หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“กลิ่นน้ำตา” ของผู้หญิง สามารถลดพฤติกรรมก้าวร้าวของผู้ชายได้

โพสท์โดย buay1975

การทดลอง 'กลิ่นน้ำตา" ผู้หญิง กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์

น้ำตาเป็นของเหลวที่หลั่งออกมาจากต่อมน้ำตาที่อยู่บริเวณขอบตา น้ำตามีบทบาทสำคัญในการปกป้องดวงตาจากสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง สิ่งสกปรก หรือเชื้อโรค น้ำตายังช่วยหล่อลื่นดวงตา และทำให้ดวงตามองเห็นได้ชัดเจน

นอกจากนี้ น้ำตายังทำหน้าที่เป็นสัญญาณทางสังคมที่ช่วยสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่ร้องไห้ น้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะอารมณ์เศร้าโศกเสียใจอาจบ่งบอกถึงความทุกข์ทรมาน ความรู้สึกโดดเดี่ยว หรือความสิ้นหวัง

ล่าสุด มีการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่า น้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะอารมณ์เศร้าโศกเสียใจ อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ที่ได้กลิ่นน้ำตาได้

การศึกษาวิจัยดังกล่าวโดยทีมนักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์มานน์ของอิสราเอล (WIS) และศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก (DUMC) ของสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษากับอาสาสมัครชายจำนวน 60 คน โดยให้อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งดมตัวอย่างน้ำตาที่ได้มาจากผู้บริจาคหญิง ส่วนอาสาสมัครอีกกลุ่มหนึ่งจะได้ดมเพียงน้ำเกลือธรรมดา จากนั้นให้ทั้งสองกลุ่มจับคู่กันเล่นเกมที่กระตุ้นให้แสดงความก้าวร้าวออกมา

ผลการศึกษาพบว่า อาสาสมัครชายที่ได้ดมตัวอย่างน้ำตา จะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลง และแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวลดลงเมื่อเทียบกับอาสาสมัครชายที่ได้ดมเพียงน้ำเกลือธรรมดา อาสาสมัครชายที่ได้ดมตัวอย่างน้ำตายังรายงานความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น

ผลการทดลองนี้สนับสนุนผลการวิจัยในหนูทดลอง และชี้ให้เห็นว่า น้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะอารมณ์เศร้าโศกเสียใจ อาจทำหน้าที่เป็นสัญญาณทางสังคมที่ช่วยสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่ร้องไห้ น้ำตาเหล่านี้อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ที่ได้กลิ่นน้ำตา ช่วยลดความก้าวร้าว และกระตุ้นให้เกิดความผูกพันและความเห็นอกเห็นใจ

นอกจากการทดลองกับหนูทดลองแล้ว ทีมนักวิจัยยังได้ทำการศึกษากับมนุษย์เพิ่มเติม โดยให้อาสาสมัครหญิงจำนวน 60 คน ดูภาพยนตร์ที่มีฉากเศร้า จากนั้นให้อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งดมตัวอย่างน้ำตาที่ได้มาจากผู้บริจาคหญิง ส่วนอาสาสมัครอีกกลุ่มหนึ่งจะได้ดมเพียงน้ำเกลือธรรมดา

ผลการศึกษาพบว่า อาสาสมัครหญิงที่ได้ดมตัวอย่างน้ำตา จะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลง และรายงานความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น อาสาสมัครหญิงเหล่านี้ยังรายงานว่ารู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นมากขึ้น

ผลการทดลองนี้สอดคล้องกับผลการทดลองกับหนูทดลอง และชี้ให้เห็นว่า น้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะอารมณ์เศร้าโศกเสียใจ อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ที่ได้กลิ่นน้ำตาในมนุษย์เช่นกัน

จากผลการวิจัยดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า น้ำตาอาจมีบทบาทสำคัญมากกว่าที่เราคิด น้ำตาอาจไม่ใช่แค่สัญญาณของความอ่อนแอ แต่อาจเป็นสัญญาณของความแข็งแกร่งและความเห็นอกเห็นใจก็ได้

