดับม้วนเข้าหากัน ใบประดับไม่มีนวล
ลักษณะดอก : กลุ่มดอกตัวเมียบานเมื่อช่อดอกยังโผล่ไม่พ้นกาบ จำนวนดอกย่อย 1-2 ดอกต่อช่อดอกย่อย ดอกย่อยกลีบรวมสีส้มเข้ม ปลายกลีบเป็นสีเขียว กลีบรวมจะหุ้มกลีบรวมเดี่ยวปิดสนิท กลีบรวมเดี่ยวบาง รูปร่างคล้ายดาบ ไม่มีรอยหยักบริเวณปลายกลีบ
แหล่งที่พบ : พบในจีน พม่า อินโดนีเชีย และอินเดีย
2. กล้วยบัวม่วง
ภาพ https://www.kasettambon.com
กล้วยบัวม่วงเป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่พบมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีลักษณะลำต้นเตี้ย สูงประมาณ 1-2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเทียมน้อยกว่า 15 เซนติเมตร ใบมีสีเขียวปนเหลืองมีประดำบนลำต้นมาก ไม่มีนวล ใบประดับสีม่วงชมพู ช่อดอกเป็นรูปไข่ชี้ตั้งขึ้น ผลสุกสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว มักนำมาทำให้สุกก่อนกิน ไม่มีเมล็ด
กล้วยบัวม่วงเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพราะใบประดับสีม่วงชมพูสวยงาม นอกจากนี้ยังนิยมปลูกเพื่อรับประทานผลอีกด้วย
ข้อมูลจำเพาะของกล้วยบัวม่วง
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Musa ornata Roxb.
- ชื่อสามัญ: Water plantain, ornamental banana, ornamental plantain
- ชื่อพื้นเมือง: กล้วยบัว, กล้วยบัวสวรรค์
- ถิ่นกำเนิด: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
- ลำต้น: ลำต้นเทียมสูงประมาณ 1-2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเทียมน้อยกว่า 15 เซนติเมตร
- ใบ: ใบมีสีเขียวปนเหลืองมีประดำบนลำต้นมาก ไม่มีนวล ใบประดับสีม่วงชมพู
- ดอก: ช่อดอกเป็นรูปไข่ชี้ตั้งขึ้น
- ผล: ผลสุกสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว มักนำมาทำให้สุกก่อนกิน ไม่มีเมล็ด
ประโยชน์ของกล้วยบัวม่วง
- ปลูกเป็นไม้ประดับเพราะใบประดับสีม่วงชมพูสวยงาม
- รับประทานผลสุก
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้
3.กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่าง
กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่างเป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งในตระกูลกล้วยน้ำว้า มีลักษณะเด่นคือ มีใบและผลที่มีลายด่างขาวปนสีเขียวคล้ายกับไอศกรีม จึงเป็นที่มาของชื่อ "ไอศกรีม" นั่นเอง
กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่างมีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบครั้งแรกที่จังหวัดจันทบุรี ต่อมาได้แพร่กระจายไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก เนื่องจากมีรสชาติหวานหอมอร่อย เนื้อแน่น เหนียว
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่าง
- ลำต้น: ลำต้นเทียมสูงประมาณ 3-5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเทียมประมาณ 20-30 เซนติเมตร
- ใบ: ใบมีสีเขียวปนเหลือง มีลายด่างขาวปนสีเขียวคล้ายกับไอศกรีม ใบกว้างประมาณ 20-30 เซนติเมตร ยาวประมาณ 60-90 เซนติเมตร
- ดอก: ช่อดอกเป็นรูปไข่ชี้ตั้งขึ้น ดอกมีสีขาว
- ผล: ผลมีสีเขียวปนเหลือง มีลายด่างขาวปนสีเขียวคล้ายกับไอศกรีม ผลยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางผลประมาณ 5-7 เซนติเมตร
ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่าง
- รับประทานผลสุก รสชาติหวานหอมอร่อย เนื้อแน่น เหนียว
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้ เช่น แกงหยวกกล้วย แกงส้มใบกล้วย
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้ เช่น แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ
การขยายพันธุ์กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่าง
กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่างสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบใช้หน่อและแบบใช้เมล็ด
การขยายพันธุ์แบบใช้หน่อ
- เลือกหน่อที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ปักชำหน่อลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
- เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง
- เพาะเมล็ดลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลรักษากล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่าง
กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่างเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำปานกลาง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง ในช่วงที่กล้วยกำลังออกดอกและติดผล ควรให้น้ำมากขึ้น
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น/เดือน ในช่วงที่กล้วยกำลังเจริญเติบโต
