คดีปริศนา แพทย์ 23 คนมีอาการชักเฉียบพลัน หลังรักษาผู้ป่วยมะเร็ง
สื่อนอกรายงานว่า "ผู้ป่วยหญิงชาวอเมริกันคนหนึ่ง เสียชีวิตหลังได้รับการรักษาได้ไม่นาน ส่วนแพทย์และพยาบาล 23 คน ที่สัมผัสใกล้ชิดกับเธอ ล้วนมีอาการผิดปกติ เช่น อาการชัก และ หายใจลำบาก หลังจากผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ สาเหตุของปรากฏการณ์ข้างต้น ก็ยังคงเป็นปริศนาเหมือนเดิม..."
ในประวัติศาสตร์การแพทย์โลก มีความลึกลับมากมายที่ยังไม่มีคำตอบมานานหลายปี ซึ่งรวมถึงกรณีแพทย์และพยาบาล 23 คนจาก 37 คน ประสบเหตุหลังรักษาคนไข้ ที่เรียกว่า "หญิงพิษร้าย" ซึ่งเธอมีชื่อว่า "กลอเรีย รามิเรซ" เธอเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลริเวอร์ไซด์เจเนอรัล ในรัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ประเทศอเมริกา เดือนกุมภาพันธ์ ปี 1994 เธอเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะสุดท้าย เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เธอก็มีอาการหายใจลำบากและหัวใจเต้นเร็ว...
พยาบาลนำตัวอย่างเลือดไปให้ไปตรวจ ซึ่งก็พบว่าเลือดของเธอ มีกลิ่นเคมีแปลกๆ และ มีอนุภาคคล้ายคริสตัล พวกเขายังสังเกตเห็นว่าร่างกายของเธอ มีชั้นน้ำมันมันวาว และ ปากของเธอมีกลิ่นกระเทียม...
พยาบาลคนหนึ่งอยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "ใบหน้าของฉัน รู้สึกเหมือนมันกำลังไหม้อยู่เลย" ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็เป็นลมหมดสติ เจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยและเวียนหัว บางคนมีอาการตัวชัก ตัวสั่น หายใจลำบาก และ บางคนถึงขั้นหยุดหายใจ ไปชั่วขณะหนึ่ง...
เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง ต้องเข้าห้องไอซียู เนื่องจากปัญหาเนื้อเยื่อกระดูก และ เขาต้องใช้ไม้ค้ำยันเป็นเวลาหลายเดือน...
ครอบครัวของเธอเชื่อว่า "รัฐบาลท้องถิ่นเป็นฝ่ายผิด และ เธอได้รับก๊าซพิษรั่วไหลจากทางโรงพยาบาล" แต่คนอื่นๆอ้างว่า "เธอใช้เจลต้านการอักเสบ ที่มีไดเมทิลซัลฟอกไซด์ เพื่อต่อสู้กับความเจ็บปวดจากมะเร็ง"
นักวิจัย "แพทริค เอ็ม แกรนท์" จากศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ลิเวอร์มอร์ ได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ นิติวิทยาศาสตร์นานาชาติ ซึ่งระบุว่า "สาร "ไดเมทิลซัลฟอกไซด์" จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เพื่อผลิต "ไดเมทิลซัลโฟน" ซึ่งสามารถตกผลึกได้ที่อุณหภูมิห้อง และ การกระแทกโดยเครื่องกระตุ้นหัวใจกับเธอ อาจทำให้สารดังกล่าวกลายเป็นพิษร้ายแรง และ เข้าสู่ร่างกายของเธอ ส่งผลทำให้เจ้าหน้าที่ๆไปจับตัวเธอ ได้รับสารดังกล่าว..."













