มรดกโลกที่ยูเนสโกถอดถอนไปแล้ว
หลังจากมีข่าวว่าอังกอร์วัดจะถูกยื่นเรื่องถอดถอนการเป็นมรดกโลกจากทางยูเนสโก ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีมรดกโลกที่เคยถูกถอดถอนออกจากบัญชีรายชื่อมาแล้ว ด้วยเหตุผลสำคัญที่ว่าไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร เกิดความเสี่ยงอย่างมากจนไม่อาจกลับมาเป็นดั้งเดิมได้ ซึ่งก่อนจะถูกลบออกจากทะเบียนจะต้องมีการจัดเป็นแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย เพื่อเจรจากับหน่วยงานท้องถิ่นให้หาทางดำเนินแก้ไขสถานการณ์ก่อน จนถึงปัจจุบันนี้มีสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่ถูกยูเนสโกถอดถอน และอีก 1 แห่งถูกถอดถอนบางส่วน มาดูกันว่าสถานที่สำคัญที่เคยเป็นสมบัติของชาติที่ถูกลบออกจากทะเบียนมรดกโลกไปแล้วจะมีที่ไหนกันบ้าง
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Arabian Oryx Sanctuary
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Arabian Oryx Sanctuary เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์หลากหลายชนิด ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางกิโลเมตรบริเวณตอนกลางของทะเลทรายติดกับชายฝั่งทะเลตะวันออกของโอมาน โดยสุลต่านกาบูส บิน ซาอิด ของโอมานก่อตั้งศูนย์อนุรักษ์แอนติโลปเมื่อปี 1982 เพื่อฟื้นฟูประชากรแอนติโลปที่ถูกประกาศว่าสูญพันธุ์ไปจากป่าเมื่อปี 1972 เนื่องจากถูกล่าและที่อยู่อาศัยถูกทำลาย ก่อนจะประสบความสำเร็จในการเพาะในกรงเลี้ยงที่สหรัฐฯ และปล่อยกลับสู่ธรรมชาติในอีก 10 ปีต่อมา ด้วยเหตุนี้ในปี 1994 ยูเนสโกจึงขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก แต่เป็นสถานที่แรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกถอดถอนออกจากบัญชีในปี 2007 เดิมสถานที่แห่งนี้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหายากเพื่อการฟื้นฟูหลายชนิด ซึ่งล้วนเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ทำให้ทาง UNESCO ตัดสินใจประกาศให้สถานที่แห่งนี้อยู่ในทะเบียนมรดกโลก แต่ต่อมารัฐบาลโอมานได้ค้นพบน้ำมันภายในเขตอุทยานจึงตัดสินใจลดพื้นที่ของศูนย์อนุรักษ์ลงถึง 90% เพื่อพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ประชากรออริกซ์ หรือแอนติโลปเขายาวลดลงจาก 450 ตัวเหลือเพียงตัวเต็มวัย 4 คู่เท่านั้น ในปี 2007 ทางคณะกรรมการจึงมองว่าการกระทำนี้เป็นการทำลายคุณค่าที่โดดเด่นของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ถูกจารึกไว้ในปี 1994 และขัดต่อแนวทางในอนุสัญญาจึงได้ตัดสินใจถอดถอนเขตรักษาพันธุ์อาราเบียออกจากการเป็นมรดกโลกโดยไม่ได้มีการจัดให้อยู่ในภาวะอันตรายก่อนที่จะถูกเพิกถอน
- หุบเขา Elbe Valley
Elbe Valley เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนีมีทัศนียภาพสวยงามเป็นอย่างมาก ทิวทัศน์ทอดยาวไปตามแม่น้ำแม่น้ำเอลเบอเป็นระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตรบริเวณใจกลางเมืองมีอนุสาวรีย์และสวนสาธารณะมากมายมีสถาปัตยกรรมแนวยุโรปที่ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นรวมถึงสัญลักษณ์แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม รถไฟเคเบิลที่เก่าแก่มากที่สุดในโลก ในด้านธรรมชาติประกอบไปด้วยทุ่งหญ้ากว้างมีพืชพันธุ์นานาชนิดทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คู่ควรแก่การอนุรักษ์จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2004 ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเมืองอันทรงคุณค่าในด้านธรรมชาติสถาปัตยกรรมและมรดกทางอุตสาหกรรม แต่ที่นี่ถูกเพิกถอนจากการเป็นมรดกโลกในปี 2009 สาเหตุสำคัญนั้นมาจากการสร้างสะพาน 4 เลนเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเอลเบอด้วยจุดประสงค์ในการแก้ไขการจราจรที่ติดขัดภายในเมือง แต่ว่าการสร้างสะพาน ซึ่งจะทอดผ่านกลางพื้นที่มรดกโลกตรงใจกลางภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมนี้ทำให้ทางยูเนสโกลงความเห็นว่าเป็นการทำลายคุณค่าด้านทัศนียภาพทำให้โบราณสถานเสื่อมเสีย แม้ว่าจะมีการจัดเป็นแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตรายเพื่อหารือแก้ไขแล้วก็ตามแต่ก็ไม่เป็นผลสุดท้ายจึงโดนถอดถอนออกจากบัญชีมรดกโลกเป็นแห่งที่ 2
- เมืองลิเวอร์พูล Liverpool Maritime Mercantile City
Liverpool Maritime Mercantile City เป็นเมืองการค้าทางทะเลที่โดดเด่นในประเทศอังกฤษ มรดกโลกประเภทวัฒนธรรมเป็นท่าเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในศตวรรษที่ 18 และ 19 จนได้รับการแต่งตั้งเป็นมรดกโลกทางองค์การยูเนสโกในปี 2004 ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นแหล่งนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เก่าแก่และเป็นท่าเรือพาณิชย์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดของสหราชอาณาจักร แต่การพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นการสูญเสียสัญลักษณ์และความโดดเด่นดั้งเดิม เป็นเหตุให้อยู่เนสโกถอดถอนแหล่งการค้าทางทะเลของเมืองลิเวอร์พูลออกจากมรดกโลก ด้วยสาเหตุหลักมาจากโครงการ Liverpool Water ซึ่งป็นโครงการที่พัฒนาปรับปรุงท่าเรือของเมืองให้ทันสมัยเริ่มพัฒนาตามแนวชายฝั่งของแม่น้ำเมอร์ซี่การดำเนินการดังกล่าวนั้นนำมาสู่การพัฒนาใหม่ๆมากมายรวมถึงอพาร์ทเม้นท์โรงแรมอาคารสำนักงาน และการเสนอให้มีการก่อสร้างสนามฟุตบอลของสโมสรเอฟเวอร์ตัน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประชากรในเมือง แต่สิ่งเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นอันตรายต่อมรดกที่ควรค่าแก่การรักษาแม้จะเป็นการสร้างที่อยู่อาศัยและงานให้กับคนในท้องถิ่น จึงได้จัดให้เป็นแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตรายแต่การพัฒนาที่เพิ่มขึ้นนี้กลับส่งผลให้เมืองลิเวอร์พูลถูกลบออกจากรายชื่อมรดกโลกในปี 2021 เนื่องจาก “สูญเสียคุณลักษณะโดยไม่สามารถเอาคืนกลับมาได้”กลายเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 3 ที่ถูกถอดถอน
- มหาวิหารBagrati Cathedral
Bagrati Cathedral และโบสถ์เจลาติ ในประเทศจอร์เจีย อยู่ในเมืองคูทายซี เมืองใหญ่อันดับสองรองจากกรุงทบิลิซี ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 116 เป็นแลนด์มาร์คทางศาสนาและวัฒนธรรมที่สำคัญได้รับการจารึกว่าเป็นต้นแบบของสถาปัตยกรรมจอร์เจียและศูนย์กลางของชุมชนตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 และ 12 จิตรกรรมฝาผนังที่โดดเด่นภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสคเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อปี 1994 ต่อมาได้มีการดัดแปลงตัวอาคารของมหาวิทยาลัยจนส่งผลเสียต่อคุณค่าทางประวัติศาสตร์ดั้งเดิมทำให้ยูเนสโกถอดถอนมหาวิหารออกจากบัญชีมรดกโลกในปี 2017 แต่ว่าโบสถ์เจลาติยังคงสถานะเป็นมรดกโลกเช่นเดิมทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกลบออกจากบัญชีแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น