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นกล้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกล้วย
การใส่ไม้ค้ำยัน
เมื่อกล้วยเริ่มสูง ควรใส่ไม้ค้ำยันไว้เพื่อป้องกันกล้วยหัก
โรคและแมลงศัตรูพืช
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในกล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่าง ได้แก่
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้
- โรคราแป้ง
- โรคราสนิม
- หนอนเจาะลำต้น
- หนอนเจาะผล
การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
- ตัดแต่งใบและกิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายทิ้ง
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่างเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น จึงทำให้กล้วยน้ำว้าไอศกรีมด่างเป็นพืชที่ได้รับความนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย
4.กล้วยฮัวเมา
กล้วยฮัวเมา หรือ กล้วยฮัวอามูอา เป็นกล้วยสายพันธุ์ใหม่ที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างกล้วยบัวชมพูกับกล้วยบัวสีส้ม โดยนายสุทธิพันธุ์ บุญใจใหญ่ เกษตรกรชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2557
กล้วยฮัวเมามีลักษณะเด่นคือ มีลำต้นสูงใหญ่ ผลใหญ่ ผลรูปทรงรี ผิวผลเรียบ เปลือกผลบาง ผลสุกมีสีเหลือง เนื้อสีเหลืองนวล เนื้อแน่น รสชาติหวานหอมอร่อย
กล้วยฮัวเมาเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี ต้องการน้ำปานกลาง นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก
ระยะเวลาการปลูกกล้วยฮัวเมาตั้งแต่ปลูกจนออกผลใช้เวลาประมาณ 8-9 เดือน ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 2-3 ตัน
ประโยชน์ของกล้วยฮัวเมา
- รับประทานผลสุก รสชาติหวานหอมอร่อย
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้ เช่น แกงหยวกกล้วย แกงส้มใบกล้วย
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้ เช่น แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ
การขยายพันธุ์กล้วยฮัวเมา
กล้วยฮัวเมาสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบใช้หน่อและแบบใช้เมล็ด
การขยายพันธุ์แบบใช้หน่อ
- เลือกหน่อที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ปักชำหน่อลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
- เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง
- เพาะเมล็ดลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลรักษากล้วยฮัวเมา
กล้วยฮัวเมาเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำปานกลาง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง ในช่วงที่กล้วยกำลังออกดอกและติดผล ควรให้น้ำมากขึ้น
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น/เดือน ในช่วงที่กล้วยกำลังเจริญเติบโต
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นกล้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกล้วย
การใส่ไม้ค้ำยัน
เมื่อกล้วยเริ่มสูง ควรใส่ไม้ค้ำยันไว้เพื่อป้องกันกล้วยหัก
โรคและแมลงศัตรูพืช
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในกล้วยฮัวเมา ได้แก่
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้
- โรคราแป้ง
- โรคราสนิม
- หนอนเจาะลำต้น
- หนอนเจาะผล
การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
- ตัดแต่งใบและกิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายทิ้ง
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
กล้วยฮัวเมาเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น จึงทำให้กล้วยฮัวเมาเป็นพืชที่ได้รับความนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย
5.กล้วยนมสาว
ภาพ https://www.kasettambon.com
กล้วยนมสาวเป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่พบมากในภาคใต้และภาคตะวันตกของประเทศไทย มีลักษณะเด่นคือ มีลำต้นสูงใหญ่ ผลใหญ่ ผลรูปทรงรี ผิวผลเรียบ เปลือกผลบาง ผลสุกมีสีเหลืองอมส้ม เนื้อสีเหลืองนวล เนื้อแน่น รสชาติหวานหอมอร่อย
กล้วยนมสาวเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก
ระยะเวลาการปลูกกล้วยนมสาวตั้งแต่ปลูกจนออกผลใช้เวลาประมาณ 9-10 เดือน ผลผลิตต่อไร่ประมาณ 2-3 ตัน
ประโยชน์ของกล้วยนมสาว
- รับประทานผลสุก รสชาติหวานหอมอร่อย
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้ เช่น แกงหยวกกล้วย แกงส้มใบกล้วย
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้ เช่น แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ
การขยายพันธุ์กล้วยนมสาว
กล้วยนมสาวสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบใช้หน่อและแบบใช้เมล็ด
