รีวิวหนังดัง THE BOURNE LEGACY พลิกแผนล่า ยอดจารชน
ย้อนกลับยังภาคสามของ THE BOURNE ULTIMATUM นี่คือการเขียนเรื่องใหม่โดยพูดถึงสายลับคนอื่นๆที่อยู่ในโครงการใหม่ๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาคู่ขนานเดียวกันกับ Jason Bourne
โดยสายลับคนใหม่ที่หยิบยกมานั้นก็คือ Aaron Cross จารชนหน้าใหม่นำแสดงโดย Jeremy Runner โดยได้ผู้กำกับที่ปกติมักจะเป็นมือเขียนบทอย่าง Tony Gilroy มารับหน้าที่นี้
เรื่องย่อ
โครงการสายลับ Outcome ยุติโครงการพร้อมกับจ่ายยาให้สายลับทุกคนตามปกติ โดยยาดังกล่าวกลายเป็นยาพิษ เพื่อเก็บสายลับทุกคนให้หายไปจากโครงการที่กำลังจะปิด
Aaron Cross คือหนึ่งในสายลับที่เอาตัวรอดมาได้ แต่เขาขาดยาที่จำเป็นต้องทายต่อเนื่อง ตามที่โครงการเคยกำหนดไว้ หากขาดยาจะมีผลเสียร้ายแรง เขาจึงพยายามสืบหาตัว Dr.Marta Shearing เพื่อช่วยเขาแก้ปัญหาเรื่องการแก้ไขปัญหานี้ พอดีกับช่วงที่เธอเองก็กำลังจะถูกจัดฉากฆ่าตัวตายพอดี
Aaron และ Dr.Shearing ต้องร่วมมือและหลบหนีแบบฉบับที่สายลับทำกัน พวกเขาต้องไปฟิลิปปินส์เพื่อนำเชื้อไวรัสต้นแบบถอนอาการพึ่งพายาแบบเด็ดขาดถาวร ทั้งคู่ต้องช่วยเหลือกัน เพราะยังคงถูกตามล่าจาก Col. Eric Byer ที่ต้องรับหน้าที่ปิดโครงการ Outcome อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ให้ถูกแฉเหมือน Tradestome อย่างที่เกิดขึ้นโดย Jason Bourne
นักแสดงนำ
- Jeremy Renner รับบทเป็น Aaron Cross
- Rachel Weisz รับบทเป็น Marta Shearing
- Edward Norton รับบทเป็น Col Eric Byer, USAF, Ret.
- Scott Glenn รับบทเป็น Ezra Kramer
- Corey Stoll รับบทเป็น Zev Vendel
- Michael Chernus รับบทเป็น Arthur Ingram
ความชื่นชอบและประทับใจของครีเอเตอร์
1.องค์แรกของเรื่องดำเนินไปอย่างน่าเบื่อมาก หนังพยายามสื่อถึงสายลับอย่าง Aaron Cross กับการเชื่อมโยงกับ Jason Bourne แบบอ้อมๆ โดยต้องการให้คนดูรู้สึกให้ได้ว่านี่คือเรื่องราวที่น่าสนใจมากเลยนะ มันคือส่วนหนึ่งของ Bourne แต่คนดูอย่างเรากลับไม่อินเอาเสียเลย
2.เนื้อเรื่องง่าย เข้าใจไม่ยาก แต่น่าเบื่อ ไม่มีประเด็นให้น่าติดตาม หนังพยายามยืดเยื้อให้เรื่องราวอืดอาดมากกว่าที่ควรจะเป็น คนดูรู้สึกได้เลยว่าหนังดันทุรังที่จะหาทางนำเสนอดำเนินเรื่องต่อไปเรื่อยๆจนจบ
3.หนังตอบโจทย์ในแง่ของการคลายความคิดถึงในแฟรนไชส์ของ Bourne แต่การที่ Aaron Cross ไม่มีสาระแก่นสารที่น่าลุ้น มันเลยทำให้เราคิดถึง Jason Bourne เจ้าของแฟรนไชส์ที่แท้จริงมากกว่าที่สามารถใช้หลักเอาตัวรอดชวนลับสมองจริงๆ
4.การแสดงของ Jeremy Runner ตอบโจทย์ในแง่ของการต่อสู้ประชิดตัวที่บู๊สุดดุเดือด เป็นสายลับที่น่าจะเป็นตัวแทนคนอื่นๆนอกเหนือจาก Bourne ได้ เขาเองก็ต้องเผชิญปัญหาทางกายและใจไม่แพ้ Bourne เลย เสียดายที่เนื้อเรื่องไม่สนุกเท่าที่ควร
5.Racheal Weisz เฉิดฉายและน่ารักดี แต่ด้วยบทที่ชวนตึงเครียด ชวนสติแตกเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ภาพจำของเธอออกมาไม่ค่อยดีนัก ไม่เหมือนอย่างสมัย The Mummy (1999) ที่มีรายละเอียดชวนจดจำมากกว่า
6.ขณะที่ Edward Norton ก็แสดงได้ดีในบุคลิกสุดเคร่งขรึม เสียดายที่บทบาทของเขากลับมีข้อสรุปที่ไม่ชัดเจน เหมือนตัดผ่านเลยไปจึงไม่ได้มีภาพจำที่ดีพอเช่นกัน
7.เพลงประจำแฟรนไชส์อย่าง Extreme Ways ขับร้องโดย Moby ที่ครีเอเตอร์ชื่นชอบยังคงมีอยู่ในภาคนี้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันดีที่แฟรนไชส์นี้ได้รักษาไว้ ในภาคต่อๆไปอยากให้หาเนื้อเรื่องที่ดีกว่านี้โดยไม่ยึดติดว่าเป็นการไล่ล่ากันเองจาก CIA อีกแล้ว แต่เป็นการต่อกรกับศัตรูจริงๆบ้างก็คงจะสะใจไม่น้อย











