ทำไมมุสลิมต้องละหมาด ?
ชาวพุทธไปวัดเพื่อสวดมนต์ไหว้พระ ชาวคริสต์ไปโบสถ์เพื่ออธิษฐาน สำหรับชาวมุสลิมไปมัสยิดเพื่อละหมาด
⁉️ละหมาดคืออะไร หลายคนอาจสงสัย
#ละหมาด
เป็นคำไทยที่เพี้ยนมาจากคำว่า “นมาซ” ซึ่งเป็นคำในภาษาตุรกี เปอร์เซีย และอุรดู คำนี้หมายถึงการเคารพสักการะสิ่งที่ผู้คนนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์สูงสุด นั่นคือพระเจ้า
เนื่องจากชนชาติที่พูดภาษาดังกล่าวเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามหรือเป็นมุสลิม และเดินทางมาค้าขายในเมืองไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น มุสลิมเหล่านี้จะต้องปฏิบัตินมาซวันละ 5 เวลาตามข้อกำหนดของอิสลาม คนไทยได้ออกเสียงคำว่านมาซเพี้ยนเป็นละหมาด
ถ้าคนไทยพูดคำว่าละหมาด ชาวอาหรับอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าพูดคำว่านมาซ ชาวอาหรับพอจะเข้าใจ เพราะชาวอาหรับมีปฏิสัมพันธ์กับชนชาติที่พูดคำว่านมาซมาเนิ่นนาน
ความจริงแล้วภาษาเดิมของคำว่านมาซหรือละหมาดคือคำว่า “เศาะลาฮฺ” ซึ่งเป็นภาษาอาหรับ คำนี้มีความหมายสำคัญ 3 ประการ นั่นคือ 1) การแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าด้วยอิริยาบถยืน โค้ง กราบ และนั่ง 2) การกล่าวคำสรรเสริญพระเจ้า และ 3) การวิงวอนขอพร
ความหมายทั้งสามนี้มีอยู่ครบถ้วนในการละหมาดประจำวัน 5 เวลา แต่ในการละหมาดให้คนตายมีแค่ความหมาย 2 ประการหลังเท่านั้น เพราะเป็นแค่เพียงการสรรเสริญพระเจ้าและขอพรให้คนตาย มิใช่การแสดงความเคารพสักการะพระเจ้าในความหมายแรก เพราะเป็นการยืนขอพรอย่างเดียว ไม่มีการโค้ง การกราบ และนั่ง
การละหมาดเป็นการยืนยันความศรัทธาในพระเจ้าของคนที่บอกว่าตัวเองนับถืออิสลามหรือเป็นมุสลิม ดังนั้น การละหมาดจึงเป็นสิ่งที่แยกแยะว่าใครเป็นมุสลิมและมิใช่มุสลิม นอกจากนี้แล้วตามคำสอนของนบีมุฮัมมัด เมื่อมนุษย์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในวันแห่งการพิพากษา คำถามแรกที่พระเจ้าจะถามมนุษย์ก็คือเรื่องการละหมาดว่าได้ทำและทำครบถ้วนถูกต้องหรือไม่
ในการละหมาดผู้ละหมาดถูกกำหนดให้อ่านถ้อยคำสรรเสริญพระเจ้า และกล่าวย้ำว่าพระเจ้าเป็นผู้ทรงมีอำนาจสูงสุดในวันแห่งการพิพากษามนุษย์ นอกจากนี้แล้วยังถูกกำหนดให้วิงวอนขอแนวทางที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิตจากพระเจ้า และวอนขอต่อพระองค์ให้อภัยโทษความผิดบาปของตน
เนื่องจากการละหมาดเป็นการแสดงออกถึงความศรัทธาและความเกรงกลัวพระเจ้า การละหมาดจึงเป็นการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้าผู้ทรงสร้างและเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่ง ความสัมพันธ์อันดีนี้จะช่วยให้มนุษย์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างมา
ด้วยความสำคัญของการละหมาดต่อชีวิต นบีมุฮัมมัดจึงกำหนดเป็นกฎไว้ว่า พ่อแม่ต้องส่งลูกของตนให้เรียนศาสนาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และเมื่อลูกอายุ 10 ขวบ พ่อแม่ต้องบังคับให้ลูกละหมาด เพื่อที่ว่าลูกของตนจะได้รักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วยตัวเองต่อไป
เหตุผลของการสั่งให้เรียนศาสนาตั้งแต่เยาว์วัยนั้นไม่ต่างอะไรจากการที่แพทย์สั่งให้พ่อแม่พาทารกไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆที่อาจเกิดขึ้นแก่ทารก การให้เด็กเรียนศาสนาและละหมาดก็เป็นการให้วัคซีนทางจิตวิญญาณเพื่อให้เด็กมีภูมิป้องกันบาปเมื่อเติบโตขึ้น เพราะในขณะมีชีวิตพ่อแม่อาจดูแลป้องกันมิให้ลูกตัวเองทำบาป แต่วันหนึ่งตัวเองต้องจากลูกไป ใครจะคอยระวังลูกของตนมิให้ทำบาปนอกจากสำนึกแห่งความยำเกรงพระเจ้าซึ่งเกิดขึ้นจากการละหมาด