การขยายพันธุ์แบบใช้หน่อ
- เลือกหน่อที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ปักชำหน่อลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
- เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง
- เพาะเมล็ดลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลรักษากล้วยนมสาว
กล้วยนมสาวเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำปานกลาง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง ในช่วงที่กล้วยกำลังออกดอกและติดผล ควรให้น้ำมากขึ้น
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น/เดือน ในช่วงที่กล้วยกำลังเจริญเติบโต
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นกล้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกล้วย
การใส่ไม้ค้ำยัน
เมื่อกล้วยเริ่มสูง ควรใส่ไม้ค้ำยันไว้เพื่อป้องกันกล้วยหัก
โรคและแมลงศัตรูพืช
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในกล้วยนมสาว ได้แก่
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้
- โรคราแป้ง
- โรคราสนิม
- หนอนเจาะลำต้น
- หนอนเจาะผล
การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
- ตัดแต่งใบและกิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายทิ้ง
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
กล้วยนมสาวเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลาย นิยมรับประทานสดหรือนำไปทำอาหารหลากหลายเมนู จึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย
6.กล้วยผาปลีม่วง (แดง)
กล้วยผาปลีม่วง (แดง) เป็นกล้วยสายพันธุ์หนึ่งที่พบมากในภาคเหนือของประเทศไทย มีลักษณะเด่นคือ มีลำต้นเตี้ย สูงประมาณ 1-2 เมตร ใบมีสีเขียวปนเหลือง มีประดำบนลำต้นมาก ไม่มีนวล ใบประดับสีแดงสดหรือสีแดงอมชมพู ช่อดอกเป็นรูปไข่ชี้ตั้งขึ้น ผลสุกสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว มักนำมาทำให้สุกก่อนกิน ไม่มีเมล็ด
กล้วยผาปลีม่วงเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพราะใบประดับสีแดงสดสวยงาม นอกจากนี้ยังนิยมปลูกเพื่อรับประทานผลอีกด้วย
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกล้วยผาปลีม่วง
- ลำต้น: ลำต้นเทียมสูงประมาณ 1-2 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้นเทียมน้อยกว่า 15 เซนติเมตร
- ใบ: ใบมีสีเขียวปนเหลือง มีประดำบนลำต้นมาก ไม่มีนวล ใบประดับสีแดงสดหรือสีแดงอมชมพู
- ดอก: ช่อดอกเป็นรูปไข่ชี้ตั้งขึ้น
- ผล: ผลสุกสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว มักนำมาทำให้สุกก่อนกิน ไม่มีเมล็ด
ประโยชน์ของกล้วยผาปลีม่วง
- ปลูกเป็นไม้ประดับเพราะใบประดับสีแดงสดสวยงาม
- รับประทานผลสุก
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้
การขยายพันธุ์กล้วยผาปลีม่วง
กล้วยผาปลีม่วงสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบใช้หน่อและแบบใช้เมล็ด
การขยายพันธุ์แบบใช้หน่อ
- เลือกหน่อที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ปักชำหน่อลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
- เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง
- เพาะเมล็ดลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลรักษากล้วยผาปลีม่วง
กล้วยผาปลีม่วงเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำปานกลาง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง ในช่วงที่กล้วยกำลังออกดอกและติดผล ควรให้น้ำมากขึ้น
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น/เดือน ในช่วงที่กล้วยกำลังเจริญเติบโต
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นกล้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกล้วย
การใส่ไม้ค้ำยัน
เมื่อกล้วยเริ่มสูง ควรใส่ไม้ค้ำยันไว้เพื่อป้องกันกล้วยหัก
โรคและแมลงศัตรูพืช
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในกล้วยผาปลีม่วง ได้แก่
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้
- โรคราแป้ง
- โรคราสนิม
- หนอนเจาะลำต้น
- หนอนเจาะผล
การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
- ตัดแต่งใบและกิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายทิ้ง
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
กล้วยผาปลีม่วงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีสีสันสวยงาม รสชาติอร่อย รับประทานง่าย ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น จึงทำให้กล้วยผาปลีม่วงเป็นพืชที่ได้รับความนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย
7.กล้วยร้อยหวี