หากเรามีโอกาสได้เห็นใครบางคนกำลังร้องไห้ แทนที่จะมองข้ามไป เราอาจลองเข้าไปปลอบประโลมหรือให้กำลังใจพวกเขาดู เพราะน้ำตาของพวกเขาอาจกำลังส่งสัญญาณถึงความต้องการความช่วยเหลือจากเราอยู่ก็ได้

สรุปผลการทดลอง

  • อาสาสมัครชายที่ได้ดมตัวอย่างน้ำตา จะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลง และแสดงพฤติกรรมที่ก้าวร้าวลดลง
  • อาสาสมัครชายที่ได้ดมตัวอย่างน้ำตา ยังรายงานความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น
  • อาสาสมัครหญิงที่ได้ดมตัวอย่างน้ำตา จะมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลง และรายงานความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
  • อาสาสมัครหญิงที่ได้ดมตัวอย่างน้ำตา ยังรายงานว่ารู้สึกเชื่อมโยงกับผู้อื่นมากขึ้น

ผลการทดลองดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า น้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะอารมณ์เศร้าโศกเสียใจ อาจมีสารเคมีที่สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ที่ได้กลิ่นน้ำตา โดยสารเคมีเหล่านี้อาจลดระดับของฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโทสเตอโรนลง และทำให้สมองของผู้ที่ได้กลิ่นน้ำตามีการทำงานเปลี่ยนไป

สารเคมีที่พบในน้ำตาที่หลั่งออกมาเพราะอารมณ์เศร้าโศกเสียใจ ได้แก่ โปรแลคติน (prolactin) ออกซิโทซิน (oxytocin) และฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) โปรแลคตินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการเลี้ยงดูบุตร ออกซิโทซินเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความรัก ความผูกพัน และการคลอดบุตร ส่วนฮอร์โมนคอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด

จากผลการทดลองดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า น้ำตาอาจทำหน้าที่เป็นสัญญาณทางสังคมที่ช่วยสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่ร้องไห้ น้ำตาเหล่านี้อาจส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ที่ได้กลิ่นน้ำตา ช่วยลดความก้าวร้าว และกระตุ้นให้เกิดความผูกพันและความเห็นอกเห็นใจ

โพสท์โดย: buay1975
อ้างอิงจาก:
บทความวิจัย "The power of tears: Oxytocin-laced tears reduce aggression in men" โดยทีมนักวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์ไวซ์มานน์ของอิสราเอล (WIS) และศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ก (DUMC) ของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ในวารสาร PLOS Biology เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563

บทความวิจัย "The effects of tears on emotional responses: Evidence from a double-blind, placebo-controlled study" โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์ในวารสาร Psychological Science เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2562
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
buay1975's profile


โพสท์โดย: buay1975
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: ไทยเฉย, buay1975
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบวิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายสยายปีกรับทรัพย์! เลขเด็ด "นกตาทิพย์" แนวทางรวยงวดใหม่ 2 มกราคม 2569AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีด่วน รัฐมนตรีกลาโหมไทย-กัมพูชาลงนามหยุดยิงสิบเลขขายดีแม่จำเนียร งวด 2/1/69BBC อวยยศ พนมเปญติดอันดับโลก แต่ไกด์นั่งตบยุง นักท่องเที่ยวหายสมัคร สส.เมืองคอนวันแรกคึกคัก ผู้สมัคร สส.ฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักลงสมัครสส.อย่างไม่ท้อถอย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"DJ Sakura Soh" กับบทบาทใหม่ในวงการ JAVมุสลิมกินเจได้ไหม? ไขข้อสงสัยตามหลักศาสนาอิสลามทหารเขมรยิงปืนใหญ่จากพื้นที่พลเรือน พอไทยสวนกลับ ก็กล่าวหาว่าไทยยิงโจมตีพื้นที่พลเรือน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เผยโฉม "Dracula’s Chivito": จานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลเท่าที่เคยพบ“ทำไมคนขยันหลายคนยังไม่ประสบความสำเร็จ? ความจริงที่ไม่มีใครบอกคุณ”ทึ่งทั่วโลก : "ทะเลสาบเพโท" ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แสนสดใสที่มองจากมุมสูงแล้วมีรูปร่างเหมือน "หัวสุนัขจิ้งจอก" ด้วยน๊าจะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
ตั้งกระทู้ใหม่