กล้วยร้อยหวีเป็นสายพันธุ์กล้วยที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลักษณะเด่นคือ มีลำต้นสูงประมาณ 3-5 เมตร มีใบสีเขียวอมเหลือง ผลมีสีเขียวปนเหลือง ผลยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางผลประมาณ 5-7 เซนติเมตร ผลสุกมีสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว รสชาติหวานหอมอร่อย
กล้วยร้อยหวีเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก เนื่องจากมีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น จึงทำให้กล้วยร้อยหวีเป็นพืชที่ได้รับความนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย
ประโยชน์ของกล้วยร้อยหวี
- รับประทานผลสุก รสชาติหวานหอมอร่อย
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้ เช่น แกงหยวกกล้วย แกงส้มใบกล้วย
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้ เช่น แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ
การขยายพันธุ์กล้วยร้อยหวี
กล้วยร้อยหวีสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบใช้หน่อและแบบใช้เมล็ด
การขยายพันธุ์แบบใช้หน่อ
- เลือกหน่อที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ปักชำหน่อลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
- เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง
- เพาะเมล็ดลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลรักษากล้วยร้อยหวี
กล้วยร้อยหวีเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำปานกลาง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง ในช่วงที่กล้วยกำลังออกดอกและติดผล ควรให้น้ำมากขึ้น
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น/เดือน ในช่วงที่กล้วยกำลังเจริญเติบโต
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นกล้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกล้วย
การใส่ไม้ค้ำยัน
เมื่อกล้วยเริ่มสูง ควรใส่ไม้ค้ำยันไว้เพื่อป้องกันกล้วยหัก
โรคและแมลงศัตรูพืช
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในกล้วยร้อยหวี ได้แก่
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้
- โรคราแป้ง
- โรคราสนิม
- หนอนเจาะลำต้น
- หนอนเจาะผล
การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
- ตัดแต่งใบและกิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายทิ้ง
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
8.กล้วยเทพพนม
กล้วยเทพพนมเป็นสายพันธุ์กล้วยที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มีลักษณะเด่นคือ มีลำต้นสูงประมาณ 3-5 เมตร มีใบสีเขียวอมเหลือง ผลมีสีเขียวปนเหลือง ผลยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางผลประมาณ 5-7 เซนติเมตร ผลสุกมีสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว รสชาติหวานหอมอร่อย
กล้วยเทพพนมเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก เนื่องจากมีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น จึงทำให้กล้วยเทพพนมเป็นพืชที่ได้รับความนิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย
ประโยชน์ของกล้วยเทพพนม
- รับประทานผลสุก รสชาติหวานหอมอร่อย
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้ เช่น แกงหยวกกล้วย แกงส้มใบกล้วย
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้ เช่น แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ
การขยายพันธุ์กล้วยเทพพนม
กล้วยเทพพนมสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบใช้หน่อและแบบใช้เมล็ด
การขยายพันธุ์แบบใช้หน่อ
- เลือกหน่อที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ปักชำหน่อลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
- เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง
- เพาะเมล็ดลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลรักษากล้วยเทพพนม
กล้วยเทพพนมเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำปานกลาง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง ในช่วงที่กล้วยกำลังออกดอกและติดผล ควรให้น้ำมากขึ้น
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น/เดือน ในช่วงที่กล้วยกำลังเจริญเติบโต
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นกล้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกล้วย
การใส่ไม้ค้ำยัน
เมื่อกล้วยเริ่มสูง ควรใส่ไม้ค้ำยันไว้เพื่อป้องกันกล้วยหัก
โรคและแมลงศัตรูพืช
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในกล้วยเทพพนม ได้แก่
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้
- โรคราแป้ง
- โรคราสนิม
- หนอนเจาะลำต้น
- หนอนเจาะผล
การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
- ตัดแต่งใบและกิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายทิ้ง
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
ข้อแตกต่างระหว่างกล้วยเทพพนมและกล้วยร้อยหวี
กล้วยเทพพนมและกล้วยร้อยหวีเป็นสายพันธุ์กล้วยที่มีลักษณะใกล้เคียงกันมาก แต่ก็มีความแตกต่างบางประการ ดังนี้
ลักษณะ | กล้วยเทพพนม | กล้วยร้อยหวี |
---|---|---|
ลำต้น | สูงประมาณ 3-5 เมตร | สูงประมาณ 3-5 เมตร |
ใบ | สีเขียวอมเหลือง | สีเขียวอมเหลือง |
ผล | มีสีเขียวปนเหลือง ผลยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางผลประมาณ 5-7 เซนติเมตร | มีสีเขียวปนเหลือง ผลยาวประมาณ 20-30 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางผลประมาณ 5-7 เซนติเมตร |
ผลสุก | มีสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว รสชาติหวานหอมอร่อย | มีสีเหลือง เนื้อแน่น เหนียว รสชาติหวานหอมอร่อย |
รสชาติ | หวานหอมอร่อย | หวานหอมอร่อย |
ช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยว | ประมาณ 8-9 เดือนหลังปลูก | ประมาณ 8-9 เดือนหลังปลูก |
ผลผลิตต่อไร่ | ประมาณ 2-3 ตัน | ประมาณ 2-3 ตัน |
โรคและแมลงศัตรูพืช | โรคใบจุด โรคใบไหม้ โรคราแป้ง โรคราสนิม หนอนเจาะลำต้น หนอนเจาะผล | โรคใบจุด โรคใบไหม้ โรคราแป้ง โรคราสนิม หนอนเจาะลำต้น หนอนเจาะผล |
โดยสรุปแล้ว กล้วยเทพพนมและกล้วยร้อยหวีเป็นสายพันธุ์กล้วยที่มีรสชาติอร่อย รับประทานง่าย ปลูกง่าย
9.กล้วยเปรี้ยว
กล้วยเปรี้ยว เป็นชื่อเรียกของกล้วยหลายสายพันธุ์ที่มีรสชาติเปรี้ยว เมื่อสุกแล้วจะมีเนื้อนุ่ม ฉ่ำน้ำ นิยมรับประทานสดหรือนำไปทำอาหาร เช่น กล้วยฉาบ กล้วยอบน้ำผึ้ง กล้วยทอด กล้วยเชื่อม เป็นต้น
กล้วยเปรี้ยวที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ได้แก่
- กล้วยน้ำว้าเปรี้ยว
- กล้วยไข่เบา
- กล้วยส้ม
- กล้วยเล็บมือนาง
- กล้วยหอมเขียว
กล้วยเปรี้ยวเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก
ประโยชน์ของกล้วยเปรี้ยว
- รับประทานผลสุก รสชาติเปรี้ยว ฉ่ำน้ำ
- ใบอ่อนใช้เป็นอาหารได้ เช่น แกงหยวกกล้วย แกงส้มใบกล้วย
- ลำต้นและใบใช้ทำยาได้ เช่น แก้ท้องเสีย แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ
การขยายพันธุ์กล้วยเปรี้ยว
กล้วยเปรี้ยวสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบใช้หน่อและแบบใช้เมล็ด
การขยายพันธุ์แบบใช้หน่อ
- เลือกหน่อที่สมบูรณ์แข็งแรง
- ปักชำหน่อลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
- เลือกเมล็ดที่สมบูรณ์แข็งแรง
- เพาะเมล็ดลงในแปลงปลูกที่เตรียมไว้
- รดน้ำให้ชุ่มอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลรักษากล้วยเปรี้ยว
กล้วยเปรี้ยวเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น ต้องการน้ำปานกลาง ดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
การให้น้ำ
ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง ในช่วงที่กล้วยกำลังออกดอกและติดผล ควรให้น้ำมากขึ้น
การให้ปุ๋ย
ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1-2 กิโลกรัม/ต้น/เดือน ในช่วงที่กล้วยกำลังเจริญเติบโต
การกำจัดวัชพืช
กำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นกล้วยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นกล้วย
การใส่ไม้ค้ำยัน
เมื่อกล้วยเริ่มสูง ควรใส่ไม้ค้ำยันไว้เพื่อป้องกันกล้วยหัก
โรคและแมลงศัตรูพืช
โรคและแมลงศัตรูพืชที่พบบ่อยในกล้วยเปรี้ยว ได้แก่
- โรคใบจุด
- โรคใบไหม้
- โรคราแป้ง
- โรคราสนิม
- หนอนเจาะลำต้น
- หนอนเจาะผล
การป้องกันและกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช
- ตัดแต่งใบและกิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายทิ้ง
- ฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
กล้วยเปรี้ยวเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลาย นิยมรับประทานสดหรือนำไปทำอาหารหลากหลายเมนู จึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญต่อประเทศไทย
กล้วยสายพันธุ์แปลกทั้ง 9 ชนิดที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นกล้วยที่มีรสชาติอร่อย ปลูกง่าย ทนต่อสภาพอากาศร้อนชื้น นิยมปลูกเพื่อรับประทานผลเป็นหลัก แต่บางสายพันธุ์ยังสามารถนำมาปลูกประดับได้อีกด้วย ใครที่สนใจปลูกกล้วยพันธุ์แปลก ๆ ลองหามาปลูกกันดูนะคะ รับรองว่าจะได้กล้วยที่อร่อยและแปลกตาอย่างแน่นอน
อ้างอิงจาก:
เว็บไซต์ "สมบัติอาณาจักรกล้วย"
เว็บไซต์ "บ้านสวนพอเพียง"
เว็บไซต์ "เกษตรกรรมไทย"